
Business
เทรนด์เจ้าสาวยุคใหม่เจน Z เปลี่ยนธุรกิจชุดแต่งงานไปมากแค่ไหน ?
20 ส.ค. 2024
เทรนด์เจ้าสาวยุคใหม่เจน Z เปลี่ยนธุรกิจชุดแต่งงานไปมากแค่ไหน ? /โดย ลงทุนเกิร์ล
หากย้อนไปในอดีต ภาพงานแต่งงานในฝันของสาว ๆ คือ ชุดสีขาวที่ใช้ในพิธีงานแต่งงานแบบเป็นทางการ
แต่ในยุคนี้ เรามักจะเห็นภาพเจ้าสาวยุคใหม่ เตรียมชุดแต่งงานในหลากหลายสไตล์ หลายรูปแบบ ไม่ได้มีเพียงชุดแบบพิธีดั้งเดิมเท่านั้น แต่ยังมีชุดพรีเวดดิง, ชุดงานหมั้น, ชุดแต่งงาน ไปจนถึงชุดอาฟเตอร์ปาร์ตี
จากการสำรวจพบว่าเจ้าสาวเจน Z มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป จากเดิมที่ต้องไปตัดชุดที่หน้าร้าน ทุกวันนี้หลายคนกลับสั่งชุดทางออนไลน์ หรือซื้อชุดเจ้าสาวมือสองแทน
แล้วเทรนด์ของเจ้าสาวยุคใหม่นี้ ส่งผลกระทบต่อธุรกิจชุดเจ้าสาวมากขนาดไหน ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
จากรายงาน Bridal Wear Global Market Report 2024 พบว่าตลาดชุดเจ้าสาวยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยเพิ่มขึ้นจาก 2.2 ล้านล้านบาทในปี 2023 เป็น 2.4 ล้านล้านบาทในปี 2024
โดยเพิ่มขึ้นจาก 2.2 ล้านล้านบาทในปี 2023 เป็น 2.4 ล้านล้านบาทในปี 2024
แม้ว่าจำนวนงานแต่งงานได้กลับมาสู่ระดับก่อนการระบาดแล้ว อย่างไรก็ตาม เทรนด์แฟชั่นของชุดเจ้าสาวกลับเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
โดยเจ้าสาวในปัจจุบันเชื่อว่า ชุดไหน ๆ ก็สามารถเป็นชุดแต่งงานได้ทั้งนั้น หลายคนหันไปเลือกชุดแต่งงานดิไซน์ที่มีสีสันสดใส หรือเครื่องประดับที่ไม่เหมือนการแต่งงานแบบดั้งเดิม
สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบและการปรับตัวของธุรกิจชุดแต่งงานเช่นกัน
อย่างแรกคือ การเพิ่มขึ้นของแบรนด์ชุดแต่งงาน
ต้องบอกว่าธุรกิจประเภทนี้ส่วนใหญ่ลูกค้าเป็นประเภท One-Time Customer หรือไม่มีลูกค้าขาจร
ในอดีต เจ้าสาวมักจะมีทางเลือกซื้อชุดแต่งงานอย่างจำกัด ถ้าเจ้าสาวที่ต้องการชุดแต่งงานที่หรูหรา มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ก็มีตัวเลือกเพียงไม่กี่แบรนด์ เช่น Vera Wang และ Vivienne Westwood
นอกนั้นก็มักจะเลือกชุดจากร้านที่ตัดชุดแต่งงานโดยเฉพาะ หรือเชนร้านชุดแต่งงานอย่าง David's Bridal
แต่ในช่วงปีที่ผ่านมา David's Bridal กลับยื่นฟ้องล้มละลาย ซึ่งสาเหตุหลักมาจาก บริษัทขาดรายได้ตั้งแต่ช่วงการแพร่ระบาดของโรคร้าย และภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น
จากกรณีของ David’s Bridal แสดงให้เห็นถึงเทรนด์และความต้องการของเจ้าสาวที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะชุดแต่งงานแบบดั้งเดิมมักจะมีสไตล์ ไซซ์ และราคาที่จำกัด ทำให้แบรนด์ชุดแต่งงานใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย
ตัวอย่างที่ชัดเจน เช่น แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่าง Etsy และ ASOS ที่นำเสนอชุดแต่งงานจากดิไซเนอร์อิสระหลากหลายราย เจ้าสาวสามารถค้นหาชุดที่ตรงกับสไตล์และงบประมาณของตัวเองได้ง่ายขึ้น
แม้กระทั่งแบรนด์เสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่น เช่น ASOS, Forever 21, Lulus และ Shein ก็เพิ่มจำนวนแบบชุดแต่งงานที่มีหลากหลายสไตล์เช่นกัน
อีกทั้งยังมีแบรนด์แฟชั่นที่ขยายธุรกิจจากเสื้อผ้าทั่วไป มาทำไลน์ชุดแต่งงานกันมากขึ้น ยกตัวอย่างในประเทศไทยบ้านเรา ก็มีแบรนด์จากดิไซเนอร์ไทย เช่น Vatanika Bride, White Asava และ Poem
ผลกระทบข้อสองคือ การเพิ่มขึ้นของชุดแต่งงานมือสอง
ทุกวันนี้ เจ้าสาวรุ่นใหม่หันมาซื้อชุดแต่งงานมือสองกันมากขึ้น เกิดจากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็น ราคาที่จับต้องได้, ความหลากหลายของสไตล์, การตระหนักถึงความยั่งยืน
รวมถึงอินฟลูเอนเซอร์หลายคนยังนิยมนำเสนอชุดแต่งงานมือสอง ทำให้เกิดกระแสการตามเทรนด์นี้
ซึ่งมีกรณีศึกษาจากแพลตฟอร์มซื้อขายชุดมือสองอย่าง Tab Vintage ที่พบว่าปัจจุบัน ยอดขายประมาณ 50% มาจากสินค้าชุดแต่งงานมือสองหรือชุดแต่งงานวินเทจ
เช่นเดียวกับ แพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับซื้อขายสินค้าแบรนด์หรูมือสองอย่าง The RealReal ที่พบว่ามีการค้นหา “ชุดเดรสสีขาวสไตล์วินเทจ” เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ชุดเจ้าสาวลักชัวรีอย่าง Galia Lahav ได้ลงเข้ามาเล่นในตลาดนี้ด้วยตัวเอง โดยใช้ชื่อ Re:Galia นับเป็นแบรนด์ชุดแต่งงานแรก ๆ ที่มีเว็บไซต์เฉพาะสำหรับการขายชุดแต่งงานมือสอง
โดยมีโมเดลการตั้งราคาถูกกว่าชุดแต่งงานมือหนึ่งราว ๆ 20-40% และเมื่อชุดขายได้ จะแบ่งเป็น ผู้ฝากขายได้เงิน 80% จากราคาขาย และ 20% จะเป็นของ Galia Lahav และ Treet ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขายต่อที่ดูแลเรื่องระบบ
ซึ่งเหตุผลที่ Galia Lahav เข้ามาเปิดกิจการชุดแต่งงานมือสอง เพราะมองเห็นโอกาสในตลาดนี้ว่าปกติชุดแต่งงานของแบรนด์ มักจะถูกนำไปขายต่อบนโลกออนไลน์อยู่แล้ว
ดังนั้นทางแบรนด์จะเข้ามาลดช่องว่างระหว่างลูกค้าและเว็บไซต์ที่เป็นตัวกลาง อีกทั้งหวังที่จะสร้างแพลตฟอร์มในการทำธุรกรรมที่น่าเชื่อถือ และรับประกันความถูกต้องให้กับกลุ่มลูกค้าได้
อ่านมาถึงตรงนี้ เราอาจสรุปได้ว่า เจ้าสาวทุกคนก็อยากที่จะรู้สึกสวยที่สุดในวันสำคัญ แต่ความสวยในแบบของเจ้าสาวสมัยนี้ ไม่ได้มีมาตรฐานความสวยเป็นพิมพ์เดียวกันเหมือนสมัยก่อน
การเพิ่มขึ้นของแบรนด์ชุดแต่งงานและชุดแต่งงานมือสอง ส่งผลดีต่อผู้บริโภคอย่างมาก เจ้าสาวมีตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้น ในราคาย่อมเยา
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจชุดแต่งงานแบบดั้งเดิมจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ มิฉะนั้น อาจจะเสียลูกค้าและเผชิญกับความเสี่ยงที่จะล้มละลายเหมือนกับ David's Bridal..
References:
-https://edition.cnn.com/2024/06/21/style/gen-z-bridal-fashion-trends-bof/index.html
-https://www.forbes.com/sites/forbesbusinesscouncil/2024/06/20/how-does-the-bridal-wear-market-perform-in-post-pandemic/
-https://www.voguebusiness.com/story/consumers/the-secondhand-bridal-market-is-booming-how-can-brands-cash-in
-https://edition.cnn.com/2024/06/21/style/gen-z-bridal-fashion-trends-bof/index.html
-https://www.forbes.com/sites/forbesbusinesscouncil/2024/06/20/how-does-the-bridal-wear-market-perform-in-post-pandemic/
-https://www.voguebusiness.com/story/consumers/the-secondhand-bridal-market-is-booming-how-can-brands-cash-in