FashionInspirationBusiness
VERA กระเป๋าหนังแท้แบรนด์ไทยที่ใช้ “ใจ” ผลิต สู่ยอดขายร้อยล้าน
13 ธ.ค. 2020
VERA กระเป๋าหนังแท้แบรนด์ไทยที่ใช้ “ใจ” ผลิต สู่ยอดขายร้อยล้าน /โดยลงทุนเกิร์ล
ปัจจุบันมีแบรนด์สินค้ามากมายที่เกิดขึ้นมาในท้องตลาด
แต่จะมีสักกี่แบรนด์ที่สามารถอยู่รอดในตลาดที่มีการต่อสู้อย่างดุเดือดได้
ที่น่าสนใจคือ ท่ามกลางสมรภูมิแห่งนี้ VERA แบรนด์กระเป๋าหนังฝีมือคนไทย
ไม่ได้มองว่าตัวเองกำลังแข่งขันกับใครที่ไหน
แต่มองว่า ผู้ที่ต้องแข่งขันด้วยคือตัวเอง และทำอย่างไรให้ลูกค้าเลือก
แต่จะมีสักกี่แบรนด์ที่สามารถอยู่รอดในตลาดที่มีการต่อสู้อย่างดุเดือดได้
ที่น่าสนใจคือ ท่ามกลางสมรภูมิแห่งนี้ VERA แบรนด์กระเป๋าหนังฝีมือคนไทย
ไม่ได้มองว่าตัวเองกำลังแข่งขันกับใครที่ไหน
แต่มองว่า ผู้ที่ต้องแข่งขันด้วยคือตัวเอง และทำอย่างไรให้ลูกค้าเลือก
เรามาทำความรู้จักกับ VERA แบรนด์ที่สร้างขึ้นมาจากความหลงใหลในกระเป๋าหนัง
ของคุณกิ หรือ คุณวิไลพร ศิรินภาพันธ์ ที่ผันตัวจากพนักงานบริษัท
สู่เจ้าของแบรนด์กระเป๋ายอดขายร้อยล้าน
ของคุณกิ หรือ คุณวิไลพร ศิรินภาพันธ์ ที่ผันตัวจากพนักงานบริษัท
สู่เจ้าของแบรนด์กระเป๋ายอดขายร้อยล้าน
เรื่องราวของ VERA น่าสนใจอย่างไร?
วันนี้ลงทุนเกิร์ลจะมาเล่าให้ฟังค่ะ
วันนี้ลงทุนเกิร์ลจะมาเล่าให้ฟังค่ะ
แรกเริ่มเดิมทีคุณกิ เป็นพนักงานประจำอยู่ที่ บริษัทยูนิลีเวอร์มาก่อน
ทำให้เธอมีโอกาสได้เดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง
ทำให้เธอมีโอกาสได้เดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง
กิจกรรมที่คุณกิมักทำเป็นประจำเวลาเดินทาง คือ การเดินดูกระเป๋าหนังในโซนดิวตี้ฟรีที่สนามบิน
ซึ่งเธอเองก็มีความหลงใหลและชื่นชอบ ในกระเป๋าหนังอย่างมาก
โดยคุณกิเล่าว่า เธอมีความสุขทุกครั้งที่ได้สัมผัสกระเป๋าหนังเหล่านั้น
ชอบดูรายละเอียดต่างๆ ของกระเป๋า ชอบคัทติ้งที่เนี้ยบ
สีสันและสัมผัสของหนังที่สวย รวมถึงกลิ่นของหนังแท้
ซึ่งเธอเองก็มีความหลงใหลและชื่นชอบ ในกระเป๋าหนังอย่างมาก
โดยคุณกิเล่าว่า เธอมีความสุขทุกครั้งที่ได้สัมผัสกระเป๋าหนังเหล่านั้น
ชอบดูรายละเอียดต่างๆ ของกระเป๋า ชอบคัทติ้งที่เนี้ยบ
สีสันและสัมผัสของหนังที่สวย รวมถึงกลิ่นของหนังแท้
ต่อมาคุณกิได้ไปเจอกับกระเป๋าแบรนด์หนึ่งในต่างประเทศ
ที่มีสไตล์มินิมัล ไม่มีโลโก้แบรนด์ให้เห็นเป็นเด่นชัด
ซึ่งตอนนั้นในประเทศไทย ก็ยังไม่มีแบรนด์ไหนที่ทำกระเป๋าสไตล์นี้
เรื่องนี้จึงจุดประกายให้คุณกิ อยากที่จะเริ่มทำกระเป๋าในแบบของตัวเอง
ที่มีสไตล์มินิมัล ไม่มีโลโก้แบรนด์ให้เห็นเป็นเด่นชัด
ซึ่งตอนนั้นในประเทศไทย ก็ยังไม่มีแบรนด์ไหนที่ทำกระเป๋าสไตล์นี้
เรื่องนี้จึงจุดประกายให้คุณกิ อยากที่จะเริ่มทำกระเป๋าในแบบของตัวเอง
เธอตัดสินใจทำเปิดเพจแบรนด์ VERA ขึ้นมา ในช่วงปี 2014
ตอนนั้นคุณกิยังคงทำงานประจำอยู่
เธอเริ่มจากการทำกระเป๋ามาสะพายใช้เองก่อน
ซึ่งผลปรากฏว่ากลายเป็นที่ชื่นชอบของเพื่อนๆ และคนรอบตัว
เธอเริ่มจากการทำกระเป๋ามาสะพายใช้เองก่อน
ซึ่งผลปรากฏว่ากลายเป็นที่ชื่นชอบของเพื่อนๆ และคนรอบตัว
ในที่สุดคุณกิก็ตัดสินใจออกจากงานประจำ เพื่อทำตามความฝันของตัวเอง
คุณกิเล่าว่า ในช่วงปีแรก เธอทำทุกอย่างเอง ในทุกขั้นตอน
ตั้งแต่ออกแบบ เลือกหนัง หาช่างคุมคุณภาพสินค้า ทำเพจ ตอบลูกค้า ไปจนถึงการแพ็กสินค้า
ตั้งแต่ออกแบบ เลือกหนัง หาช่างคุมคุณภาพสินค้า ทำเพจ ตอบลูกค้า ไปจนถึงการแพ็กสินค้า
ซึ่งก่อนหน้านี้คุณกิ ก็ไม่ได้เรียนหรือมีประสบการณ์ในด้านทำกระเป๋ามาก่อน
แต่เธอใช้การเรียนรู้จากการทำงานจริง และมองว่าทุกคนที่ร่วมงานคือ “ครู” ที่คอยสอน
แต่เธอใช้การเรียนรู้จากการทำงานจริง และมองว่าทุกคนที่ร่วมงานคือ “ครู” ที่คอยสอน
นอกจากนั้น คุณกิยังได้ใช้ประสบการณ์ด้าน Marketing ที่เธอสั่งสมมา
เพื่อทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้า Consumer Insights
และทำให้กระเป๋า VERA กลายเป็นกระเป๋าที่ “ตอบโจทย์ลูกค้า”
เพื่อทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้า Consumer Insights
และทำให้กระเป๋า VERA กลายเป็นกระเป๋าที่ “ตอบโจทย์ลูกค้า”
ดังนั้นกระเป๋าของ VERA แม้ดูภายนอกจะมีดีไซน์ที่เรียบง่าย
แต่ด้านในก็มีการแทรกรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างใส่ใจ
ทำให้ได้ผลตอบรับที่ดีเป็นอย่างมาก และมีลูกค้าที่ชื่นชอบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
แต่ด้านในก็มีการแทรกรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างใส่ใจ
ทำให้ได้ผลตอบรับที่ดีเป็นอย่างมาก และมีลูกค้าที่ชื่นชอบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
แรกๆ เรียกได้ว่าคุณกิแทบจะทำแบรนด์ VERA ด้วยตัวคนเดียว
จนเมื่อทำไปได้ 2 ปี ก็มีคุณอาร์ท หรือศุภดิศ ศิรินภาพันธ์ เข้ามาช่วยกัน
จนเมื่อทำไปได้ 2 ปี ก็มีคุณอาร์ท หรือศุภดิศ ศิรินภาพันธ์ เข้ามาช่วยกัน
ที่น่าสนใจคือทางคุณอาร์ทเอง เรียนมาทางสาย Tech
ไม่ได้จบด้านการออกแบบแต่อย่างใด
แต่สิ่งที่พวกเขามีเหมือนกันคือ “ความจริงใจ” ที่อยากจะสื่อออกไปให้ลูกค้า
และนำความรู้ทางด้าน Tech มาใช้ในการบริหารจัดการทั้งข้อมูลและ Operations ทั้งหมด
ไม่ได้จบด้านการออกแบบแต่อย่างใด
แต่สิ่งที่พวกเขามีเหมือนกันคือ “ความจริงใจ” ที่อยากจะสื่อออกไปให้ลูกค้า
และนำความรู้ทางด้าน Tech มาใช้ในการบริหารจัดการทั้งข้อมูลและ Operations ทั้งหมด
อย่างสิ่งที่ทั้งคู่มองว่า เป็นจุดอ่อนของการขายของผ่านออนไลน์
เช่น รูปสินค้าที่ขายในออนไลน์ส่วนใหญ่ มักจะไม่ตรงปก มีสีไม่ตรงกับของจริง
นอกจากนั้นลูกค้ายังไม่สามารถสัมผัสกับวัสดุที่นำมาใช้ทำกระเป๋า
เช่น รูปสินค้าที่ขายในออนไลน์ส่วนใหญ่ มักจะไม่ตรงปก มีสีไม่ตรงกับของจริง
นอกจากนั้นลูกค้ายังไม่สามารถสัมผัสกับวัสดุที่นำมาใช้ทำกระเป๋า
พอเกิดปัญหาแบบนี้ ทั้งสองจึงให้ความใส่ใจกับการสื่อสารกับลูกค้า
ไม่ว่าจะเป็นรูปสินค้าที่ถ่าย รวมไปถึงการตอบคำถามให้ข้อมูลของลูกค้า
ที่ต้อง ครบถ้วน และรวดเร็วทันใจ
เพื่อให้ลูกค้าเกิดความสบายใจ และรู้สึกมั่นใจที่จะซื้อ กระเป๋า VERA
ไม่ว่าจะเป็นรูปสินค้าที่ถ่าย รวมไปถึงการตอบคำถามให้ข้อมูลของลูกค้า
ที่ต้อง ครบถ้วน และรวดเร็วทันใจ
เพื่อให้ลูกค้าเกิดความสบายใจ และรู้สึกมั่นใจที่จะซื้อ กระเป๋า VERA
ในด้านการตั้งราคาสินค้าของแบรนด์ VERA ทั้งคุณกิและคุณอาร์ทก็ให้ความสำคัญเช่นกัน
โดยทั้งคู่บอกว่า ทุกคนน่าจะต้องเคยซื้อของมาในราคาเต็ม
แล้วจากนั้นไม่นานสินค้าเหล่านั้นก็จะลดราคา ซึ่งเป็นใครก็คงรู้สึกไม่ดีกันทั้งนั้น
แล้วจากนั้นไม่นานสินค้าเหล่านั้นก็จะลดราคา ซึ่งเป็นใครก็คงรู้สึกไม่ดีกันทั้งนั้น
ดังนั้นทั้งสองจึงตั้งใจว่าจะไม่ลดราคาสินค้าของตัวเอง แต่ตั้งราคาที่ “สมเหตุสมผล”
เมื่อเทียบกับคุณภาพของวัสดุ และความใส่ใจในทุกๆ รายละเอียดของคุณกิและคุณอาร์ท
เมื่อเทียบกับคุณภาพของวัสดุ และความใส่ใจในทุกๆ รายละเอียดของคุณกิและคุณอาร์ท
และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่ กระเป๋า VERA ไม่ได้มีหน้าร้านที่วางขายตามห้างสรรพสินค้า
ในแบบที่จ่าย GP หรือการแบ่งเปอร์เซ็นต์จากยอดขาย
เพราะ ด้วยความต้องการให้ราคาสินค้าอยู่ในระดับที่จับต้องได้
ในแบบที่จ่าย GP หรือการแบ่งเปอร์เซ็นต์จากยอดขาย
เพราะ ด้วยความต้องการให้ราคาสินค้าอยู่ในระดับที่จับต้องได้
อย่างไรก็ตามทั้งคู่ก็ยังมองว่า หน้าร้านยังเป็นเรื่องที่สำคัญ
เพราะเป็นที่สำหรับลูกค้าที่ต้องการสัมผัสสินค้าจริง
คุณกิและคุณอาร์ท จึงเลือกเปิดร้านทั้งหมด 3 สาขา
เพราะเป็นที่สำหรับลูกค้าที่ต้องการสัมผัสสินค้าจริง
คุณกิและคุณอาร์ท จึงเลือกเปิดร้านทั้งหมด 3 สาขา
ที่อาคาร Wave Place ตรงสถานีรถไฟฟ้าเพลินจิต
ที่เซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น G ใกล้ B2S
และอีกที่ที่ฝากขายในร้านคนรู้จัก ตั้งอยู่ใน The Crystal Veranda บริเวณเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา
ที่เซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น G ใกล้ B2S
และอีกที่ที่ฝากขายในร้านคนรู้จัก ตั้งอยู่ใน The Crystal Veranda บริเวณเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา
แล้วกระเป๋า VERA มีกลยุทธ์อย่างไร ในตลาดปัจจุบัน
ที่มีแบรนด์กระเป๋าเกิดขึ้นใหม่มากมาย และต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ที่มีแบรนด์กระเป๋าเกิดขึ้นใหม่มากมาย และต่อสู้กันอย่างดุเดือด
มุมมองของคุณกิและคุณอาร์ทค่อนข้างน่าสนใจ
โดยทั้งคู่มองว่ากระเป๋า VERA ไม่ได้มีกลยุทธ์ เพื่อต่อสู้กับแบรนด์อื่น
แต่มองว่า จะทำอย่างไรให้กระเป๋า VERA นั้นมีคุณภาพที่ดีอยู่เสมอ และพัฒนาอยู่ตลอด
เนื่องจากพวกเขามองว่า คู่แข่งที่สำคัญที่สุดก็คือ “ตัวเอง”
แล้วจะทำอย่างไรให้ VERA ดีขึ้นในทุกๆ วัน
โดยทั้งคู่มองว่ากระเป๋า VERA ไม่ได้มีกลยุทธ์ เพื่อต่อสู้กับแบรนด์อื่น
แต่มองว่า จะทำอย่างไรให้กระเป๋า VERA นั้นมีคุณภาพที่ดีอยู่เสมอ และพัฒนาอยู่ตลอด
เนื่องจากพวกเขามองว่า คู่แข่งที่สำคัญที่สุดก็คือ “ตัวเอง”
แล้วจะทำอย่างไรให้ VERA ดีขึ้นในทุกๆ วัน
คุณกิและคุณอาร์ทยังบอกอีกว่า ทั้งคู่ต้องการให้กระเป๋า VERA เป็นอีกทางเลือกของลูกค้า
ทำให้ลูกค้าที่ใช้กระเป๋า VERA รู้สึกสวย มั่นใจ ทุกครั้งที่ได้ถือกระเป๋า
ทำให้ลูกค้าที่ใช้กระเป๋า VERA รู้สึกสวย มั่นใจ ทุกครั้งที่ได้ถือกระเป๋า
ซึ่งก็ไม่ใช่แค่ซื้อและจบ แต่ยังมีบริการหลังการขายอีกด้วย
โดยถ้าหากลูกค้าไม่ถูกใจ หรือติดปัญหาอะไร สามารถบอกได้เสมอ
ทาง VERA มีความยินดีจะให้ความช่วยเหลือและบริการ
โดยถ้าหากลูกค้าไม่ถูกใจ หรือติดปัญหาอะไร สามารถบอกได้เสมอ
ทาง VERA มีความยินดีจะให้ความช่วยเหลือและบริการ
จากทั้งหมดที่กล่าวมา ทำให้เราสรุปได้ว่า กลยุทธ์ของกระเป๋า VERA
มาจากความจริงใจ และใส่ใจในคุณภาพของสินค้า
จนทำให้กระเป๋า VERA สามารถครองใจคนไทยมาได้จนถึงทุกวันนี้
มาจากความจริงใจ และใส่ใจในคุณภาพของสินค้า
จนทำให้กระเป๋า VERA สามารถครองใจคนไทยมาได้จนถึงทุกวันนี้
และถึงแม้จะผ่านมา 5 ปี ตั้งแต่คุณกิและคุณอาร์ท เริ่มออกมาทำกระเป๋า VERA อย่างจริงจัง
กระเป๋า VERA ก็ยังคงคุณภาพของสินค้า และพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ
กระเป๋า VERA ก็ยังคงคุณภาพของสินค้า และพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ
จากในช่วง 1 ปีแรกที่ทำยอดขายต่อเดือนประมาณ 300,000 บาท
ปัจจุบัน VERA มียอดขายรวมอยู่ในหลักร้อยล้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ปัจจุบัน VERA มียอดขายรวมอยู่ในหลักร้อยล้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
และยังเดินหน้าขยายฐานลูกค้าเพื่อให้ตอบโจทย์กับลูกค้าทุกกลุ่ม
ไม่ว่าจะผู้หญิง หรือผู้ชาย ก็สามารถใช้กระเป๋า VERA ได้
และเป็นกระเป๋าที่เข้ากับทุกยุค ทุกสมัย
ไม่ว่าจะผู้หญิง หรือผู้ชาย ก็สามารถใช้กระเป๋า VERA ได้
และเป็นกระเป๋าที่เข้ากับทุกยุค ทุกสมัย
Reference: สัมภาษณ์โดยตรงกับเจ้าของแบรนด์
Tag:VERA