EducationBusiness
เจ้าของศูนย์ “คุมอง” การลงทุนที่ได้มากกว่าธุรกิจการศึกษา ทั้งคุ้มค่า และมีคุณค่า
12 มิ.ย. 2024
คุมอง x ลงทุนเกิร์ล
แม้ว่าปัจจุบัน ประเทศไทยจะมีสถาบันการศึกษาเกิดขึ้นใหม่มากมาย
แต่หนึ่งในสถาบันการศึกษาที่หลายคนคุ้นชื่อ และอยู่คู่กับคนไทยมานาน นั่นก็คือ “คุมอง”
แม้ว่าปัจจุบัน ประเทศไทยจะมีสถาบันการศึกษาเกิดขึ้นใหม่มากมาย
แต่หนึ่งในสถาบันการศึกษาที่หลายคนคุ้นชื่อ และอยู่คู่กับคนไทยมานาน นั่นก็คือ “คุมอง”
ซึ่งหลายคนอาจจะรู้จักคุมอง ในมุมของสถาบันการศึกษาที่เป็นที่ยอมรับระดับโลก
แต่รู้หรือไม่ว่า คุมองยังมีอีกหนึ่งแง่มุมที่น่าสนใจ
นั่นก็คือ “มุมธุรกิจ” หรือการเป็น Instructor ผู้บริหารศูนย์คุมอง
นั่นก็คือ “มุมธุรกิจ” หรือการเป็น Instructor ผู้บริหารศูนย์คุมอง
โดยวันนี้ ลงทุนเกิร์ลมีโอกาสได้พูดคุยกับคุณทาเคฮิโระ อิคาราชิ ประธานบริษัท คุมอง (ไทยแลนด์) เกี่ยวกับระบบการศึกษาของคุมอง
รวมถึง Instructor ของคุมอง เกี่ยวกับประสบการณ์การเป็นเจ้าของศูนย์
รวมถึง Instructor ของคุมอง เกี่ยวกับประสบการณ์การเป็นเจ้าของศูนย์
ธุรกิจของคุมองน่าสนใจอย่างไร ?
ทำไมหลายคนถึงเลือกที่จะเปิดศูนย์คุมอง ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
ทำไมหลายคนถึงเลือกที่จะเปิดศูนย์คุมอง ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
คุมอง คือ แฟรนไชส์การศึกษาระดับโลก ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1954
โดยเปิดสอนในวิชาคณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาแม่ของแต่ละประเทศ
โดยเปิดสอนในวิชาคณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาแม่ของแต่ละประเทศ
จุดเริ่มต้นของคุมอง เกิดจากที่ผู้ก่อตั้ง คุณโทรุ คุมอง อยากให้ลูกชายมีผลการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ดีขึ้น จึงออกแบบโจทย์ให้ลูกชายฝึกฝนด้วยตัวเองทุกวันจนประสบความสำเร็จ โดยใช้หลักการสำคัญ คือ “ให้ลูกเรียนรู้ด้วยตัวเอง”
ความสำเร็จนี้ ทำให้ระบบการเรียนของคุณโทรุ คุมอง ที่ก่อตั้งมามากกว่า 70 ปีในประเทศญี่ปุ่น แพร่ขยายออกไปในรูปแบบแฟรนไชส์คุมองใน 63 ประเทศทั่วทุกภูมิภาคของโลก รวมถึงประเทศไทย
โดยคุมองเข้ามาเปิดตัวธุรกิจในไทยครั้งแรกปี 1998 หรือมากกว่า 25 ปีแล้ว
จนปัจจุบัน มีศูนย์คุมองในไทยกว่า 460 แห่ง และมีนักเรียนกว่า 80,000 คนทั่วประเทศ
จนปัจจุบัน มีศูนย์คุมองในไทยกว่า 460 แห่ง และมีนักเรียนกว่า 80,000 คนทั่วประเทศ
แน่นอนว่า สิ่งที่ทำให้คุมองโดดเด่น และเป็นสถาบันการศึกษาที่เป็นที่ยอมรับ
ก็คือ “ระบบการเรียนการสอน ที่สร้างทักษะการเรียนรู้ และฝึกลักษณะนิสัยการเรียนที่ดีให้กับเด็ก”
ก็คือ “ระบบการเรียนการสอน ที่สร้างทักษะการเรียนรู้ และฝึกลักษณะนิสัยการเรียนที่ดีให้กับเด็ก”
โดยคุณอิคาราชิ ประธานบริษัท คุมอง (ไทยแลนด์) เล่าว่า
“คุมองเป็นสถาบันการศึกษาที่ต่างจากโรงเรียนกวดวิชาทั่วไป โดยเฉพาะเนื้อหาการเรียน
เพราะปกติแล้ว เนื้อหาของโรงเรียนกวดวิชาส่วนใหญ่ จะอิงกับเนื้อหาเดียวกับที่เรียนในระดับชั้นเรียน
“คุมองเป็นสถาบันการศึกษาที่ต่างจากโรงเรียนกวดวิชาทั่วไป โดยเฉพาะเนื้อหาการเรียน
เพราะปกติแล้ว เนื้อหาของโรงเรียนกวดวิชาส่วนใหญ่ จะอิงกับเนื้อหาเดียวกับที่เรียนในระดับชั้นเรียน
แต่สำหรับคุมอง จะไม่ยึดติดกับระดับชั้นเรียน
เนื่องจากระบบการเรียนแบบคุมอง ตระหนักถึงการให้ความสำคัญกับความสามารถของเด็กแต่ละคนมากกว่า”
เนื่องจากระบบการเรียนแบบคุมอง ตระหนักถึงการให้ความสำคัญกับความสามารถของเด็กแต่ละคนมากกว่า”
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเด็กๆ ต้องมีการสอบวัดระดับก่อนเรียนทุกครั้ง ไม่ว่าจะอยู่ในระดับชั้นไหน
เพราะการสอบวัดระดับ จะช่วยให้คุณครูคุมองสามารถวางแผนการเรียนเป็นรายบุคคล
เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนก้าวหน้าและต่อเนื่อง ตามความสามารถของตนเองได้อย่างเหมาะสม
เพราะการสอบวัดระดับ จะช่วยให้คุณครูคุมองสามารถวางแผนการเรียนเป็นรายบุคคล
เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนก้าวหน้าและต่อเนื่อง ตามความสามารถของตนเองได้อย่างเหมาะสม
พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ระบบการเรียนแบบคุมอง เป็นระบบการเรียน ที่ค้นหาศักยภาพของเด็กเป็นรายบุคคล และพัฒนาความสามารถของพวกเขาให้ไปยังจุดสูงสุด
ซึ่งระบบการเรียนลักษณะนี้ จะช่วยฝึกลักษณะนิสัยการเรียนที่ดีให้กับเด็กไปในตัว พร้อมๆ กับมีส่วนช่วยเรื่องสมาธิ ความมีวินัย และการเรียนรู้ด้วยตัวเองแบบยั่งยืน ซึ่งสามารถนำไปต่อยอดในชีวิตประจำวันได้
นอกจากเรื่องระบบการเรียนของคุมอง ที่โดดเด่นและเป็นที่ยอมรับในวงกว้างแล้ว
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญ ที่ทำให้คุมองประสบความสำเร็จ จนกลายเป็นสถาบันการศึกษาที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ก็คือ “Instructor”
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญ ที่ทำให้คุมองประสบความสำเร็จ จนกลายเป็นสถาบันการศึกษาที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ก็คือ “Instructor”
ต้องบอกว่า ศูนย์คุมองในประเทศไทย ได้แพร่ขยายในรูปแบบแฟรนไชส์เป็นหลัก
โดยแต่ละแฟรนไชส์จะมี Instructor หรือผู้บริหารแฟรนไชส์ ที่เปรียบเสมือนหัวเรือของศูนย์ ทำหน้าที่ทั้งบริหารศูนย์ และสอนนักเรียนโดยตรง
การเป็น Instructor ของคุมอง จึงต้องอาศัยความมุ่งมั่น และต้องอุทิศตนเพื่อเฝ้าดูพัฒนาการของเด็ก เนื่องจากเด็กๆ ที่มาเรียนนั้นมีข้อจำกัดที่ต่างกัน ทั้งเรื่องอายุ ความสามารถ ไปจนถึงระยะเวลาในการเรียน
ซึ่งถ้า Instructor สามารถดูแลเด็กๆ ได้เป็นอย่างดี จนเด็กและผู้ปกครองอยากส่งต่อเรื่องดีๆ ไปยังคนรอบข้าง ก็จะกลายเป็นพลังของ Word of mouth หรือการตลาดแบบบอกต่อ
เช่น กรณีของคุณทราย Instructor ท่านหนึ่ง เล่าว่า
“มีเด็กคนหนึ่งไม่อยากมาเรียนในตอนแรก เราจึงเน้นสร้างทัศนคติที่ดีในการเรียน พยายามทำให้เขารู้สึกสนุกกับการเรียนตามแนวทางของระบบคุมอง พอเขาเริ่มสนุก รู้สึกว่าตนเองทำได้ เขาก็บอกว่าจะชวนเพื่อนมาเรียนด้วย เกิดการบอกต่อ ซึ่งตอนนี้ได้ชวนเพื่อนมาเรียนหลายต่อหลายคนแล้ว”
เรียกได้ว่า Instructor ถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้คอมมิวนิตีนี้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
อีกทั้งยังช่วยเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ให้คุมองแข็งแกร่งขึ้นจนถึงทุกวันนี้
อีกทั้งยังช่วยเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ให้คุมองแข็งแกร่งขึ้นจนถึงทุกวันนี้
ที่สำคัญ ยังทำให้อาชีพ Instructor ของคุมอง กลายเป็นหนึ่งในอาชีพที่หลายๆ คนให้ความสนใจไม่น้อย
แล้วอาชีพ Instructor ของคุมอง น่าสนใจแค่ไหน ?
ต้องบอกว่า การเป็น Instructor ของคุมอง ถือเป็นอาชีพที่มั่นคงไม่แพ้อาชีพอื่นๆ
เนื่องจากคุมองเป็นธุรกิจการศึกษาที่มีชื่อเสียงมานาน 70 ปี มีผลการดำเนินงานที่มั่นคง และได้รับความนิยมจากผู้ปกครอง
เนื่องจากคุมองเป็นธุรกิจการศึกษาที่มีชื่อเสียงมานาน 70 ปี มีผลการดำเนินงานที่มั่นคง และได้รับความนิยมจากผู้ปกครอง
อีกทั้ง Instructor ของคุมอง ยังสามารถวางแผน และกำหนดผลตอบแทนเองได้
ซึ่งจะมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับความพยายามและความตั้งใจของแต่ละบุคคล
ซึ่งจะมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับความพยายามและความตั้งใจของแต่ละบุคคล
เช่น คุณทราย ที่ลงทุนเปิดศูนย์คุมองในช่วงปี 2018 สามารถคืนทุนภายในระยะเวลาประมาณ 1 ปี
หรือคุณเล็ก Instructor อีกท่านหนึ่ง ที่เปิดศูนย์มานานกว่า 24 ปี
ซึ่งในตอนนั้น คุมองยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก แต่คุณเล็กก็สามารถคืนทุนภายในระยะเวลาประมาณ 2 ปี
โดยคุณเล็ก ได้แชร์เคล็ดลับความสำเร็จในการทำธุรกิจนี้ไว้ว่า
“คุมองเป็นธุรกิจที่ต้องใช้เวลา การเปิดศูนย์คุมองในช่วงเริ่มต้น อาจจะต้องมีเงินทุนสำรองหมุนเวียนในระดับหนึ่ง ซึ่งถ้าเราเอาใจใส่กับศูนย์อย่างเต็มที่ ศูนย์คุมองก็จะเติบโตอย่างดีแน่นอน”
“คุมองเป็นธุรกิจที่ต้องใช้เวลา การเปิดศูนย์คุมองในช่วงเริ่มต้น อาจจะต้องมีเงินทุนสำรองหมุนเวียนในระดับหนึ่ง ซึ่งถ้าเราเอาใจใส่กับศูนย์อย่างเต็มที่ ศูนย์คุมองก็จะเติบโตอย่างดีแน่นอน”
ทั้งนี้ ความสำเร็จนี้ก็แลกมาด้วยความตั้งใจและความพยายาม
ซึ่งยิ่งพยายามมากเท่าไร ผลลัพธ์ก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
ซึ่งยิ่งพยายามมากเท่าไร ผลลัพธ์ก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะเริ่มสนใจการเป็น Instructor ของคุมองกันบ้างแล้ว
แล้วการเปิดศูนย์คุมองต้องเริ่มต้นอย่างไร ?
แล้วการเปิดศูนย์คุมองต้องเริ่มต้นอย่างไร ?
จริงๆ แล้ว การเปิดศูนย์คุมอง ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด เพราะคุมองจะทำหน้าที่เป็นเหมือนหน่วยซัปพอร์ตสำคัญ ที่เข้ามาช่วยสนับสนุน Instructor ให้สามารถเปิดศูนย์คุมองได้อย่างราบรื่น ตั้งแต่ต้นจนจบ
เริ่มตั้งแต่การสำรวจพื้นที่ การเลือกทำเลเปิดศูนย์ การคำนวณจุดคุ้มทุน ไปจนถึงมีทีมงานด้านการจัดตั้งศูนย์คุมอง และ Area Development Manager มาช่วยดูแลอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ปีแรก และให้การดูแลอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาที่เปิดศูนย์
นอกจากนี้ หลังจากที่เปิดศูนย์แล้ว คุมองยังช่วยดูแลต่อ ทั้งเรื่องการมอบแบบฝึกหัดให้กับเด็กๆ การประชาสัมพันธ์ตามสื่อต่างๆ และการจัดสัมมนาให้กับ Instructor
ที่สำคัญก็คือ คุมองยังพัฒนาเนื้อหาการเรียน ให้เข้ากับยุคสมัยอยู่เสมอ
ซึ่งคุณอิคาราชิ อธิบายว่า “คุมองมีการปรับปรุง และพัฒนาแบบฝึกหัดอยู่เรื่อยๆ โดยสังเกตจากการเรียนของนักเรียน ซึ่งในการปรับปรุงแบบฝึกหัดแต่ละครั้ง ใช้เวลาประมาณ 3 ปี”
จะเห็นได้ว่าคุมอง มีระบบการจัดการที่ดีมากในทุกๆ ด้าน
ดังนั้น Instructor จึงไม่ต้องกังวลเรื่องเล็กๆ น้อยๆ และสามารถโฟกัสกับเด็กได้อย่างเต็มที่
ดังนั้น Instructor จึงไม่ต้องกังวลเรื่องเล็กๆ น้อยๆ และสามารถโฟกัสกับเด็กได้อย่างเต็มที่
ซึ่งถ้าหากเด็กๆ ประสบความสำเร็จ
ก็ไม่ใช่เพียงเด็กหรือผู้ปกครอง จะภูมิใจกับการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นเท่านั้น
เพราะ Instructor เอง ก็จะรู้สึกมีคุณค่าในตัวเอง และรู้สึกอิ่มเอมใจกับความสำเร็จไปพร้อมๆ กัน
ก็ไม่ใช่เพียงเด็กหรือผู้ปกครอง จะภูมิใจกับการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นเท่านั้น
เพราะ Instructor เอง ก็จะรู้สึกมีคุณค่าในตัวเอง และรู้สึกอิ่มเอมใจกับความสำเร็จไปพร้อมๆ กัน