ทำไมแบรนด์เสื้อผ้า ZARA ต้องมี ZARA HOME เพื่อขายของตกแต่งบ้าน
Business

ทำไมแบรนด์เสื้อผ้า ZARA ต้องมี ZARA HOME เพื่อขายของตกแต่งบ้าน

18 พ.ค. 2023
ทำไมแบรนด์เสื้อผ้า ZARA ต้องมี ZARA HOME เพื่อขายของตกแต่งบ้าน /โดย ลงทุนเกิร์ล
เคยสงสัยไหมว่า แบรนด์แฟชั่นอย่าง ZARA ที่ทำกำไรได้ดีอยู่แล้ว ทำไมถึงต้องหันมาเปิด ZARA HOME รุกตลาดขายของตกแต่งบ้าน ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยทำธุรกิจลักษณะนี้มาก่อนเลย
การที่ ZARA มีร้านขายของตกแต่งบ้านเป็นของตัวเอง
ส่งผลดีกับ ZARA อย่างไรบ้าง ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
คนที่ชอบเดินช็อปปิงเสื้อผ้าในศูนย์การค้า คงคุ้นเคยกับร้าน ZARA กันดี
ZARA เป็นแบรนด์แฟชั่นสัญชาติสเปน ที่เริ่มต้นธุรกิจโดยคุณ Amancio Ortega ในปี 1975 หรือราว 48 ปีมาแล้ว
ช่วงแรกเริ่ม ZARA รุกตลาดกลุ่มเสื้อผ้าไฮเอนด์ที่ราคาจับต้องได้ ก่อนจะหันมาจับตลาดฟาสต์แฟชั่นที่ทุกคนคุ้นเคย
ซึ่งปัจจุบัน ZARA อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท Inditex ที่มีคุณ Amancio Ortega เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุด
นอกจาก ZARA แล้ว ในเครือ Inditex ยังมีแบรนด์อื่น ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็น
-Pull&Bear แบรนด์เสื้อผ้าวัยรุ่น
-Bershka แบรนด์เสื้อผ้าแนวสตรีต และสดใส
-Oysho แบรนด์ชุดชั้นในและชุดออกกำลังกายสำหรับผู้หญิง
ซึ่งทุกแบรนด์ ล้วนเป็นแบรนด์แฟชั่นทั้งหมด
จนกระทั่ง ในปี 2003 ZARA ได้ฉีกแนวธุรกิจ ด้วยการเปิดตัวแบรนด์น้องใหม่อย่าง “ZARA HOME” ที่ขายสินค้ากลุ่มของตกแต่งบ้าน และเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ควบคู่ไปกับไลน์เครื่องแต่งกาย
เรียกได้ว่า ZARA HOME ถือเป็นแบรนด์ของตกแต่งบ้านเพียงแบรนด์เดียวในเครือ Inditex
แล้วทำไม ZARA ถึงเลือกเจาะตลาดของตกแต่งบ้าน ทั้งที่ตัวเองไม่มีประสบการณ์มาก่อน แถมตลาดนี้ก็มีเจ้าตลาดอยู่แล้ว ?
เพราะจริง ๆ แล้ว ZARA เล็งเห็นว่า การเปิดตัว ZARA HOME จะสามารถเข้ามาช่วยสนับสนุนในส่วนของ ZARA ได้หลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็น..
-เพิ่มโอกาสในการขยายตลาด ด้วยทรัพยากรเดิมที่มีอยู่
เนื่องจากสินค้าบางส่วนใน ZARA HOME จำเป็นต้องใช้ผ้าเป็นส่วนประกอบ ซึ่งแบรนด์เสื้อผ้าของ ZARA ก็มีผ้าเป็นวัตถุดิบหลักอยู่แล้ว
ดังนั้นการใช้ผ้ามาทำของตกแต่งบ้าน เช่น ผ้ารองจาน ผ้าเช็ดจาน ผ้าปูที่นอน ก็ถือเป็นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ เพื่อต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สามารถขยายตลาดให้กว้างยิ่งขึ้น
ทั้งลูกค้าเดิมที่ชื่นชอบเสื้อผ้าของ ZARA อยู่แล้ว ก็อาจลองไปสัมผัสสินค้าจาก ZARA HOME
รวมถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ที่สนใจของตกแต่งบ้าน
ซึ่งก็อาจเป็นกลุ่มคนที่ไม่เคยซื้อเสื้อผ้าจาก ZARA แต่พอคุ้นเคยกับแบรนด์ ในอนาคตก็อาจจะมาอุดหนุนเสื้อผ้าไปด้วย
-เพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้
สำหรับ ZARA HOME มีสินค้าตั้งแต่ของใช้เล็ก ๆ น้อย ๆ ในบ้าน อย่าง ห่วงรัดผ้าเช็ดปาก ปลอกหมอน ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์อย่างเก้าอี้ ชั้นวางของ ที่มีดิไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของ ZARA
ซึ่งของตกแต่งบ้านของ ZARA HOME มีราคาตั้งแต่ 1-499 ยูโร หรือราว 34 บาท ไปจนถึง 18,500 บาท
การแตกไลน์ธุรกิจ จากร้านเสื้อผ้า ขยายมาสู่ร้านขายของตกแต่งบ้าน จึงทำให้บริษัทมีแหล่งรายได้ใหม่ ๆ เข้ามา อีกทั้งยังเป็นการช่วยกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจอีกด้วย
นอกจากนี้ ZARA HOME ยังใช้กลยุทธ์ในการแข่งขันด้านราคา น้อยกว่ากลุ่มเสื้อผ้าแฟชั่น โดยจะให้ส่วนลดในระดับต่ำกว่าเมื่อเทียบกับเสื้อผ้า ทำให้มีศักยภาพในการสร้างรายได้และกำไร ให้กับบริษัท
-มีโอกาสเติบโตไปพร้อมกับตลาดของตกแต่งบ้าน
เมื่อดูมูลค่าตลาดของตกแต่งบ้านทั่วโลกในปี 2019 พบว่าอยู่ที่ราว ๆ 21 ล้านล้าน​บาท
แถมยังมีการคาดการณ์ว่า จะสูงถึงประมาณ 28.6 ล้านล้านบาท ในปี 2027 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 3.9% ต่อปี
แน่นอนว่า การเข้ามาอยู่ในตลาดของตกแต่งบ้าน ก็ทำให้ ZARA ได้รับอานิสงส์จากการเติบโตเหล่านี้ด้วย
ซึ่ง ZARA HOME ก็ขยายสาขาเรื่อยมา จนปัจจุบันมีถึง 427 สาขาทั่วโลก
อย่างไรก็ตามแม้ ZARA HOME จะไม่ใช่เจ้าเดียวในตลาดที่ใช้โมเดลนี้
เพราะคู่แข่งอย่างร้าน H&M ร้านค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสวีเดน ก็มีแบรนด์ H&M HOME ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
รวมถึงร้าน Primark ผู้ค้าปลีกในสหรัฐอเมริกา ก็มีสินค้าตกแต่งบ้านขายควบคู่ไปกับเสื้อผ้าอยู่แล้ว
การแข่งขันของตลาดเสื้อผ้าแฟชั่น ที่แบรนด์ฟาสต์แฟชั่นใหญ่ ๆ หันมารุกตลาดของตกแต่งบ้าน
ก็สะท้อนว่า การสร้างระบบนิเวศ หรือ Ecosystem เพื่อเชื่อมโยง จับกลุ่มลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์การแต่งตัว และการแต่งบ้านไปพร้อม ๆ กัน เป็นอีกเทรนด์ที่น่าสนใจ และมีโอกาสทางธุรกิจซ่อนอยู่
แต่ก็น่าติดตามต่อไปว่า แบรนด์เหล่านี้ ที่เดินบนโมเดลธุรกิจที่ใกล้เคียงกัน
จะมีการงัดกลยุทธ์อะไรออกมาใช้ เพื่อสร้างการเติบโต และสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งบ้าง..
-------------------------------------------------
Presented by กลุ่มบริษัทธนจิรากรุ๊ป พุ่งเป้าพัฒนาธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage) เพื่อเข้ามาเติมเต็มและต่อจิกซอว์เทรนด์ไลฟ์สไตล์ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น หลังจากประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าชาวไทยและต่างชาติที่มาใช้บริการร้าน Marimekko Pop-Up Café คาเฟแห่งแรกในโลก พร้อมเดินหน้าปูทางธุรกิจ F&B ภายใต้แบรนด์อื่นในเครือ หวังเจาะตลาดกลุ่มลูกค้า Gen Y - Gen Z มากขึ้น
https://www.facebook.com/TANACHIRA-GROUP-174055739828807/
#TANACHIRA #MarimekkoCafeThailand
-------------------------------------------------
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.