นัตโตะ ถั่วเน่าญี่ปุ่น ของถูกและดี ที่ช่วยลดริ้วรอย แต่ต่างชาติไม่ค่อยเปิดใจ
Uncategorized

นัตโตะ ถั่วเน่าญี่ปุ่น ของถูกและดี ที่ช่วยลดริ้วรอย แต่ต่างชาติไม่ค่อยเปิดใจ

10 ก.ค. 2024
นัตโตะ ถั่วเน่าญี่ปุ่น ของถูกและดี ที่ช่วยลดริ้วรอย แต่ต่างชาติไม่ค่อยเปิดใจ /โดย ลงทุนเกิร์ล
เคยสังเกตไหมว่าอาหารบางอย่าง แม้ส่งกลิ่นเหม็นที่แรงมาก แต่ทำไมก็ยังมีคนชอบกิน
ตัวอย่างอาหารประเภทนี้สำหรับคนไทยก็คงจะเป็นทุเรียนและปลาร้า หรือถ้าเป็นไต้หวัน ก็คงเป็นเต้าหู้เหม็น 
จนมาถึง “นัตโตะ” หรือที่คุ้นกันดีในนามถั่วเน่าของญี่ปุ่น 
ซึ่งแน่นอนว่าของเหล่านี้ก็มีคนที่ทั้งชื่นชอบ และไม่ชอบ
ใครที่ชอบ ก็จะชอบมาก ๆ ไปเลย ถึงขนาดกินได้ทุกวัน 
ส่วนคนที่ไม่ชอบก็จะรู้สึกว่า ชีวิตนี้อย่าให้ฉันได้กินมันอีก
แต่รู้หรือไม่ว่าเจ้าถั่วเน่าญี่ปุ่นที่หลายคนขอไม่แตะต้องนี่แหละ คืออาหารที่ทั้งถูก ดีต่อสุขภาพ แถมยังช่วยเรื่องผิว จนได้ชื่อว่าเป็นอาหารซูเปอร์ฟูดของญี่ปุ่น 
นัตโตะมีที่มาอย่างไร มีรสชาติแบบไหน ?
ทำไมจึงกลายเป็นถั่วที่คนญี่ปุ่นรัก ? 
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง 
แม้จุดกำเนิดของนัตโตะจะไม่แน่ชัด แต่ก็มีการคาดเดาว่าอาหารหมักพวกนี้ถูกค้นพบโดยบังเอิญ
เพราะสมัยก่อนไม่มีตู้เย็น อาหารก็ถูกหมักด้วยเชื้อจุลินทรีย์ตามธรรมชาติ เหมือนกับพวกไวน์ ชีส และเบียร์
อย่างไรก็ตาม ตำนานที่ดังที่สุดว่าน่าจะเป็นต้นกำเนิดของนัตโตะก็คือช่วงสงครามโกะซันเน็ง (Gosannen War) ในปี พ.ศ.1623 
ว่ากันว่า มินาโมโตะ โนะ โยชิอิเอะ (Minamoto No Yoshiie) ซามูไรผู้ยิ่งใหญ่และกองทัพของเขากำลังเดินทางไปพิชิตดินแดนทางเหนือของญี่ปุ่น 
ในคืนหนึ่ง ขณะพวกนักรบได้พักพิงที่ฟาร์มแห่งหนึ่งในชนบท และรับประทานอาหารเย็นง่าย ๆ ที่มีข้าวและถั่วเหลืองต้มสุก ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้รับข่าวว่าศัตรูมาถึงแล้ว 
พวกเขาจึงถอยทัพ และรีบห่ออาหารที่กินอยู่ด้วยฟางข้าวที่เตรียมไว้สำหรับม้า โดยไม่รู้เลยว่าฟางข้าวเหล่านี้เป็นแหล่งอาหารธรรมชาติที่จุลินทรีย์ Bacillus subtilis ชอบ 
มันจึงกระตุ้นให้เกิดกระบวนการหมัก และยังได้ความอบอุ่นและความชื้น จากตัวของม้าขณะกำลังวิ่งอีกด้วย 
เมื่อกลับถึงจุดปลอดภัย พวกเขาเปิดมัดฟางออก และพบว่าถั่วเหลืองนั้นถูกหมักเป็นที่เรียบร้อย เมื่อได้ชิมก็พบว่ารสชาติดี 
ปัจจุบันนัตโตะเป็นอาหารที่โด่งดังจากญี่ปุ่น ทำโดยการเอาถั่วเหลืองที่สุกแล้ว มาหมักกับจุลินทรีย์ที่ชื่อว่า Bacillus subtilis ทำให้มีลักษณะยืด ๆ ลื่น ๆ เหนียว ๆ 
ลักษณะภายนอกเป็นสีน้ำตาลเข้ม มีกลิ่นเหม็นฉุน มีเมือกเหนียว และรสชาติเค็มมัน หลายคนจึงไม่กล้าลองทานเพราะกลิ่นและรสชาติที่แปลก
คนญี่ปุ่นนิยมรับประทานนัตโตะเป็นอาหารเช้า โดยรับประทานกับข้าว ผสมกับโชยุ ต้นหอมซอย หรือหัวไชเท้าฝอย เพราะอุดมไปด้วยโปรตีนที่สูงมากถึงขั้นทดแทนเนื้อสัตว์ได้ 
ที่สำคัญ นัตโตะเป็น Probiotic ธรรมชาติ ช่วยให้เกิดสมดุลในลำไส้ ช่วยระบบย่อยอาหาร และมีไฟเบอร์ช่วยในการขับถ่าย
นอกจากนั้นนัตโตะยังเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน,   โพรไบโอติก, วิตามินบี 6, วิตามินบี 12 และสารต้านอนุมูลอิสระ 
มีคุณสมบัติช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ป้องกันโรคหัวใจ และลดโอกาสเส้นเลือดในสมองแตก มีวิตามิน K2 ที่บำรุงกระดูกให้แข็งแรง
ล่าสุดนักวิจัยชาวญี่ปุ่นได้ค้นพบว่านัตโตะประกอบไปด้วยโปรตีน Bacillus natto productive protein (BNPP) ที่มีรายงานว่า ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและบำรุงผิวพรรณ
การทดสอบบนผิวจำลองมนุษย์ พบว่า BNPP มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase หรือ เอนไซม์ที่กระตุ้นการสร้างเม็ดสีผิว และ Elastase จึงทำให้ผิวเต่งตึง และกระชับ
การทดสอบกับผู้หญิง 15 คน อายุ 40-65 ปี พบว่า การรับประทาน BNPP 125 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นเวลา 6 สัปดาห์ ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น ชุ่มชื้น และลดริ้วรอยบนใบหน้า
เรียกได้ว่าด้วยคุณประโยชน์เยอะขนาดนี้ ในราคาหลักสิบ และหาทานง่ายมาก ๆ จึงไม่แปลกที่คนญี่ปุ่นจะติดใจและชอบกินถั่วเน่าชนิดนี้
สำหรับใครที่อยากลอง ตอนนี้ที่ไทยก็มีนัตโตะจำหน่ายแล้วตามร้านสะดวกซื้อต่าง ๆ 
ไม่ว่าจะเป็น Tops Supermarket, Maxvalu, Villa Market หรือ ​Donki ก็มีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ เช่น อะไซจิบัน ฮอกไกโดนัตโตะ, โคคุโคทซึบุ นัตโตะ และโอกาเมะนัตโตะฮิคิวาริ 
หรือแบรนด์ไทยอย่างถั่วหมักของท่านประธาน ถั่วหมักสูตรคนญี่ปุ่นที่ผลิตในไทย ก็สามารถหาซื้อได้ที่ Tops และ Maxvalu หรือสั่งกับทางเพจร้านโดยตรง 
ที่สำคัญ คือ ราคานัตโตะที่กล่าวไปเริ่มต้นเพียงหลักสิบเท่านั้น 
นัตโตะมีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างแรง บางคนอาจจะทานได้ยาก โดยเฉพาะเมื่อทานครั้งแรก
แนะนำให้ลองทานคู่กับเครื่องปรุงรสต่าง ๆ เช่น โชยุ วาซาบิ มัสตาร์ด ต้นหอม หรือลองทานแบบผสมกับอาหารอื่น ๆ เช่น ข้าวสวย ซุปมิโซะ หรือสลัด
และทั้งหมดนี้ก็คือที่มาที่ไปของนัตโตะ เคล็ดลับที่ทำให้คนญี่ปุ่นมีผิวที่ดี สุขภาพดี และอายุยืนยาว 
สมกับสุภาษิตที่ว่าหวานเป็นลม ขมเป็นยา เพราะอะไรที่กินยาก ๆ นี่แหละมักแฝงไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย..
References:
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.