Chi Forest อาณาจักรเครื่องดื่ม 5 แสนล้านของจีน ที่สร้างธุรกิจ ด้วยหลักการเดียวกับบริษัทเทคฯ
Business

Chi Forest อาณาจักรเครื่องดื่ม 5 แสนล้านของจีน ที่สร้างธุรกิจ ด้วยหลักการเดียวกับบริษัทเทคฯ

14 ส.ค. 2023
Chi Forest อาณาจักรเครื่องดื่ม 5 แสนล้านของจีน ที่สร้างธุรกิจ ด้วยหลักการเดียวกับบริษัทเทคฯ /โดย ลงทุนเกิร์ล
ชื่อ Chi Forest อาจไม่คุ้นตาเราเท่าไร แต่ถ้าได้เห็นภาพของเจ้ากระป๋องเครื่องดื่มนี้แล้ว หลาย ๆ คนคงต้องร้องอ๋อ
เพราะมันเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มฮิต ที่วางขายในร้านหม่าล่า
Chi Forest มีชื่อเดิมว่า Genki Forest โดยเพิ่งเปลี่ยนชื่อไปหมาด ๆ เมื่อต้นปี 2023 ที่ผ่านมา
ซึ่ง Chi Forest ก็คือผู้ผลิตเครื่องดื่มสัญชาติจีน ที่มีผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มหลากหลายประเภท ทั้งน้ำอัดลมแต่งกลิ่น และชาประเภทต่าง ๆ
ถ้ามองเพียงผิวเผิน ก็ดูธรรมดา ไม่มีอะไรน่าสนใจ
แต่ต้องบอกว่า Chi Forest ไม่ใช่บริษัทเครื่องดื่มธรรมดา ๆ อย่างที่คิด..
เพราะ Chi Forest นิยามตัวเองว่า เป็นบริษัทที่มี DNA ของ Tech Company โดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรม มาเป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจ
ซึ่ง Chi Forest ก็มีชื่อบริษัทเต็ม ๆ ว่า “Chi Forest (Beijing) Food Technology Group”
ด้วยกลยุทธ์นี้ ทำให้ Chi Forest เติบโตอย่างรวดเร็ว
และถึงแม้บริษัทจะก่อตั้งมาได้เพียง 7 ปี
แต่ปัจจุบัน บริษัทก็มีมูลค่าสูงถึง 518,600 ล้านบาท
ถ้าเทียบให้เห็นภาพมากขึ้น ว่ามูลค่านี้มากแค่ไหน
Chi Forest มีมูลค่าบริษัทคิดเป็น 6 เท่าของ โอสถสภา บริษัทเครื่องดื่มที่ใหญ่สุดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
แล้วธุรกิจของ Chi Forest น่าสนใจอย่างไร
บริษัทแห่งนี้ มีกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจแบบไหน ?
ลงทุนเกิร์ลจะสรุปให้ฟัง
Chi Forest ถือกำเนิดขึ้นในปี 2016 โดยคุณ Binsen Tang แต่นี่ไม่ใช่ธุรกิจแรกที่เขาทำ
เพราะก่อนจะเริ่มทำธุรกิจเครื่องดื่ม เขาเคยก่อตั้งบริษัทเกม ที่มีชื่อว่า ELEX Technology มาก่อน
โดย ELEX ก็ไม่ใช่บริษัทเกมไก่กา แต่เป็นถึงบริษัทพัฒนาเกม ชั้นแนวหน้าของจีน
เมื่ออ่านถึงตรงนี้ ก็คงพอจะเห็นภาพว่า คุณ Tang เอง มีแบ็กกราวนด์ด้านเทคโนโลยีพอสมควร
แต่หลังจากปลุกปั้น ELEX มาได้ 6 ปี คุณ Tang ก็ได้ตัดสินใจขายกิจการไปในราคาสูงถึง 15,000 ล้านบาท
ซึ่งเขาก็ได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่าง จากประสบการณ์ครั้งนี้
หนึ่งในบทเรียนที่คุณ Tang นำมาประยุกต์ใช้ในการสร้างธุรกิจต่อมา ก็คือการ “เลือกสนามแข่ง” ที่มีโอกาสที่จะชนะนั้นสำคัญมาก
ซึ่งตอนนั้นเขามองว่า ประเทศจีนเป็นฐานผลิตสินค้ารายใหญ่ที่สุดของโลก แถมยังมีระบบโลจิสติกส์ และแพลตฟอร์มซื้อขายออนไลน์ ที่ไม่เป็นรองใคร
แต่ประเทศจีน ก็ยังไม่ค่อยมีแบรนด์สินค้าเป็นของตัวเอง ที่แข็งแกร่งพอที่จะแข่งขันในตลาดโลก
นี่จึงเป็นโอกาส และ Timing ที่ดีมาก ที่จะสร้างแบรนด์ที่มีคุณภาพ และใช้จุดแข็งในประเทศ มาเพิ่มความได้เปรียบทางธุรกิจ
และ “ตลาดเครื่องดื่ม” คือสนามแข่งที่คุณ Tang เลือกลงแข่ง
เขาจึงได้ปั้นแบรนด์ “Genki Forest” ขึ้นมาในปี 2016
ซึ่งธุรกิจใหม่ของเขา ก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
จนปี 2021 บริษัทสามารถทำรายได้สูงถึง 40,000 ล้านบาท เติบโตกว่าปีก่อนหน้าถึง 3.5 เท่า เลยทีเดียว
แล้วคุณ Tang เดินเกมธุรกิจอย่างไร
ลงทุนเกิร์ล สรุปให้อ่านเป็นข้อ ๆ ตามนี้
-ทำธุรกิจในรูปแบบ D2C (Direct to Customer)
Chi Forest ใช้ช่องทางของตัวเอง ขายสินค้าให้กับลูกค้าโดยตรง ไม่ต้องผ่านตัวกลางใด ๆ
ซึ่งเป็นการคว้าโอกาสทางธุรกิจ ที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่คุ้นเคยกับการซื้อของออนไลน์ ผ่านอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่ระบบโลจิสติกส์ ก็ดีขึ้น จึงทำให้ค่าขนส่งถูกลง
การทำธุรกิจแบบ D2C ช่วยให้ Chi Forest ลดต้นทุนทางธุรกิจ เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการขายผ่านตัวกลาง
และการประหยัดต้นทุนส่วนนี้ ทำให้ Chi Forest สามารถใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง ที่ต้นทุนแพงกว่าได้ โดยไม่ต้องขึ้นราคาสินค้า
นอกจากนี้ โมเดล D2C ยังช่วยให้ Chi Forest สามารถควบคุมคุณภาพของทุกขั้นตอน ตั้งแต่สินค้าออกจากโรงงาน ไปจนถึงมือลูกค้า
และยังสามารถสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้โดยตรง ผ่านการออกแบบกิจกรรมการตลาด รวมถึงแคมเปญและโปรโมชันต่าง ๆ เช่น Up-Selling, Cross-Selling และ CRM ที่ตอบโจทย์ลูกค้า และมีประสิทธิภาพ อีกด้วย
-ใช้กระบวนการการออกสินค้าใหม่ แบบเดียวกับบริษัทเกม
คุณ Tang ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า
เพื่อที่ธุรกิจจะเติบโตได้ในอุตสาหกรรมเกม
บริษัทเกม จำเป็นต้องพัฒนาและออกแบบเกมใหม่ ๆ ออกมาอย่างสม่ำเสมอ
โดยเขาเชื่อว่า ผลิตภัณฑ์จะประสบความสำเร็จหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่า ทีมได้ลองผิดลองถูกกับมันมากแค่ไหน
ฉะนั้น ในการออกแบบเกม จะต้องผ่านกระบวนการการลองผิดลองถูก (trial-and-error) หลายเวอร์ชัน กว่าจะได้เกมที่ถูกใจผู้เล่นมากที่สุด
ซึ่งเขาก็ได้นำหลักการของกระบวนการนี้มาใช้กับ Chi Forest เช่นกัน
โดยก่อนที่เครื่องดื่มแบรนด์ใหม่-สูตรใหม่ จะออกสู่ตลาดจริง ต้องผ่านการทดสอบหลายด้าน ทั้งในด้านข้อมูลกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คู่แข่งในตลาด รสชาติ และแพ็กเกจจิง เพื่อประเมินว่าเครื่องดื่มตัวใหม่ จะสามารถขายได้จริง ๆ
อีกทั้งคุณ Tang ยังได้ทุ่มงบลงทุนถึงปีละหลายสิบล้านหยวน สำหรับการลองผิดลองถูก เพื่อที่บริษัทจะสามารถออกเครื่องดื่มใหม่ ๆ ได้อย่างสม่ำเสมอ นั่นเอง
หากเข้าไปในเว็บไซต์ของบริษัท จะเห็นว่า Chi Forest มีเครื่องดื่มทั้งหมด 7 แบรนด์ 41 สูตร เลยทีเดียว
ตัวอย่างเครื่องดื่มของ Chi Forest เช่น
น้ำอัดลมแต่งกลิ่น ที่ปราศจากน้ำตาล ดื่มเพื่อความสดชื่น และช่วยแก้เลี่ยนหลังมื้ออาหาร
ชานม ที่มีแคลอรี-น้ำตาล-ไขมันต่ำ แต่ยังอร่อย
ชาสมุนไพร ที่ทั้งรสชาติดี และช่วยบำรุงสุขภาพ
น้ำอิเล็กโทรไลต์แต่งกลิ่น ที่ช่วยชาร์จพลังให้ร่างกาย จากความเหนื่อยล้า
-Chi Forest เลือกเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ใส่ใจสุขภาพ
หากลองสังเกตเครื่องดื่มทั้ง 7 แบรนด์ของ Chi Forest จะเห็นว่า ทุกแบรนด์เน้นการใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง และที่สำคัญ ทั้งหมดยังมีสรรพคุณที่ส่งเสริมสุขภาพ ที่ล้อมากับสโลแกนหลักของบริษัท “0 sugar, 0 calories, 0 fat” อีกด้วย
ถือเป็นการออกผลิตภัณฑ์ ที่สอดคล้องกับข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้าเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่
โดยนอกจากจะคุ้นเคยกับช่องทางอีคอมเมิร์ซแล้ว การใส่ใจสุขภาพ ก็ยังเป็นเทรนด์ที่มาแรงในหมู่คนรุ่นใหม่
ทำให้เครื่องดื่มในเครือ Chi Forest ทั้งหมด ถูกออกแบบให้ทั้งตัวสินค้า และข้อความการตลาด มุ่งเน้นถึงการรักสุขภาพ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายนั่นเอง
โดยจะเห็นได้จากการที่ Chi Forest เลือกใช้สารทดแทนความหวานจาก “ธรรมชาติ” ที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ และให้รสชาติที่อร่อย แทนสารทดแทนความหวานแบบสังเคราะห์ อย่างแบรนด์เครื่องดื่มทั่วไป
ซึ่งคุณสมบัติที่รักสุขภาพ ใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง ในราคาที่จับต้องได้ ก็กลายมาเป็นจุดเด่นที่สร้างความแตกต่างให้กับ Chi Forest
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว จะเห็นได้ว่า กว่าจะมาเป็น Chi Forest แบบในทุกวันนี้
คุณ Tang ใช้หลักการดำเนินธุรกิจเช่นเดียวกับที่บริษัทเทคฯ​ และสตาร์ตอัปต่าง ๆ นิยมใช้
นั่นคือ การให้ความสำคัญกับ “การลองผิดลองถูก” และใช้ “ข้อมูล” เป็นตัวแปรสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และทำการตลาด เพื่อที่จะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ประกอบกับการ “คว้าโอกาส” จากจุดแข็งของจีน อย่างระบบโลจิสติกส์ที่ก้าวหน้า มาเพิ่มความได้เปรียบทางธุรกิจ
เมื่อประกอบร่างกันแล้ว ทำให้ Chi Forest สามารถสร้างอาณาจักรเครื่องดื่มระดับ 5 แสนล้านบาทได้ ภายในระยะเวลาเพียง 7 ปี นั่นเอง
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.