
Business
ถอดรหัสสมการแห่งความยั่งยืน เมื่อ “วิถีสยามพิวรรธน์” = แพลตฟอร์มแห่งโอกาส
7 ก.ค. 2025
สยามพิวรรธน์ x ลงทุนเกิร์ล
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา “ความยั่งยืน” (Sustainability) กลายเป็นส่วนหนึ่งในวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ขององค์กรทั่วโลก
ภายใต้มิติแห่งความยั่งยืนนี้ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในมุมสิ่งแวดล้อม (Environmental)
แต่ครอบคลุมถึงมิติทางสังคม (Social) และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Governance)
แต่ที่ผ่านมา การสร้างความยั่งยืนในมิติสิ่งแวดล้อม มักเป็นมุมที่ถูกพูดถึงมากที่สุด
อาจเพราะเป็นมิติที่จับต้องได้ง่ายและสร้างอิมแพกต์ใหญ่ ส่งผลกระทบต่อโลกใบนี้โดยตรง
ทว่า กลับมีหนึ่งในองค์กรไทย ที่มีแนวคิดในการขับเคลื่อนทั้งสังคมและโลกที่ยั่งยืนไปพร้อมกันอย่างน่าสนใจ ผ่านแนวคิดที่เรียกว่า “วิถีสยามพิวรรธน์”
ที่มีหมุดหมายสำคัญคือ การเป็นแพลตฟอร์มแห่งโอกาส ที่นำไปสู่ “การพัฒนาที่ยั่งยืน” แบบจับต้องได้
แต่ครอบคลุมถึงมิติทางสังคม (Social) และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Governance)
แต่ที่ผ่านมา การสร้างความยั่งยืนในมิติสิ่งแวดล้อม มักเป็นมุมที่ถูกพูดถึงมากที่สุด
อาจเพราะเป็นมิติที่จับต้องได้ง่ายและสร้างอิมแพกต์ใหญ่ ส่งผลกระทบต่อโลกใบนี้โดยตรง
ทว่า กลับมีหนึ่งในองค์กรไทย ที่มีแนวคิดในการขับเคลื่อนทั้งสังคมและโลกที่ยั่งยืนไปพร้อมกันอย่างน่าสนใจ ผ่านแนวคิดที่เรียกว่า “วิถีสยามพิวรรธน์”
ที่มีหมุดหมายสำคัญคือ การเป็นแพลตฟอร์มแห่งโอกาส ที่นำไปสู่ “การพัฒนาที่ยั่งยืน” แบบจับต้องได้
แล้วภายใต้ “วิถีสยามพิวรรธน์” คืออะไร ?
ทำไม ถึงนิยามตัวเองเป็นแพลตฟอร์มแห่งโอกาส ?
ทำไม ถึงนิยามตัวเองเป็นแพลตฟอร์มแห่งโอกาส ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
เฉลยก่อนว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังแนวคิด “วิถีสยามพิวรรธน์” ก็คือ กลุ่มสยามพิวรรธน์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีกชั้นนำ เป็นเจ้าของและผู้บริหารโครงการที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ สยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์, สยามดิสคัฟเวอรี่ อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ
แต่สิ่งที่หลายคนไม่ค่อยรู้ คือ สยามพิวรรธน์ ยังเป็นองค์กรแรก ๆ ที่บูรณาการแนวคิด “การพัฒนาที่ยั่งยืน” เข้าสู่ทุกกระบวนการธุรกิจ เพื่อสร้างแพลตฟอร์มแห่งโอกาส
ที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย ส่งเสริมเศรษฐกิจชาติ และสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย
ที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย ส่งเสริมเศรษฐกิจชาติ และสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย
คุณสุทธิรัตน์ ภาณววัฒน์ ผู้บริหารสายงาน Corporate Branding and Communications บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เล่าว่า แนวคิดสำคัญของ “วิถีสยามพิวรรธน์” คือ “การทำให้พื้นที่ของทุกโครงการภายใต้การบริหารของกลุ่มสยามพิวรรธน์ เป็นเวทีแสดงสินค้าและบริการและเรียนรู้ธุรกิจอย่างครบวงจร พร้อมสืบสานภูมิปัญญาไทยและยกระดับสู่เวทีโลก”
หรือ พูดง่าย ๆ ว่า เป็นแพลตฟอร์มที่เปิดกว้างและพร้อมเป็นประตูแห่งโอกาสบานสำคัญให้กับทุกคนที่มีไอเดีย
แรงบันดาลใจสำคัญที่ผลักดันให้กลุ่มสยามพิวรรธน์ทำแบบนี้ เพราะไม่ได้นิยามตัวเองว่า เป็นเพียงสถานที่ให้ผู้คนได้มาช็อปปิง หรือ พักผ่อนหย่อนใจ
แต่เป็นพื้นที่จุดประกายความคิดสร้างสรรค์และแนวทางใหม่ในการพัฒนาธุรกิจต่าง ๆ
ที่จะกลายเป็นต้นแบบในการเติมเต็มชีวิตและมอบประสบการณ์เหนือความคาดหมายให้แก่ผู้คนทั้งในประเทศและจากทั่วโลก พร้อมทั้งสร้างสรรค์และพัฒนาธุรกิจที่มีคุณค่าและมีความหมายต่อทุกคน
ที่จะกลายเป็นต้นแบบในการเติมเต็มชีวิตและมอบประสบการณ์เหนือความคาดหมายให้แก่ผู้คนทั้งในประเทศและจากทั่วโลก พร้อมทั้งสร้างสรรค์และพัฒนาธุรกิจที่มีคุณค่าและมีความหมายต่อทุกคน
อย่างไรก็ตาม การจะสร้างอิมแพกต์ระดับประเทศนี้ สยามพิวรรธน์ ไม่ได้ทำเพียงลำพัง
แต่อาศัยการผนึกกำลังกับภาครัฐ เอกชน และชุมชน เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการ ดิไซเนอร์ เยาวชน ผู้พิการ เด็กพิเศษ และผู้ด้อยโอกาส มาเป็นพลังสำคัญในการทลายทุกขีดจำกัด สร้างบรรทัดฐานใหม่ของความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่า
แต่อาศัยการผนึกกำลังกับภาครัฐ เอกชน และชุมชน เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการ ดิไซเนอร์ เยาวชน ผู้พิการ เด็กพิเศษ และผู้ด้อยโอกาส มาเป็นพลังสำคัญในการทลายทุกขีดจำกัด สร้างบรรทัดฐานใหม่ของความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่า
คุณสุทธิรัตน์ เผยว่า ด้วยวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นนี้เอง ที่ผ่านมา จะเห็นว่าสยามพิวรรธน์ ได้เข้าไปมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมและประเทศสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน และเป็นแพลตฟอร์มแห่งโอกาสที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมบนเส้นทางสู่ความสำเร็จที่มั่นคง อย่างเป็นรูปธรรมมากมาย
หนึ่งในผลงานที่โดดเด่น คือ สุขสยามและไอคอนคราฟต์ ที่ได้สร้างประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain)
ครอบคลุมกว่า 21,000 แบรนด์และชุมชน สร้างรายได้มากกว่า 14,500 ล้านบาท ส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยว สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทย
เฉพาะในปีที่ผ่านมา ได้เปิดตลาดในประเทศเกาหลีใต้ และญี่ปุ่น สร้างโอกาสให้คนไทยได้ไปขยายธุรกิจและเติบโตในเวทีโลก
ใครที่สงสัยว่า สุขสยามและไอคอนคราฟต์ทำอย่างไร ?
ต้องบอกว่า ทั้งสุขสยามและไอคอนคราฟต์ ล้วนตั้งอยู่ในไอคอนสยาม
โดยสุขสยามเป็นผลงานการทำงานร่วมกับกรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เพื่อเปิดเวทีที่สร้างโอกาสในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการรายย่อยระดับท้องถิ่นจาก 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย
ด้วยการรวบรวมสิ่งดีงามจากทั่วประเทศไทยมานำเสนอสู่สายตาชาวโลก การสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ (Ecosystem Business Model) ที่ช่วยส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
ปัจจุบันสุขสยามกลายเป็นหมุดหมายของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่ดึงดูดผู้มาเยือนวันละกว่า 60,000 คน สามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการนับถึงวันนี้ได้กว่า 5,000 ราย สร้างรายได้กว่า 4,000 ล้านบาท
ขณะที่ไอคอนคราฟต์ ทำงานร่วมกับหลายองค์กร อาทิ กระทรวงพาณิชย์, สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ SACIT, สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA ในการบ่มเพาะผู้ประกอบการ และสถาบันการศึกษา อย่าง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
สร้างพื้นที่แห่งแรงบันดาลใจที่รวบรวมงานนวัตศิลป์และงานคราฟต์ แบบร่วมสมัยหลากหลายประเภทไว้ในที่เดียว เปิดโอกาสให้ช่างฝีมือไทย ดิไซเนอร์ และผู้ประกอบการ SME เข้ามาค้าขายในไอคอนคราฟต์
สุขสยามและไอคอนคราฟต์ ถือว่าเป็นอีกบทพิสูจน์ความสำเร็จในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าที่เป็นงานฝีมือและภูมิปัญญาไทย และเป็นการช่วยอนุรักษ์ช่างฝีมือไทยและศิลปิน กว่าหลายพันคน
นอกจากสุขสยามและไอคอนคราฟต์ ถ้าแวะมาที่สยามดิสคัฟเวอรี่ จะพบกับ O.D.S. หรือ Objects of Desire Store ร้านมัลติแบรนด์ที่เป็นแหล่งรวมสินค้าตกแต่งบ้านที่ได้รางวัล
ส่วนที่สยามเซ็นเตอร์ ยังมี ABSOLUTE SIAM STORE ร้านมัลติแบรนด์แฟชั่นที่รวมแบรนด์ไทยดิไซเนอร์ ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์
โดยคัดเลือกสินค้าจากโครงการ DEmark, Talent Thai และอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนผลิตภัณฑ์และงานออกแบบที่โดดเด่นของดิไซเนอร์ไทยที่สะท้อนภาพลักษณ์ของความเป็นไทย เพื่อให้ทั่วโลกได้มาสัมผัสและเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าไปยังต่างประเทศ
รวมทั้งร่วมมือกับหอการค้าไทยในโครงการ Big Brother เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับ SME ผ่านกระบวนการ Coaching & Mentoring แบบตัวต่อตัว
อย่างไรก็ตาม ผลงานทั้งหมดนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งมาเริ่มลงมือทำ แต่สยามพิวรรธน์ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนแนวคิดเรื่องความยั่งยืนมายาวนาน
ยกตัวอย่างสยามเซ็นเตอร์ นับตั้งแต่เริ่มต้นก็มีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนไทยดิไซเนอร์และธุรกิจออกแบบแฟชั่นของไทย
จึงริเริ่มให้มีการจัดประกวด Young Designer จนแจ้งเกิดในฐานะนักออกแบบแฟชั่นชั้นแนวหน้าของเมืองไทยที่ดังไปไกลทั่วโลก
ปัจจุบันยังกลายเป็นศูนย์รวม Soft Power ที่ผนึกกำลังแบรนด์ชั้นนำ พันธมิตรทั้งไทยและต่างประเทศ มาร่วมกันสร้างสรรค์แฟชั่น ศิลปะ และวัฒนธรรมไทยในรูปแบบร่วมสมัย
อีกทั้งยังเปิดเวทีให้นักออกแบบรุ่นใหม่ เยาวชน และกลุ่ม LGBTQ+ ได้เปล่งประกาย ร่วมผลักดัน “ไทยสร้างสรรค์” หรือ Creative Thai ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลอีกด้วย
นอกจากการเป็นแพลตฟอร์มแห่งโอกาส ในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ ช่างฝีมือไทย
สยามพิวรรธน์ ยังให้ความสำคัญกับการสร้างความเจริญให้กับชุมชนโดยรอบโครงการ
สยามพิวรรธน์ ยังให้ความสำคัญกับการสร้างความเจริญให้กับชุมชนโดยรอบโครงการ
ด้วยความเชื่อที่ว่า เมื่อสยามพิวรรธน์ได้เข้าไปพัฒนาธุรกิจในพื้นที่ใดจะต้องนำความเจริญ และความสะดวกสบายเข้าไปช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชุมชนหรือสังคมนั้น
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม ในทุกพื้นที่โดยรวมของโครงการที่สยามพิวรรธน์เข้าไปดำเนินธุรกิจ จะไม่ได้มองแค่ผลประโยชน์ในมุมธุรกิจ แต่จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาและสร้างคุณค่าให้กับชุมชนที่อยู่รายล้อม
เริ่มต้นจากการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของชุมชน
เริ่มต้นจากการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของชุมชน
ขณะเดียวกันยังคำนึงถึงการสร้างความเท่าเทียมในสังคม เริ่มจากเรื่องใกล้ตัว อย่างการสร้างพื้นที่ด้วยแนวคิดอารยสถาปัตย์ (Universal Design) ในอาคารอย่างครบวงจรเป็นรายแรกในวงการอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีก เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทุกคน โดยเฉพาะผู้พิการและผู้ทุพพลภาพรวมถึงผู้สูงอายุ
นอกเหนือจากการดำเนินการในมิติสังคมอย่างเข้มข้น สยามพิวรรธน์ยังมุ่งมั่นสร้างโลกที่น่าอยู่
ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิ ให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050
ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิ ให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050
โดยมีการวางโรดแม็ปที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม เห็นได้จาก การออกแบบสยามดิสคัฟเวอรี่ให้เป็นต้นแบบของแนวคิดของโครงการที่ให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อม
พร้อมสร้างแบรนด์ Ecotopia ให้เป็นพื้นที่แห่งแรงบันดาลใจ เพื่อคนที่ใส่ใจในการรักษ์โลก และใช้ชีวิตแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
มาถึงตรงนี้ คงหายข้องใจแล้วว่า ทำไม “วิถีสยามพิวรรธน์” ถึงไม่ได้เป็นแค่แนวคิดในการสร้างความยั่งยืน
แต่ลงลึกไปถึงการเป็นแพลตฟอร์มแห่งโอกาส ที่พร้อมเปิดกว้างและเป็นผู้ส่งต่อแรงบันดาลใจ และผู้นำในการขับเคลื่อนธุรกิจที่สร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับสังคม ประเทศ และโลกใบนี้
แต่ลงลึกไปถึงการเป็นแพลตฟอร์มแห่งโอกาส ที่พร้อมเปิดกว้างและเป็นผู้ส่งต่อแรงบันดาลใจ และผู้นำในการขับเคลื่อนธุรกิจที่สร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับสังคม ประเทศ และโลกใบนี้
ที่สำคัญ คือ ไม่ได้ตอบโจทย์แค่วันนี้ แต่พร้อมตอบโจทย์อนาคต ได้อย่างแท้จริง
จากนี้ ก็น่าติดตามว่า หลังจากนี้ ภายใต้ “วิถีสยามพิวรรธน์” จะต่อยอดแพลตฟอร์มแห่งโอกาสให้ไม่สิ้นสุดอย่างไร..