Business
“Underconsumption Core” เทรนด์ที่ชวนให้คนซื้อเฉพาะของที่จำเป็น และใช้จนคุ้ม ไม่ต้องซื้อเผื่อ
28 พ.ย. 2024
“Underconsumption Core” เทรนด์ที่ชวนให้คนซื้อเฉพาะของที่จำเป็น และใช้จนคุ้ม ไม่ต้องซื้อเผื่อ /โดย ลงทุนเกิร์ล
Loud Budgeting เทรนด์ใช้ชีวิต อวดความประหยัดDeinfluencing เทรนด์รีวิวสินค้าขั้วตรงข้าม ที่บอกผู้ติดตามว่า “ของมันไม่ต้องมี”Dupe Phenomena ปรากฏการณ์แห่ใช้สินค้าเทียบเคียงแบรนด์หรูไฮเอนด์ เวอร์ชันราคาถูกกว่า
ทั้งหมดนี้ เป็นเทรนด์การใช้เงินที่ถูกพูดถึงอยู่บ่อย ๆ บนโซเชียลมีเดีย ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า เทรนด์การใช้เงินของคนในยุคนี้ เน้นไปกับอะไรที่คุ้มค่ามากขึ้น และไม่จำเป็นต้องซื้อสินค้าตามกระแส หรือซื้อของตามรีวิวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นใหม่ทุกวัน
ล่าสุด ก็มีอีกหนึ่งเทรนด์ที่กำลังเป็นกระแสบนโลกโซเชียล นั่นก็คือ “Underconsumption Core” แนวคิดที่ต้องการจุดกระแสให้คนคิดอย่างรอบคอบก่อนซื้อ
เทรนด์ Underconsumption Core น่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
Underconsumption Core คือ แนวคิดที่ชักจูงให้คนซื้อของน้อยลงและใช้ของน้อยลง โดยเลือกซื้อเฉพาะของใช้ที่ต้องการจริง ๆ และใช้ของชิ้นนั้นจนหมด หรือใช้จนกว่าถึงเวลาเปลี่ยนใหม่
เช่น การมีสกินแคร์ที่จำเป็นทั้งหมด เพียงไม่กี่ชิ้น
ครีมกันแดด 1 ชิ้น เซรั่ม 1 ขวด และมอยส์เชอไรเซอร์ 1 ขวด และใช้แต่ละชิ้นจนกว่าจะหมด ก่อนจะซื้อใหม่
ครีมกันแดด 1 ชิ้น เซรั่ม 1 ขวด และมอยส์เชอไรเซอร์ 1 ขวด และใช้แต่ละชิ้นจนกว่าจะหมด ก่อนจะซื้อใหม่
หรือการมีรองเท้าผ้าใบสำหรับออกกำลังกายเพียง 1 คู่
โดยไม่ต้องมีคู่ที่ 2 หรือ 3 เผื่อไว้ และใช้จนกว่าจะรองเท้าคู่นั้นจะพัง ไม่สามารถใช้งานได้
โดยไม่ต้องมีคู่ที่ 2 หรือ 3 เผื่อไว้ และใช้จนกว่าจะรองเท้าคู่นั้นจะพัง ไม่สามารถใช้งานได้
โดยเทรนด์นี้ ตรงข้ามกับ Overconsumption Core
หรือการที่ซื้อสินค้ามากเกินความต้องการ ที่หลายคนกำลังเป็นโดยไม่รู้ตัว
หรือการที่ซื้อสินค้ามากเกินความต้องการ ที่หลายคนกำลังเป็นโดยไม่รู้ตัว
ถ้าพูดให้เห็นภาพชัด ๆ ก็คือการซื้อลิปสติกสีเดิม ๆ จำนวนหลายแท่ง รวมไปถึงการ Unbox เสื้อผ้าใหม่ทุกสัปดาห์ ที่เรามักจะเห็นกันบ่อย ๆ ตามโซเชียลมีเดีย
ที่น่าสนใจก็คือ จุดประสงค์ของเทรนด์ Underconsumption Core นั้น ไม่ใช่การประหยัดเงิน ไม่ซื้อสินค้าราคาแพง หรือไม่ใช้เงินเลย แต่เป็นการชวนให้ “คิดอย่างรอบคอบก่อนซื้อ”
เพราะเมื่อผ่านกระบวนการคิดที่ถี่ถ้วนแล้ว เราจะรู้ว่าต้องการสิ่งนั้นจริง ๆ หรือไม่
แน่นอนว่า การที่มีของมากเกินความจำเป็น ทำให้เราไม่สามารถหยิบมาใช้ได้ครบหมดทุกชิ้น และจะมีเพียงบางชิ้นเท่านั้นที่ถูกใช้บ่อย ๆ ทำให้สุดท้าย ของที่ไม่ได้ใช้เหล่านั้นก็จะถูกทิ้งไว้จนพังเป็นขยะ หรือหมดอายุในที่สุด
ซึ่งหลายคนก็มองว่าเทรนด์ Underconsumption Core มีความคล้ายคลึงกับ “Luxury Minimalism” หรือการซื้อของแบรนด์ดิไซเนอร์คุณภาพดี ราคาสูง ที่จะใช้ได้นาน ๆ
แต่ความแตกต่างก็คือ Underconsumption Core นั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นสินค้าที่มีราคาสูง หรือแบรนด์ดิไซเนอร์ดัง ๆ เลย
อาจจะเป็นการซื้อเครื่องสำอางจากแบรนด์ Drug Store ราคากลาง ๆ ที่เหมาะกับเรา หรืออาจจะเป็นการซื้อเสื้อผ้ามือสอง ที่ยังใช้งานได้ก็ได้
ต้องบอกว่า ในช่วงที่ผ่านมา มีเทรนด์การใช้เงินที่คุ้มค่าในรูปแบบต่าง ๆ ถูกนิยามขึ้นมาใหม่เรื่อย ๆ
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน
ที่ทำให้หลายคนต้องใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากขึ้น โดยลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นก่อนเป็นอันดับแรก
ที่ทำให้หลายคนต้องใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากขึ้น โดยลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นก่อนเป็นอันดับแรก
ในขณะเดียวกัน ผู้คนเริ่มเบื่อหน่ายกับการป้ายยาของอินฟลูเอนเซอร์ ที่มีอยู่มากมายทั่วทุกแพลตฟอร์ม จนคนดูเองก็ซื้อตามไม่ทัน จนเกิดเป็นเทรนด์ Underconsumption Core ขึ้นมานั่นเอง
สำหรับใครที่อยากลองทำตามเทรนด์นี้
วิธีง่าย ๆ ก็คือให้ลองออกห่างจากหน้าจอโทรศัพท์ หรือสื่อต่าง ๆ ก่อน เพื่อทบทวนอีกครั้งว่าสิ่งที่เรามีอยู่นั้นเพียงพอแล้วหรือไม่
วิธีง่าย ๆ ก็คือให้ลองออกห่างจากหน้าจอโทรศัพท์ หรือสื่อต่าง ๆ ก่อน เพื่อทบทวนอีกครั้งว่าสิ่งที่เรามีอยู่นั้นเพียงพอแล้วหรือไม่
หลังจากนั้นก็เข้าไปคัดสินค้าที่ไม่จำเป็นหลาย ๆ รายการ ที่ค้างอยู่ใน Shopping Cart ออกก่อนที่จะเผลอไปกดสั่งซื้อในวัน Double Date ที่กำลังจะมาถึงนี้..