Maison de Sabré แบรนด์เคสไอโฟนหนัง ที่กำลังฮิตในกลุ่มเซเลบริตี
Business

Maison de Sabré แบรนด์เคสไอโฟนหนัง ที่กำลังฮิตในกลุ่มเซเลบริตี

26 มี.ค. 2024
Maison de Sabré แบรนด์เคสไอโฟนหนัง ที่กำลังฮิตในกลุ่มเซเลบริตี /โดย ลงทุนเกิร์ล
ช่วงนี้ หลายคนคงเคยเห็นเคสไอโฟนหนังสลักชื่อของแบรนด์ “Maison de Sabré” ที่ลิซ่า BLACKPINK ใช้กันอยู่บ่อย ๆ
แต่รู้หรือไม่ว่า Maison de Sabré เป็นแบรนด์เครื่องหนังจากออสเตรเลีย ที่ก่อตั้งโดยสองพี่น้องทันตแพทย์ ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจมาก่อน
ที่น่าสนใจก็คือ แบรนด์ Maison de Sabré สามารถทำยอดขายแตะ 370 ล้านบาท ภายในเวลาเพียง 2 ปี
ซึ่งคิดเป็นการเติบโตราว 500%
เรื่องราว Maison de Sabré น่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
Maison de Sabré คือแบรนด์เครื่องหนังระดับพรีเมียม จากประเทศออสเตรเลีย ที่ก่อตั้งโดยสองพี่น้อง อย่างคุณ Omar Sabré ที่ประกอบอาชีพเป็นทันตแพทย์ และคุณ Zane Sabré นักเรียนทันตแพทย์ปีที่สาม
โดยจุดเริ่มต้นของแบรนด์นี้ ต้องย้อนกลับไปในปี 2015
หลังจากที่คุณ Omar และคุณ Zane ได้รับข่าวร้ายจากทางบ้าน ว่าคุณพ่อกำลังป่วยเป็นโรคลิวคีเมีย
ซึ่งเหตุการณ์นี้ ทำให้สถานการณ์การเงินของทางบ้านติดขัด เพราะทางครอบครัวต้องทุ่มเงินจำนวนมาก เพื่อไปรักษาคุณพ่อแทน
คุณ Zane ที่กำลังเรียนทันตแพทย์ จึงต้องพักการเรียนไปก่อน เนื่องจากค่าเล่าเรียนทันตแพทย์ ต้องใช้เงินจำนวนมาก และตัดสินใจบินกลับไปหาพี่ชายอย่างคุณ Omar ที่ประเทศนิวซีแลนด์ เพื่อหาทางออกให้กับเรื่องนี้
หลังจากที่คุณ Zane และคุณ Omar ได้พูดคุยและแชร์ไอเดียกัน ทั้งคู่ก็ตัดสินใจว่า อยากเริ่มต้นทำธุรกิจสักอย่างที่ทั้งคู่ชื่นชอบ นั่นก็คือ “ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำหนัง”
โดยพวกเขาต้องใช้เวลาเรียนรู้งาน และคัดสรรวัสดุต่าง ๆ เป็นเวลากว่า 2 ปี
จนในปี 2017 ก็ได้เปิดตัวแบรนด์ “Maison de Sabré” อย่างเป็นทางการ
ในช่วงแรก แบรนด์ Maison de Sabré เลือกที่จะขายสินค้าเพียงประเภทเดียว นั่นก็คือ “เคสไอโฟน” ที่ผลิตจากหนังคุณภาพหลากหลายสี ดิไซน์เรียบหรู และสามารถสั่งสลักตัวอักษรเพิ่มเติมได้
แม้ในตอนนั้น หลายคนจะไม่เห็นด้วย และแย้งว่าการผลิตสินค้าที่หาได้ง่ายตามท้องตลาดเพียงอย่างเดียว อย่างเคสไอโฟน เป็นการทำธุรกิจที่เสี่ยงมาก
แต่ทั้งคู่ก็เล่าว่า เหตุผลที่ตัดสินใจผลิตเคสไอโฟนเป็นสินค้าแรก เพราะมันคือกลยุทธ์ ที่ตั้งใจเจาะกลุ่ม Millennials โดยเฉพาะ
เนื่องจากปัจจุบัน โทรศัพท์มีความสำคัญอย่างมาก ผู้คนคว้าโทรศัพท์เป็นสิ่งแรกหลังจากตื่นนอน แม้ยังไม่ลุกจากเตียง ดังนั้น เคสไอโฟนจากแบรนด์ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ติดตัวลูกค้าแทบจะตลอด 24 ชั่วโมงในทุก ๆ วัน
นอกจากนี้ พวกเขาก็อยากจะเพิ่มความรู้สึกพิเศษ ในการสัมผัสโทรศัพท์ ผ่านหนังคุณภาพพรีเมียมให้กับลูกค้า
จะบอกว่า กลยุทธ์การเจาะกลุ่ม Millennials นั้นได้ผล ก็ไม่ผิดนัก เพราะหลังจากเปิดตัวได้ไม่นาน เคสไอโฟนของแบรนด์ Maison de Sabré ขายดีจนโด่งดัง และเป็นไวรัลในหมู่อินฟลูเอนเซอร์
ถึงขนาดที่เปิดแบรนด์ Maison de Sabré เพียง 2-3 เดือน ก็ทำยอดขายแตะ 1 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือราว 37 ล้านบาท
ซึ่งความสำเร็จนี้ ทำให้คุณ Zane สามารถจ่ายค่าเล่าเรียนได้เต็มจำนวน อีกทั้งยังนำเงินไปดูแลรักษาอาการป่วยของคุณพ่อได้
ขณะเดียวกัน ธุรกิจของแบรนด์ Maison de Sabré ก็ดูเหมือนว่าจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ
คุณ Zane และคุณ Omar จึงอยากจะใช้เวลากับการทำธุรกิจนี้มากขึ้น จนตัดสินใจบอกลาสายอาชีพทันตแพทย์อย่างถาวร
หลังจากที่คุณ Zane และคุณ Omar ออกมาทำแบรนด์ เป็นอาชีพหลัก ทำให้ในปีที่ 2 แบรนด์ Maison de Sabré สามารถทำยอดขายได้สูงถึง 370 ล้านบาท
หรือคิดเป็นการเติบโตราว 500% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ซึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้ Maison de Sabré ดังเป็นพลุแตก คือภาพที่เซเลบริตีระดับโลก เช่น นักแสดง จาก Stranger Things อย่างคุณ Millie Bobby Brown, ซูเปอร์โมเดล อย่างคุณ Kaia Gerber
ถือโทรศัพท์ พร้อมใส่เคสแบรนด์ Maison de Sabré ให้เห็นกันอยู่บ่อย ๆ จนสินค้านี้เป็นที่รู้จัก และเป็นไวรัลในโลกออนไลน์
จนในปี 2020 หรือ 3 ปีหลังก่อตั้งแบรนด์
คุณ Omar และ คุณ Zane ก็ติดอันดับ Forbes magazine’s 30 Under 30 ในฝั่งเอเชีย สาขา Retail & Ecommerce
ปัจจุบันแบรนด์ Maison de Sabré ได้ขยายไลน์สินค้าเครื่องหนัง ให้มีความหลากหลายขึ้น ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋าสตางค์, กระเป๋าเดินทาง, กระเป๋าใส่บัตร, สายนาฬิกา Apple Watch ไปจนถึงสายจูงสุนัข
โดยในปี 2022 ที่ผ่านมา Maison de Sabré มียอดขายสินค้ามากกว่า 1 ล้านชิ้นทั่วโลก
ซึ่งประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย ตามลำดับ
ทั้งหมดนี้ ก็เป็นเรื่องราวของ Maison de Sabré
แบรนด์เครื่องหนังที่เริ่มจากสินค้าเพียงประเภทเดียว คือ เคสไอโฟน
ซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่า การที่แบรนด์ Maison de Sabré ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี อาจเป็นเพราะอานิสงส์ของกระแสบนสื่อโซเชียลมีเดีย
แต่หากย้อนกลับไปดูเบื้องหลังของแบรนด์แล้ว ก็จะพบว่า
ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากพวกเขาไม่หลงใหลในสิ่งที่ทำ และไม่กล้าก้าวออกมาจากพื้นที่ปลอดภัยของตัวเอง เพื่อเริ่มต้นธุรกิจ ที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน..
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.