น้ำมันกุหลาบบัลแกเรีย ของล้ำค่า ที่ Louis Vuitton และ Tom Ford ยอมจ่าย กิโลกรัมละ 540,000 บาท
FashionLifestyleHealth & BeautyBusiness

น้ำมันกุหลาบบัลแกเรีย ของล้ำค่า ที่ Louis Vuitton และ Tom Ford ยอมจ่าย กิโลกรัมละ 540,000 บาท

13 พ.ย. 2023
“บัลแกเรีย” ประเทศในแถบตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปยุโรป นอกจากจะมีโยเกิร์ตบัลแกเรีย ที่ขึ้นชื่อแล้ว
อีกภาพหนึ่งที่คนทั่วโลกจะจดจำประเทศนี้ได้ 
ก็คือ “อุตสาหกรรมน้ำมันกุหลาบ”
ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าน้ำมันหอมระเหยที่สกัดจากกุหลาบบัลแกเรีย มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว และมีคุณภาพสูงสุดในบรรดาน้ำมันดอกกุหลาบ 
จนกลายเป็นที่ต้องการของแบรนด์น้ำหอมชื่อดังหลายราย เช่น Louis Vuitton, Tom Ford, Christian Dior, Givenchy, Lancôme, Bvlgari, Chanel และ Kenzo 
อย่างไรก็ตาม ราคาของมันก็เป็นที่เลื่องลือไม่แพ้กัน
โดยน้ำมันกุหลาบบัลแกเรีย น้ำหนักเพียงแค่ 1 กิโลกรัม สามารถมีราคาสูงถึง 540,000 บาท เลยทีเดียว
พูดมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมน้ำมันหอมระเหยจากกุหลาบบัลแกเรีย ถึงมีราคาสูงขนาดนั้น ? 
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง 
น้ำมันกุหลาบบัลแกเรีย คือ น้ำมันหอมระเหยที่สกัดจากกลีบของดอกกุหลาบสายพันธุ์ดี 
สำหรับสายพันธุ์กุหลาบ ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในบัลแกเรีย ก็คือ “กุหลาบดามัสก์” หรือกุหลาบสายพันธ์ุโบราณที่ปลูกยากและมีเฉพาะถิ่น 
มีแหล่งเพาะปลูกหลักอยู่ในแถบที่มีเทือกเขา Balkan และ Sredna Gora พาดผ่าน จนมีลักษณะเป็นหุบเขา ด้วยเนื้อที่รวมกว่า 3,300 ตารางกิโลเมตร
โดยมีอุณหภูมิในตอนเช้าอยู่ที่ 5-10 องศาเซลเซียส และสูงที่สุดในช่วงเที่ยงที่ 25-30 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่กระตุ้นให้ดอกกุหลาบ ผลิตน้ำมันออกมาได้ในปริมาณมากและมีคุณภาพดีที่สุด
และด้วยปัจจัยสภาพภูมิประเทศ และสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสม จึงทำให้หุบเขาแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในโลก ในการปลูกดอกกุหลาบดามัสก์ และถูกเรียกว่า The Rose Valley หรือหุบเขาแห่งกุหลาบ   
โดยในฤดูกาลเก็บเกี่ยวประจำปี หุบเขานี้จะถูกปกคลุมไปด้วยดอกกุหลาบนับสิบล้านดอก และสามารถสร้างอาชีพให้คนงาน ได้มากกว่า 40,000 คน เลยทีเดียว
ซึ่งผลผลิตน้ำมันหอมระเหยจากกุหลาบบัลแกเรีย เกือบ 100% จะถูกส่งออกกระจายไปยังตลาดในต่างประเทศ เช่น ฝรั่งเศส, สหรัฐฯ, ญี่ปุ่น, เยอรมนี และสวิตเซอร์แลนด์  
รวมถึงผู้ผลิตแบรนด์น้ำหอมชื่อดังหลายราย ต่างก็นิยมมาซื้อน้ำมันหอมระเหยจากกุหลาบบัลแกเรีย เพื่อนำไปสกัดเป็นหัวเชื้อน้ำหอม ยกตัวอย่างเช่น
- น้ำหอม Tom Ford กลิ่น Rose Prick
- น้ำหอม Louis Vuitton กลิ่น Rose des Vents
- น้ำหอม CREED กลิ่น Love in white
- น้ำหอม Bvlgari กลิ่น Bvlgari Omnia Amethyste EDT 
สำหรับราคาซื้อขาย จะขึ้นอยู่กับคุณภาพของน้ำมันหอมระเหย เริ่มตั้งแต่ 360,000 บาทต่อกิโลกรัม 
ซึ่งเคยมีรายงานว่า แบรนด์หรูอย่าง Louis Vuitton และ Tom Ford ยอมจ่ายเงินสูงถึง 540,000 บาทต่อกิโลกรัม 
และด้วยราคาอันสูงลิ่วนี้เอง ทำให้มันถูกขนานนามว่าเป็น “ทองคำเหลว” 
ส่วนสาเหตุหลัก ๆ ที่น้ำมันหอมระเหยจากกุหลาบบัลแกเรีย มีราคาที่สูงแตะหลักแสนบาท เนื่องจาก..
กุหลาบบัลแกเรียจะออกดอก ให้ผลผลิตเพียงครั้งเดียวต่อปี คือในช่วงเดือนพ.ค.-มิ.ย. และมีช่วงระยะเวลาให้เก็บเกี่ยว ประมาณ 1-2 สัปดาห์ หลังผลิดอกเท่านั้น
แถมยังต้องเก็บเกี่ยวในช่วงเช้าตรู่หลังจากที่ดอกบานเต็มที่ เพราะดอกจะยังคงความสด และเป็นช่วงที่น้ำมันหอมระเหยในกลีบดอกมีปริมาณความเข้มข้นสูงสุด 
มากไปกว่านั้น ด้วยลักษณะกลีบดอกที่บอบบางและช้ำง่าย การเก็บเกี่ยวทั้งหมด จึงต้องทำด้วยมืออย่างระมัดระวัง ซึ่งต้องใช้แรงงานคนจำนวนมาก เพื่อแข่งกับเวลาที่มีจำกัด 
รวมถึงต้องนำกลีบดอกมาเข้าโรงกลั่นทันที ภายในวันเดียวกัน เพื่อคงคุณภาพของน้ำมันหอมระเหยไว้มากที่สุด และในขั้นตอนการสกัดน้ำมันนั้น จำเป็นต้องใช้กลีบกุหลาบถึง 5,000 กิโลกรัม จึงจะได้น้ำมันหอมระเหยน้ำหนัก 1 กิโลกรัม 
หลังจากสกัดได้น้ำมันหอมระเหยออกมาแล้ว ยังต้องใช้เวลาบ่มกลิ่นอย่างน้อยอีก 3 เดือน ก่อนที่จะสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้ ซึ่งยิ่งใช้เวลาบ่มนานเท่าไร กลิ่นที่ได้ก็จะยิ่งหอม คล้ายกับการบ่มไวน์ ที่ยิ่งบ่มนานเท่าไร รสชาติของไวน์ก็จะยิ่งดีขึ้นเรื่อย ๆ 
ไม่เพียงเท่านี้ น้ำมันหอมระเหยจากกุหลาบบัลแกเรีย ยังมีประโยชน์มากมาย เช่น ให้ความชุ่มชื้น ต่อต้านวัย ลดอาการระคายเคือง และการอักเสบของผิวหนัง
อีกทั้งกลิ่นที่หอมอะโรมาเทอราพี จะช่วยเรื่องการผ่อนคลายทางอารมณ์ ทำให้การนอนหลับมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ซึ่งจากคุณสมบัติที่ช่วยบรรเทา ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ทำให้น้ำมันหอมระเหยจากกุหลาบบัลแกเรีย ถูกนำไปประยุกต์ใช้ในหลายผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องสำอาง ยารักษาโรค ครีมบำรุงผิว และน้ำหอม
แน่นอนว่า ด้วย “ความต้องการของตลาด” ที่มีมากกว่า “ผลผลิตที่ผลิตได้”
ย่อมเป็นไปตามหลักอุปสงค์และอุปทาน ที่หากสินค้านั้นผลิตได้ในปริมาณที่จำกัด หรือขาดแคลนในตลาด ก็ย่อมทำให้ราคาสินค้านั้น ๆ มีราคาที่สูง นั่นเอง 
อย่างไรก็ตาม แม้น้ำมันหอมระเหยจากกุหลาบบัลแกเรียจะมีราคาสูง แต่ความต้องการของมันกลับไม่เคยเลือนหายไปเลย 
โดยข้อมูลจาก Business Insider ระบุว่า ความต้องการน้ำมันกุหลาบบัลแกเรียทั่วโลก มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะขยายตัวที่อัตราการเติบโตต่อปีที่ 6.8% ระหว่างปี 2019 ถึงปี 2025
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ เราอาจจะมองว่า บัลแกเรียโชคดีที่ธรรมชาติได้มอบของขวัญพิเศษให้ อย่างสภาพภูมิประเทศที่เหมาะสมกับการปลูกกุหลาบ ซึ่งให้น้ำมันหอมระเหยที่มีกลิ่นหอมชวนหลงใหล 
แต่ถึงอย่างนั้น ความโชคดีจะกลายเป็นของล้ำค่า เมื่อมันถูกหยิบมาต่อยอดสร้างประโยชน์ 
อย่างที่บัลแกเรียนำผลผลิตจากธรรมชาติ 
มาสกัดเป็นน้ำมันกุหลาบบัลแกเรียคุณภาพสูง 
จนกลายเป็นของ “แรร์ไอเทม” ที่ถึงแม้ต้องใช้เงินจำนวนมาก แต่ด้วยคุณค่า จึงทำให้ผู้คนยอมที่จะจ่ายนั่นเอง..
-----------------------
Presented by กลุ่มบริษัทธนจิรากรุ๊ป เดินหน้าขยายธุรกิจหาญ เวลเนสแอนด์ฮอสพิทอลลิตี้ (HARNN Wellness & Hospitality) ครอบคลุมทั้งเวลเนสและสปาภายในประเทศและต่างประเทศในระดับ Regional สร้างให้แบรนด์ไทยเป็นที่รู้จักและสร้างความภูมิใจในระดับสากลรวมกว่า 16 สาขาทั่วภูมิภาค
#TANACHIRA #HARNN #SCapebyHARNN
-----------------------
References:
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.