Jung Saem Mool จากช่างแต่งหน้าซุปตาร์เกาหลี สู่เจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางชื่อดัง
Business

Jung Saem Mool จากช่างแต่งหน้าซุปตาร์เกาหลี สู่เจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางชื่อดัง

7 ธ.ค. 2023
Jung Saem Mool จากช่างแต่งหน้าซุปตาร์เกาหลี สู่เจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางชื่อดัง /โดย ลงทุนเกิร์ล
สาว ๆ ที่รักเครื่องสำอางสายเกา น้อยคนที่จะไม่รู้จัก JUNGSAEMMOOL แบรนด์เครื่องสำอางจากแดนกิมจิ ที่ขึ้นชื่อเรื่องการเน้น “งานผิว” ให้ลุคฉ่ำวาวอย่างเป็นธรรมชาติ
นับเป็นแบรนด์แรก ๆ ที่จุดกระแสการแต่งหน้าโชว์ผิวสุขภาพดี มาตั้งแต่ 20 ปีที่แล้ว
และหลังจากที่ JUNGSAEMMOOL ได้มาเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ก็ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี
ถึงขั้นที่ว่าเปิดตัวที่ไทยแค่ 1 สัปดาห์ ก็ทำยอดขายได้เท่ากับ ยอดขาย 1 เดือนของช็อป JUNGSAEMMOOL ที่กาโรซูกิล สาขาที่มียอดขายเป็นอันดับ 1 ของแบรนด์เลยทีเดียว
เรื่องราวของ JUNGSAEMMOOL น่าสนใจอย่างไร ?
และแบรนด์ทำอย่างไรถึงมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
หากจะพูดถึงแบรนด์ JUNGSAEMMOOL ก็คงจะไม่พูดถึง ผู้ก่อตั้งที่มีชื่อเดียวกันกับแบรนด์อย่าง คุณจองแซมมุล (Jung Saem Mool) ไปไม่ได้
โดยเธอเป็นเมกอัปอาร์ติสต์ ชาวเกาหลีใต้ ที่อยู่ในแวดวงการแต่งหน้ามาตั้งแต่ปี 1991 หรือเมื่อ 32 ปีที่แล้ว
ซึ่งจุดเปลี่ยนที่ทำให้เธอมีชื่อเสียงมากขึ้น ก็คือผลงานการแต่งหน้าให้กับ “จอน จีฮยอน” นางเอกซีรีส์ My Sassy Girl เมื่อปี 2001 ในลุคที่เรียกว่า “Transparent Makeup” หรือการแต่งหน้าที่ดูเป็นธรรมชาติ จนเหมือนไม่ได้แต่งหน้า ที่เป็นสไตล์การแต่งหน้าที่สาว ๆ หลายคนปรารถนา
เมื่อซีรีส์เรื่องนี้ดังเปรี้ยงปร้าง ก็ทำให้ผลงานของเธอเป็นที่รู้จักมากขึ้น จนเรียกได้ว่าเธอเป็นคนที่จุดกระแสการแต่งหน้าเน้นงานผิว ในเกาหลีใต้ ตั้งแต่ยังไม่มีแบรนด์ JUNGSAEMMOOL เกิดขึ้นด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ เธอยังมีโอกาสได้ดูแลการแต่งหน้าเซเลบริตี และดารานักแสดงแถวหน้าของวงการบันเทิงเกาหลีใต้ ไม่ว่าจะเป็น นางเอกเบอร์ต้น ๆ อย่างคิม แทฮี, ซง ฮเยคโย, นักร้องชื่อดังอย่างโบอา และอีกมากมาย
ทำให้สไตล์การแต่งหน้าของคุณจองแซมมุลโด่งดัง และมีคนสนใจอยากแต่งหน้าสไตล์นี้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ดังนั้น เธอจึงเปิด “JUNGSAEMMOOL ACADEMY” ในปี 2005 เพื่อถ่ายทอดเทคนิคผ่านหลักสูตรสอนแต่งหน้ารูปแบบต่าง ๆ
ก่อนจะรีแบรนด์เป็น “JUNGSAEMMOOL Art & Academy” ในปี 2014 ที่ยกระดับมาให้เป็นสถาบันสำหรับการออกแบบการแต่งหน้าสไตล์ K-Pop และการแต่งหน้าระดับสากลมาจนถึงทุกวันนี้
ปัจจุบันสถาบันแห่งนี้ มีทั้งหลักสูตรนานาชาติ ที่สอนเทคนิคและทฤษฎีสำหรับทั้งมือใหม่ ไปจนถึงช่างแต่งหน้ามืออาชีพ
เช่น คอร์สเรียนแต่งหน้าสำหรับผู้เริ่มต้น 4,500 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 158,000 บาท
คอร์ส 1 วัน K-One day Course 220 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 7,700 บาท เป็นต้น
จนกระทั่ง ในปี 2015 เธอเริ่มเห็นโอกาสใหม่ทางธุรกิจ จึงเปิดแบรนด์ “JUNGSAEMMOOL” ออกมาช่วงชิงพื้นที่บนใบหน้าของสาว ๆ ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
ก่อนจะขยายจุดจำหน่ายไปทั่วเกาหลีใต้ ทั้งในห้างสรรพสินค้าและบิวตีสตอร์ ก่อนจะขยายไปที่ประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทย แถมยังจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ที่ครอบคลุมอีกหลายประเทศทั่วโลก
สำหรับในประเทศไทย ผู้นำเข้าแบรนด์ JUNGSAEMMOOL ก็คือ บริษัท ไพร์ม รีเทล จำกัด (PRC) บริษัทในเครือ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เจ้าของห้างสรรพสินค้าที่คุ้นเคยกันดีอย่าง สยามพารากอน ไอคอนสยาม สยามเซ็นเตอร์ นั่นเอง
ที่น่าสนใจคือ แม้ราคาของแบรนด์ JUNGSAEMMOOL จะอยู่ในระดับกลางค่อนสูง แต่ก็ยังสามารถแข่งขันท่ามกลางแบรนด์เครื่องสำอางมากมาย ทั้งในตลาดเกาหลีใต้ และตลาดโลก จนเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมในเวลาไม่นาน
ตัวอย่างไอเทมสร้างชื่อของแบรนด์ เช่น
Essential Mool Cream ครีมบำรุงผิวเพิ่มความชุ่มชื้น ราคา 1,950 บาทEssential Skin Nuder Cushion คูชั่นสูตรเพื่อผิวโกลว์ดูฉ่ำน้ำ ราคา 1,500 บาท
ซึ่งทุก ๆ ผลิตภัณฑ์ของ JUNGSAEMMOOL ล้วนแล้วแต่ขึ้นชื่อในเรื่องการแต่งหน้าสไตล์ “Transparent Makeup” รวมถึง “Glass Skin” การแต่งผิวฉ่ำวาวราวกับกระจก ตามสไตล์สาวเกาหลี
แล้วอะไร ทำให้ JUNGSAEMMOOL โดดเด่นขึ้นมาได้ขนาดนี้ ?
กระแส K-Wave
ปฏิเสธไม่ได้ว่าความนิยมใน K-Wave ที่รวมถึงสื่อ ละคร นักแสดง นักร้อง ไอดอลเกาหลี ทำให้ผู้คนหันมาสนใจ K-Beauty หรือเครื่องสำอางและการแต่งหน้าสไตล์เกาหลี ในเวลาอันรวดเร็ว
เมื่อมีผลิตภัณฑ์และเทคนิคการแต่งหน้าของคุณจองแซมมุล ที่ตอบโจทย์การแต่งหน้าตามไอดอลเกาหลี ก็ทำให้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้เติบโตตามไปด้วย
สไตล์การแต่งหน้าเป็นธรรมชาติ คือ เทรนด์ที่ไม่เคยตกยุค
การแต่งหน้าที่เน้นความเป็นธรรมชาติ แนบผิว ราวกับไม่ได้แต่ง ที่สามารถเป็นทั้ง Everyday Look หรือโอกาสพิเศษ เป็นเทรนด์ไม่ถูกดิสรัปต์ง่าย ๆ และไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในเกาหลีใต้ แต่เป็นที่นิยมของคนทั่วโลก
การตลาดที่ไม่ได้ขายอย่างเดียว
แบรนด์ JUNGSAEMMOOL ถูกปลุกปั้นโดยเมกอัปอาร์ติสต์ชื่อดัง ที่มีสถาบันสอนแต่งหน้าเป็นของตัวเอง
เมื่อมาสวมหมวกเจ้าของแบรนด์ จึงเพิ่มคุณค่าของแบรนด์ด้วยการ เติมความรู้เกี่ยวกับการแต่งหน้าสอดแทรกเข้าไปด้วย
ซึ่งนอกจากสถาบันที่เปิดสอนแล้ว คุณจองแซมมุลยังเปิดเว็บไซต์ “jungsaemmool.com” และช่องยูทูบ “jungsaemmool” ที่มี subscribers ราว 6.2 แสนคน
เผยแพร่เทคนิคการแต่งหน้าเบื้องต้น และแนะนำการใช้ผลิตภัณฑ์ ให้ได้ไปเรียนรู้ด้วยตัวเองแบบฟรี ๆ ทั้งภาษาเกาหลีและภาษาอังกฤษ
ทำให้คนที่ไม่ใช่ลูกค้าของ JUNGSAEMMOOL ก็มีโอกาสรู้จักเธอจากคอนเทนต์ให้ความรู้ในการแต่งหน้าเหล่านี้เช่นกัน
ส่งเสริมแนวคิดผู้หญิงยุคใหม่
ต้องบอกว่าแบรนด์ทุกวันนี้ แค่ใช้ดีอย่างเดียวไม่พอ เพราะคนรุ่นใหม่มองหาแบรนด์ที่มีแนวคิดที่สอดคล้องกับตัวเอง
JUNGSAEMMOOL ก็เป็นหนึ่งแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ โดยได้นิยามความงามของแบรนด์ไว้ว่า "Beauty starts from you. Just believe” ที่มีความหมายว่า ความงามเกิดขึ้นจากตัวคุณ เพียงคุณเชื่อมั่นในความงามนั้น
สะท้อนว่าแบรนด์กำลังสนับสนุน ให้ทุกคนมีความมั่นใจและภูมิใจในตัวเอง โดยมี JUNGSAEMMOOL เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยเท่านั้น
ปัจจัยทั้งหมดนี้เอง จึงมีส่วนทำให้ JUNGSAEMMOOL ค่อย ๆ เป็นที่รู้จักและทำให้คนมองเห็นความตั้งใจของแบรนด์ เปิดใจซื้อมาลองได้ไม่ยากจนเกินไป
จนกลายเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ส่งต่อความงามแบบ K-Beauty ให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ไปพร้อม ๆ กับซอฟต์พาวเวอร์อย่างกระแส K-Wave ที่วันนี้เติบโตแบบไม่ซอฟต์อีกต่อไปแล้ว..
----------------------------------------------
Presented by กลุ่มบริษัทธนจิรากรุ๊ป พุ่งเป้าพัฒนาธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage) เพื่อเข้ามาเติมเต็มและต่อจิกซอว์เทรนด์ไลฟ์สไตล์ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น หลังจากประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าชาวไทยและต่างชาติที่มาใช้บริการร้าน Marimekko Pop-Up Café คาเฟแห่งแรกในโลก พร้อมเดินหน้าปูทางธุรกิจ F&B ภายใต้แบรนด์อื่นในเครือ หวังเจาะตลาดกลุ่มลูกค้า Gen Y - Gen Z มากขึ้น
https://www.facebook.com/TANACHIRA-GROUP-174055739828807/
#TANACHIRA #MarimekkoCafeThailand
----------------------------------------------
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.