
Business
เมื่อลูกชายนักเจียระไน หลงรัก ลูกสาวพ่อค้าพลอย ก่อกำเนิดเป็นแบรนด์ Van Cleef & Arpels
4 มิ.ย. 2025
เมื่อลูกชายนักเจียระไน หลงรัก ลูกสาวพ่อค้าพลอย ก่อกำเนิดเป็นแบรนด์ Van Cleef & Arpels /โดย ลงทุนเกิร์ล
รู้หรือไม่คะ ธุรกิจหลายอย่างบนโลกนี้เกิดจาก “ความรัก”
อย่าง Zoom ที่เกิดจากการที่ผู้ก่อตั้งต้องนั่งรถไฟกว่า 10 ชั่วโมง เพื่อไปพบหน้าแฟนสาว เขาเลยพัฒนาเทคโนโลยี ที่ช่วยให้ผู้คนสื่อสารแบบเห็นหน้ากันได้ผ่านหน้าจอคอมฯ
หรือแบรนด์ Victoria's Secret ที่เกิดตอนผู้ก่อตั้งต้องไปซื้อชุดชั้นในให้กับภรรยา จึงอยากสร้างร้านชุดชั้นใน ที่ผู้ชายจะเข้าได้โดยไม่เขินอาย
แล้วจะเป็นอย่างไร ถ้าลูกชายนักเจียระไน มาหลงรักกับลูกสาวพ่อค้าขายพลอย.. ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
เรื่องนี้เกิดขึ้นกับแบรนด์จิวเวลรีเก่าแก่ จากประเทศฝรั่งเศสอย่าง Van Cleef & Arpels
Van Cleef & Arpels เรียกได้ว่าเกิดขึ้นจาก ความรักของคนสองคน คือ คุณ Estelle Arpels ลูกสาวพ่อค้าขายพลอย และคุณ Alfred Van Cleef ลูกชายนักเจียระไน
ซึ่งทั้งสองคนได้แต่งงานกันในปี 1895 ที่ปารีส ฝรั่งเศส
ด้วยพื้นฐานความเชี่ยวชาญจากทั้งสองฝั่ง ทำให้ทั้งสองครอบครัวมีความหลงใหลตรงกัน และเริ่มต้นกิจการร้านจิวเวลรีเล็ก ๆ ร่วมกัน
ในปี 1906 ร้าน Van Cleef & Arpels ก็เปิดตัวขึ้นที่ถนน Vendôme ประเทศฝรั่งเศส ด้วยการจับมือกันระหว่าง คุณ Alfred Van Cleef และคุณพ่อของคุณ Estelle Arpels
โดยชื่อแบรนด์เป็นการนำเอานามสกุลของทั้งสองตระกูลมาต่อกันนั่นเอง
ถึงจะเป็นการร่วมมือกันเพื่อทำร้านจิวเวลรี
แต่ผลงานแรก ๆ ของ Van Cleef & Arpels กลับมีของใช้ในบ้านอยู่เหมือนกัน
แต่ผลงานแรก ๆ ของ Van Cleef & Arpels กลับมีของใช้ในบ้านอยู่เหมือนกัน
และหนึ่งในออร์เดอร์แรก ๆ ของแบรนด์ก็คือ แบบจำลองรูปเรือยอช์ตที่ใช้เป็นกระดิ่งสำหรับเรียกพ่อบ้านได้ด้วย
ต่อมาในปี 1916 แบรนด์ก็ได้ออกแบบเครื่องประดับที่ทำจากไม้ และประดับด้วยเพชรพลอย เพื่อแสดงความรักใน ธรรมชาติ และโชคลาง
อย่างไรก็ตามในตอนแรก Van Cleef & Arpels ยังผลิตเครื่องประดับทั่ว ๆ ไป ไม่ได้มีเอกลักษณ์โดดเด่นเท่าไรนัก
จนกระทั่งในปี 1920 ทางแบรนด์ก็เริ่มหันมาออกแบบเครื่องประดับที่มีแรงบันดาลใจจากรูปทรงเรขาคณิต รวมถึงใช้วัสดุที่ทำจากทองคำขาว พร้อมกับประดับประดาด้วยเพชร จนกลายเป็นเอกลักษณ์ ที่รู้จักในชื่อ “White Jewelry”
หลังจากนั้น Van Cleef & Arpels ก็เริ่มนำเอาวัฒนธรรมจากชาติอื่นเข้ามาผสมผสานกับงานออกแบบ
โดยในช่วงปี 1922 ได้มีการค้นพบหลุมศพของตุตันคามุน ที่ประเทศอียิปต์ แบรนด์ก็ได้นำเอาวัฒนธรรมจากอียิปต์ มาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ ซึ่งก็ได้เสียงตอบรับที่ดีจากลูกค้า
ทำให้ Van Cleef & Arpels เริ่มหยิบเอาวัฒนธรรมจากหลาย ๆ ประเทศ ไม่ว่าจะเป็น จีน อินเดีย และญี่ปุ่น มาเป็นแรงบันดาลใจให้กับหลาย ๆ คอลเลกชันในช่วงเวลาต่อมา
เรื่องนี้ จึงกลายเป็นความโดดเด่นของเครื่องประดับ Van Cleef & Arpels ที่มักจะใช้เพชรพลอยจากธรรมชาติ มาประกอบกับลวดลายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ และวัฒนธรรมตามแต่ช่วงเวลานั้น ๆ
ถือเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับในสมัยนั้น และเมื่อประกอบกับความหรูหราของ Van Cleef & Arpels ทำให้ในอดีตลูกค้าส่วนใหญ่ของแบรนด์ จึงเป็นเหล่าคนชั้นสูง
โดย Van Cleef & Arpels เคยออกแบบสร้อยคอให้กับราชินี และเจ้าหญิงของอียิปต์ เนื่องในโอกาสงานอภิเษกสมรสของพระองค์
รวมไปถึงพวกดัชเชสจากต่างแดน ก็ล้วนเคยเป็นลูกค้าของ Van Cleef & Arpels มาแล้วทั้งนั้น
อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนของแบรนด์ ก็เกิดขึ้นอีกครั้งในปี 1968
เมื่อแบรนด์ได้ออกคอลเลกชัน Alhambra ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจาก ใบโคลเวอร์ 4 แฉก ที่เป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี
โดยใช้วัสดุที่เด่นสะดุดตาอย่างเปลือกไข่มุก และนำมาออกแบบเป็นสร้อยคอแบบยาวชิ้นแรกของแบรนด์
ด้วยดิไซน์ที่โดดเด่น และดูคลาสสิก ทำให้สร้อยคอชิ้นนี้กลายเป็น Iconic Piece ที่ได้รับการต่อยอดเป็นแหวน กำไล นาฬิกา และยังคงเป็นไอเทมยอดนิยมจนถึงทุกวันนี้
ที่สำคัญคือ ทำให้ Van Cleef & Arpels กลายเป็นที่จดจำไปทั่วโลกอีกด้วย
ปัจจุบันแบรนด์ Van Cleef & Arpels อยู่ภายใต้ Richemont บริษัทเจ้าของแบรนด์หรูรายใหญ่
ที่มีแบรนด์หรูในเครือ อย่างเช่น Buccellati, Cartier, Chloé, Piaget และ Alaïa
ที่มีแบรนด์หรูในเครือ อย่างเช่น Buccellati, Cartier, Chloé, Piaget และ Alaïa
โดยบริษัท Richemont ได้ประกาศผลประกอบการประจําปีล่าสุด (สิ้นสุดเดือนมีนาคม ปี 2025)
มียอดขายอยู่ที่ 790,520 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อนหน้า โดยรายได้ 54% ของยอดขายทั้งหมดมาจากธุรกิจจิวเวลรี
เรื่องราวของแบรนด์ Van Cleef & Arpels แสดงให้เห็นว่า
การหาพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ ก็คงเปรียบได้กับการค้นหาคู่ชีวิต ต้องหาคนที่จะมาเติมส่วนที่ขาดหายของแต่ละคนได้ เพื่อให้เราก้าวไปได้ไกลกว่าเดิม
การหาพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ ก็คงเปรียบได้กับการค้นหาคู่ชีวิต ต้องหาคนที่จะมาเติมส่วนที่ขาดหายของแต่ละคนได้ เพื่อให้เราก้าวไปได้ไกลกว่าเดิม
อย่างที่ครอบครัวนักเจียระไน ได้มาจับมือกับตระกูลพ่อค้าขายพลอย จนกลายเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ อย่าง Van Cleef & Arpels..
References :
-https://www.xupes.com/magazine/article/2019/03/25/van-cleef-alhambra-why-is-it-so-popular
-https://www.vancleefarpels.com/en/the-maison/timeline/1920s.html
-https://theeyeofjewelry.com/van-cleef-arpels/
-https://www.freemansauction.com/news/history-house-van-cleef-arpels
-เอกสารงบการเงินบริษัท Richemont ปี 2024
-https://www.xupes.com/magazine/article/2019/03/25/van-cleef-alhambra-why-is-it-so-popular
-https://www.vancleefarpels.com/en/the-maison/timeline/1920s.html
-https://theeyeofjewelry.com/van-cleef-arpels/
-https://www.freemansauction.com/news/history-house-van-cleef-arpels
-เอกสารงบการเงินบริษัท Richemont ปี 2024