รู้จัก Fat FIRE เทรนด์การเก็บเงินแบบสุดโต่ง เพื่อเกษียณอย่างรวดเร็ว
Economy

รู้จัก Fat FIRE เทรนด์การเก็บเงินแบบสุดโต่ง เพื่อเกษียณอย่างรวดเร็ว

31 มี.ค. 2023
รู้จัก Fat FIRE เทรนด์การเก็บเงินแบบสุดโต่ง เพื่อเกษียณอย่างรวดเร็ว /โดย ลงทุนเกิร์ล
“อิสรภาพทางด้านการเงิน” หรือการมีรายได้มากพอที่จะใช้ชีวิต สามารถใช้เวลาไปทำในสิ่งที่ตนเองชอบได้ โดยไม่ต้องพึ่งพารายได้จากการทำงานประจำ
สิ่งนี้น่าจะเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่หลายคนใฝ่ฝัน โดยหนึ่งในนั้นคือกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่า “Fat FIRE”
ซึ่งบางคนถึงกับ เลือกทำงานที่ตัวเองไม่ได้ชอบ แต่ได้ค่าตอบแทนสูง เพราะต้องการที่จะเกษียณให้ได้ไวที่สุด
แล้ว Fat FIRE มีที่มาจากอะไร ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
ต้องบอกว่า ความจริงแล้ว Fat FIRE เป็นส่วนหนึ่งของคำว่า FIRE
ที่ย่อมาจาก “Financial Independence, Retire Early”
หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ กลุ่มคนที่ต้องการมีอิสรภาพทางการเงิน เพื่อที่จะเกษียณก่อนกำหนด
อย่างไรก็ตาม คำว่าอิสรภาพทางการเงินของแต่ละคน คงไม่เท่ากัน จำนวนเงินที่สามารถสร้าง “อิสระ” ให้แต่ละคนได้นั้น ก็จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยหลัก ๆ ก็น่าจะหนีไม่พ้น ไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตของแต่ละคน
เมื่อเรื่องเป็นแบบนี้ จึงทำให้เกิด FIRE ในหลาย ๆ รูปแบบขึ้นมา ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Fat FIRE นั่นเอง
แล้ว Fat Fire คืออะไร ?
Fat FIRE คือ กลุ่มคนที่ต้องการเกษียณ โดยที่ไม่ต้องการลดมาตรฐานการใช้ชีวิตในปัจจุบัน และยังคงมีการใช้จ่ายไปกับของฟุ่มเฟือยอยู่บ้าง
ต่างจาก FIRE ในประเภทอื่น ๆ เช่น Lean FIRE ที่จะทำการตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไปทั้งหมด
แน่นอนว่า สิ่งที่ตามมาจากมาตรฐานการใช้ชีวิตที่สูงกว่า FIRE กลุ่มอื่น คือ ค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ในยามเกษียณนั่นเอง
ทำให้คนในกลุ่มนี้ จำเป็นต้องหางานที่สร้างรายได้ที่ดี และสามารถเก็บเงินในสัดส่วนที่สูงกว่ามนุษย์เงินเดือนทั่วไป
โดยที่บ่อยครั้งคนกลุ่มนี้ไม่ได้สนใจว่า งานที่ตนเองทำนั้น จะเป็นงานที่ตนเองรักหรือไม่ ขอแค่เป็นงานที่มีรายได้สูง จนสามารถมีเงินเก็บได้มากพอ
คำถามต่อมาคือ แล้วมีแนวทางอะไรบ้าง ที่ทำให้คนทำงานสามารถบรรลุอิสระทางด้านการเงิน จนสามารถเรียกตัวเองว่าเป็น Fat FIRE
1.ตั้งเป้าหมายทางการเงิน
ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว เป้าหมายของกลุ่ม FIRE คือ มีเงินมากเป็น 25-30 เท่า ของค่าใช้จ่ายรายปี
ยกตัวอย่างเช่น นาย B มีค่าใช้จ่ายต่อปี อยู่ที่ 480,000 บาทต่อปี
ดังนั้น ถ้านาย B ต้องเก็บเงินให้ได้ประมาณ 12-15 ล้านบาท ถึงจะสามารถเกษียณได้
2.วางแผนให้ชัดเจน
เริ่มจากทำบัญชี รายรับ รายจ่าย เพื่อให้เราสามารถทราบถึงพฤติกรรมการใช้เงินของตัวเอง จากนั้นทำการวางแผนให้ชัดเจนว่า เก็บเงินเป็นสัดส่วนเท่าไรของรายได้
ต่อมาคือศึกษาว่า ควรเลือกลงทุนในสินทรัพย์ตัวไหน ที่จะทำให้เงินเก็บออมของเราเติบโตได้ตามเป้าหมาย
เช่น ลงทุนในหุ้น ที่แม้จะมีความเสี่ยงสูงกว่า แต่อาจได้ผลตอบแทนที่สูงเช่นกัน
หรือลงทุนในหุ้นกู้ ที่ให้ผลตอบแทนต่ำกว่า แต่ก็มีระดับความเสี่ยงที่ต่ำกว่า รวมไปถึงยังได้รับดอกเบี้ยสม่ำเสมอ
อ่านมาถึงตรงนี้ เราสามารถสรุปกันอีกทีได้ว่า
Fat FIRE คือ การเลือกทำงานที่ให้ผลตอบแทนสูง แล้วเร่งเก็บเงินให้ได้มากกว่า FIRE ประเภทอื่น
เพื่อที่จะสามารถเกษียณได้เร็ว โดยไม่ต้องลดมาตรฐานการใช้ชีวิตยามเกษียณของตัวเองลง
อย่างไรก็ตาม การมุ่งเก็บเงินอย่างสุดโต่ง ก็มีข้อเสียเช่นเดียวกัน
เพราะเมื่อต้องใช้ชีวิตอย่างรัดกุมจนเกินไป อาจนำมาซึ่งความเครียด ไปจนถึงการสูญเสียความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง หรือสุขภาพ จนร่างกายอ่อนแอ
ที่สำคัญอย่าลืมว่า ในช่วงหลายปี ที่เรากำลังหักโหมเก็บเงินนั้น เราอาจจะกำลังพลาดประสบการณ์ หรืออะไรบางอย่าง ที่ไม่อาจย้อนเวลากลับมาทำมันได้อีก..
ดังนั้นเราควรถามตัวเองว่า จริง ๆ แล้วความสุข และเป้าหมายของเราคืออะไร ?
ถ้าคำตอบคือ การเกษียณ อย่างรวดเร็ว เพื่อจะได้ไปใช้ชีวิตตามที่ต้องการ
“Fat FIRE” ก็น่าจะเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดี
แต่ถ้าในวันนี้เรายังสนุกกับการทำงาน ได้พบปะผู้คน
ได้สะสมของที่ชอบ ได้ท่องเที่ยวในสถานที่ในฝัน
ยังมีความสุขที่ได้ใช้ชีวิตในรูปแบบนี้
ก็ไม่แน่ว่า จริง ๆ แล้ว การเก็บเงินแบบสุดโต่ง อาจไม่ใช่คำตอบของชีวิตเรา ก็เป็นได้..
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.