ลีกุมกี่ แบรนด์ซอสหอยนางรม อันดับ 1 ของโลก ที่เกิดขึ้นเพราะ “ลืมดับไฟ”
Business

ลีกุมกี่ แบรนด์ซอสหอยนางรม อันดับ 1 ของโลก ที่เกิดขึ้นเพราะ “ลืมดับไฟ”

3 เม.ย. 2023
ลีกุมกี่ แบรนด์ซอสหอยนางรม อันดับ 1 ของโลก ที่เกิดขึ้นเพราะ “ลืมดับไฟ” /โดย ลงทุนเกิร์ล
มีอาหารหลายอย่างในโลกนี้ ที่เกิดจากความไม่ตั้งใจ
ไม่ว่าจะเป็น คอร์นเฟลกส์ ที่ถือกำเนิดจากพี่น้อง Kellogg’s ที่ลืมเมล็ดข้าวสาลีไว้บนเตา แล้วเมล็ดข้าวสาลีเหี่ยวย่นไปมาก พวกเขาจึงนำมันลงไปในเครื่องบด เพื่อหวังยืดให้เป็นแผ่น แต่สิ่งที่พวกเขาได้กลับมาคือ เกล็ดข้าวสาลีกรอบ ๆ
หรือ สเลอปี้ ที่ในตอนแรกนั้น ผู้ที่คิดค้นเพียงแค่ต้องการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เกี่ยวกับเครื่องกดน้ำอัดลมที่ร้านของเขามักจะเสียบ่อย ด้วยการนำน้ำอัดลมไปแช่ช่องแช่แข็ง เพื่อหวังให้มันเย็นพอที่จะขายให้ลูกค้าได้
เช่นเดียวกันกับ ซอสหอยนางรม ที่เกิดจากความบังเอิญ
แต่กลายเป็นเป็นส่วนหนึ่งของอาหารจีนไปตลอดกาล
เรื่องราวตำนานของซอสหอยนางรม เป็นอย่างไร ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
เรื่องนี้ต้องเท้าความไปถึงปี ค.ศ. 1888 หรือ 135 ปีก่อน
ในวันหนึ่ง คุณ Lee Kum Sheung เจ้าของโรงน้ำชา ในมณฑลกวางตุ้ง ได้ตั้งหม้อเคี่ยวซุปหอยนางรม แต่เขาดันยุ่งจนลืมดับไฟบนเตา นึกได้อีกที ซุปหอยนางรมก็กลายเป็นน้ำสีน้ำตาลเข้ม หนืด ๆ เสียแล้ว
แต่เมื่อเขาได้ลองชิม ปรากฏว่ารสชาติของมันทั้งเข้มข้น เค็ม แต่หวานเล็กน้อย เป็นรสชาติใหม่ ที่อร่อยเกินห้ามใจ
คุณ Lee Kum Sheung จึงเกิดไอเดียนำซอสหอยนางรมมาขายที่ร้านของเขา ในชื่อแบรนด์ “ลีกุมกี่”
ณ วินาทีนั้นเอง ซอสหอยนางรม ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นบนโลก
แน่นอนว่า ซอสหอยนางรมลีกุมกี่ ได้รับความนิยมในหมู่คนในท้องถิ่น อย่างไม่ต้องสงสัย
ทำให้เขาเริ่มก่อตั้งบริษัทลีกุมกี่ เพื่อขายซอสหอยนางรมไปยังทั่วทุกมุมของประเทศจีน
จากนั้น บริษัท​​ลีกุมกี่ ก็ขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งย้ายสำนักงานใหญ่ จากจีนแผ่นดินใหญ่ไปยังมาเก๊า และย้ายไปฮ่องกงในที่สุด
รวมถึงส่งออกซอสหอยนางรมลีกุมกี่ ไปยังประเทศต่าง ๆ กว่า 100 ประเทศทั่วโลก เช่น สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, ญี่ปุ่น, เม็กซิโก และประเทศไทย ที่ลีกุมกี่ได้เข้ามาทำตลาดตั้งแต่ปี 1980
ซึ่งในปัจจุบัน ลีกุมกี่ ก็ได้ต่อยอดการผลิตซอสและเครื่องปรุงต่าง ๆ กว่า 200 ชนิด ตั้งแต่ซีอิ๊วขาว, ซีอิ๊วดำ, ซอส XO, ผงปรุงรส และอีกมากมาย
แต่ซอสหอยนางรมของลีกุมกี่ ก็ยังครองแชมป์ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ ในฐานะแบรนด์ซอสหอยนางรมอันดับ 1 ของโลก ที่เชฟระดับภัตตาคารอาหารจีน และแม่บ้านทั่วโลกเลือกใช้
แล้วสงสัยหรือไม่ว่า ปัจจัยอะไรที่ส่งผลให้ซอสหอยนางรมลีกุมกี่ ชนะใจผู้บริโภคได้สำเร็จ ?
เรื่องแรก ก็คือ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค
เนื่องจากวัฒนธรรมจีน จัดให้เรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่ โดยเฉพาะอาหารที่บำรุงร่างกายด้วยแล้ว ยิ่งถือเป็นอาหารชั้นเลิศ
นั่นทำให้เครื่องปรุงรสจากหอยนางรม ที่ชาวจีนเชื่อว่า ช่วยเพิ่มกำลังวังชาและสมรรถภาพทางเพศได้ จึงกลายเป็นสิ่งที่สนใจได้ไม่ยาก
และด้วยจำนวนประชากรชาวจีน นับพันล้านคน จึงเป็นโอกาสทางธุรกิจของแบรนด์ ในการเข้าถึงตลาดที่มีศักยภาพสูง
ที่สำคัญ กลุ่มลูกค้าของแบรนด์ยังขยายออกไปในวงกว้างขึ้นด้วย เพราะวัฒนธรรมการกินของชาวจีน ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก นั่นเอง
ถัดมา คือ ความแข็งแกร่งของผลิตภัณฑ์
ด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของซอสหอยนางรม ที่ลูกค้ามักติดใจ และยังเป็นเครื่องปรุงรสอเนกประสงค์ ที่สามารถนำไปใช้ได้กับหลายเมนู เช่น เมนูผัด, ปรุงรสซุป และน้ำสต๊อก หรือจะใช้เป็นซอสหมักสำหรับเนื้อสัตว์
จึงยากที่จะหาเครื่องปรุงรสอื่นมาทดแทน
และประเด็นสุดท้าย คือ คุณภาพของสินค้า
ลีกุมกี่เชื่อว่า “ส่วนผสมที่ดีจะสร้างผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม”
ดังนั้น ลีกุมกี่จึงเลือกใช้เฉพาะหอยนางรมที่สด และอวบอ้วนจากฟาร์มหอยนางรมที่ผ่านการควบคุมอย่างเข้มงวด เพื่อรักษาคุณภาพของวัตถุดิบ
ประกอบกับกระบวนการผลิต ที่ควบคุมเวลาและอุณหภูมิ เพื่อดึงรสชาติของหอยนางรมออกมาให้ได้มากที่สุด
เหมือนดั่งปรัชญาของแบรนด์ที่ว่า “100-1=0”
ซึ่งหมายถึง คุณภาพของสินค้าจะต้องสมบูรณ์แบบ และเต็มร้อยอยู่เสมอ เพราะความผิดพลาดเพียงหนึ่งเดียว
ก็อาจทำให้ทั้งหมดที่สร้างมา หายไปในพริบตา..
-----------------------------------------------------
Presented by กลุ่มบริษัทธนจิรากรุ๊ป พุ่งเป้าพัฒนาธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage) เพื่อเข้ามาเติมเต็มและต่อจิกซอว์เทรนด์ไลฟ์สไตล์ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น หลังจากประสบความสำเร็จ และได้รับการตอบรับอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าชาวไทยและต่างชาติที่มาใช้บริการร้าน Marimekko Pop-Up Café คาเฟแห่งแรกในโลก พร้อมเดินหน้าปูทางธุรกิจ F&B ภายใต้แบรนด์อื่นในเครือ หวังเจาะตลาดกลุ่มลูกค้า Gen Y - Gen Z มากขึ้น
https://www.facebook.com/TANACHIRA-GROUP-174055739828807/
#TANACHIRA #MarimekkoCafeThailand
-----------------------------------------------------
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.