ทำไมมหาเศรษฐีอย่าง อีลอน มัสก์ มีเงินเป็นล้านล้านบาท แต่ยังกู้เงินซื้อบ้าน
Investment

ทำไมมหาเศรษฐีอย่าง อีลอน มัสก์ มีเงินเป็นล้านล้านบาท แต่ยังกู้เงินซื้อบ้าน

21 เม.ย. 2025
ทำไมมหาเศรษฐีอย่าง อีลอน มัสก์ มีเงินเป็นล้านล้านบาท แต่ยังกู้เงินซื้อบ้าน /โดย ลงทุนเกิร์ล
หลายคนอาจเคยคิดว่า ถ้ามีเงินเป็นหมื่นล้านบาท จะใช้เงินสดซื้อทุกอย่างที่ต้องการ เพราะเงินที่มี ทั้งชาตินี้ก็ใช้ไม่หมด
แต่รู้หรือไม่ว่า แม้แต่ CEO บริษัทระดับโลก ที่มีทรัพย์สินเป็นล้านล้านบาท อย่าง อีลอน มัสก์, มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก และเจฟฟ์ เบโซส กลับไม่ได้ทำเช่นนั้น โดยพวกเขามักจะกู้เงินมาสร้างบ้านมากกว่าซื้อด้วยเงินสด
ไม่เพียงแค่นั้น ศิลปินฮิปฮอปที่รวยเป็นหมื่นล้านบาทอย่าง Jay-Z ก็ยังเคยกู้เงินเกือบ 3,000 ล้านบาท เพื่อซื้อบ้านที่ลอสแอนเจลิสเช่นกัน
เรื่องราวนี้น่าสนใจอย่างไร ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
อีลอน มัสก์ เจ้าของธุรกิจชื่อดังมากมาย เช่น
Tesla บริษัทผลิตรถไฟฟ้าและพลังงานสะอาดSpaceX บริษัทด้านการสำรวจอวกาศและผลิตจรวดX แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียชื่อดัง
อ้างอิงจาก Forbes ปัจจุบันเขาคือบุคคลที่รวยสุดในโลก
โดยมีทรัพย์สินสูงถึง 11,088,924,000,000 บาท (อ่านว่า 11 ล้านล้านบาท)
แน่นอนว่า คนที่ร่ำรวยขนาดนี้ ก็น่าจะมีเงินสดมากมายที่จะซื้อบ้านได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเงินกู้จากธนาคาร
แล้วเหตุผลอะไรที่เขาเลือกกู้เงินเพื่อซื้อบ้าน ?
เพิ่มความคล่องตัว ของกระแสเงินสด
ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า บ้าน ถือเป็นสินทรัพย์ที่สภาพคล่องต่ำ หรือก็คือไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้อย่างรวดเร็ว
ที่สำคัญ บ้านที่พวกเขาซื้อก็ไม่ได้มีมูลค่าน้อย ๆ หากจ่ายเงินสด จะทำให้เงินก้อนใหญ่ไปจมกับสินทรัพย์ที่ขายออกยากอย่างบ้าน
แต่ในทางกลับกัน หากพวกเขาเลือกกู้เงิน ก็จะมีเงินสดสำรองไว้ ทำให้บริหารเงินได้คล่องตัวกว่า ไม่ว่าจะนำไปลงทุน ขยายธุรกิจ หรือรับมือกับวิกฤติต่าง ๆ ก็ทำได้ทันที
นำเงินไปลงทุน จะได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากว่า
สมมติว่า อีลอน มัสก์ ต้องการซื้อบ้านราคา 100 ล้านบาท แน่นอนว่าการควักเงินมาจ่ายเลยทันที คงจะไม่ได้ลดทอนความร่ำรวยหลักล้านล้านบาท ของเขาเท่าไรนัก
แต่มันทำให้เขา “สูญเสียโอกาส” ในแง่การนำเงินไปใช้ในทางอื่น อย่างเช่น การลงทุนในตลาดหุ้น
ยกตัวอย่าง อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านแบบคงที่เฉลี่ย ณ วันที่ 10 ตุลาคม 2024 อยู่ที่ 6% สำหรับเงินกู้ 30 ปี แต่เฉลี่ยแล้ว ตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนรายปีประมาณ 10%
เราจะเห็นว่า มีกำไรส่วนต่างที่ 4% ต่อปี ยิ่งเป็นนักลงทุนที่เก่ง ๆ แล้ว ก็อาจจะทำผลตอบแทนได้มากกว่านี้
พวกเขาจึงเลือกที่จะกู้เงินซื้อบ้าน และนำเงินสดที่เหลือจากการวางดาวน์ ไปลงทุนในตลาดหุ้น เพราะพวกเขาสามารถทำกำไรได้ มากกว่าดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย
พูดง่าย ๆ ก็คือ หากกู้ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ เงินที่กู้มาสามารถเอาไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าได้
เพื่อหักลดหย่อนภาษี
การลดหย่อนภาษีจากดอกเบี้ยจำนองเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้คนรวยเลือกที่จะกู้เงินซื้อบ้าน
โดยในสหรัฐฯ ดอกเบี้ยเงินกู้สามารถหักลดหย่อนภาษีได้สำหรับเงินกู้ที่สูงถึง 750,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 25 ล้านบาท)
แม้ว่าเงินที่ได้คืนจากการลดหย่อนภาษีอาจดูไม่ได้มากมายในมุมของมหาเศรษฐี แต่ก็ถือเป็นผลพลอยได้ที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายอีกทางหนึ่ง
มาถึงตรงนี้ สรุปได้ว่า เหตุผลที่อีลอน มัสก์ หรือมหาเศรษฐีคนอื่น ๆ เลือกที่จะ กู้เงินเพื่อซื้อบ้าน แทนที่จะจ่ายด้วยเงินสด ทั้งที่มีเงินเหลือเฟือ เป็นเรื่องของกลยุทธ์การจัดการทางการเงินที่ชาญฉลาด
ซึ่งเรื่องนี้ ก็ทำให้เราเห็นวิธีคิดของคนรวยว่าการบริหารเงินที่ดี ไม่ใช่แค่มีเงินเยอะ แต่ต้องรู้จักใช้เงินให้คุ้มค่า และสร้างโอกาสงอกเงยของเงินให้ได้มากที่สุด
และเราเองก็สามารถนำมาปรับใช้กับการวางแผนการเงินได้เช่นกัน..
© 2025 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.