Dorsia สตาร์ตอัปพันล้าน “ขายเวลา” ลัดคิวร้านอาหารหรู ที่ขึ้นชื่อว่าจองยาก จนแทบจะเป็นไปไม่ได้ /โดย ลงทุนเกิร์ล

โดยทั่วไป หากพูดถึงธุรกิจที่ “ขายเวลา” หรือทำเงินจากความเร่งรีบของมนุษย์ ส่วนมากเราจะนึกถึงธุรกิจอย่าง

ตั๋ว Fast Pass ในสวนสนุก เพื่อลดระยะเวลาต่อคิวเครื่องเล่นยอดนิยมบริการ Fast Track ในสนามบิน เพื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองแบบเร่งด่วนบริการ Same-day Delivery เพื่อให้พัสดุส่งถึงมือผู้ซื้อภายในวันเดียว

จะเห็นว่าธุรกิจเหล่านี้มีโมเดลเดียวกันคือ เสนอทางเลือกให้ลูกค้ายอมจ่ายเงินแพงขึ้น เพื่อให้ได้รับสิทธิ์หรือบริการที่พิเศษกว่าคนทั่วไป และที่สำคัญคือ “เสียเวลาน้อยลง”

ซึ่ง Dorsia เองก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจขายเวลา มูลค่าเกือบ 5 พันล้านบาท ที่มาในรูปแบบบริการ “ลัดคิว” ร้านอาหารหรู ที่จองยากจนแทบจะเป็นไปไม่ได้

เรื่องราวของ Dorsia น่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง

Dorsia เป็นสตาร์ตอัปน้องใหม่ที่ก่อตั้งในปี 2022
โดยคุณ Marc Lotenberg นักธุรกิจชาวอเมริกัน

ย้อนไปในสมัยวัยรุ่น คุณ Marc เคยทำงานเป็นโปรโมเตอร์ขายตั๋วงานปาร์ตีให้เด็กนักเรียน และค่อย ๆ ไต่ระดับสู่ผู้จัดงานปาร์ตีให้กับ MTV และ Super Bowl ทำให้เขามีคอนเน็กชันในสังคมระดับไฮคลาสมากมาย

ซึ่งเขามักจะพูดคุยจนสนิทสนมกับพนักงานในร้านอาหารชื่อดังอยู่บ่อยครั้ง หรือให้ของขวัญเป็นการตอบแทน เพื่อให้พนักงานจำเขาได้ จนมีสิทธิ์เข้าใช้บริการในร้านยอดฮิตก่อนใคร

เช่น ร้านอาหารชื่อดังในเมืองนิวยอร์กอย่าง The Corner Store ที่ Taylor Swift ชอบมากับเพื่อน ๆ และแฟนของเธออยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเป็นร้านที่ขึ้นชื่อว่าจองยากสุด ๆ

ร้านนี้เป็นที่นิยมถึงขั้นที่ว่า เคยมีคนตามพนักงานเสิร์ฟไปให้ความช่วยเหลือนอกเวลางาน แถมยังมีทฤษฎีอีกมากมายในโลกออนไลน์ เกี่ยวกับวิธีที่จะจองโต๊ะในร้านนี้ได้

จากเรื่องราวนี้ทำให้คุณ Marc เล็งเห็นว่าร้านอาหารชื่อดังเปรียบเสมือน “สัญลักษณ์แสดงสถานะทางสังคม” เพราะการได้เคลมว่าเข้าถึงร้านที่คนทั่วไปเข้าไม่ได้ เป็นสิ่งที่สังคมให้ความสนใจ และมักเป็นหัวข้อพูดคุยในกลุ่มเพื่อน

อีกมุมหนึ่ง เขาก็สังเกตว่าร้านอาหารหลายแห่งแทบไม่ต้องทำการโปรโมตเลย เพราะโซเชียลมีเดียทำให้ผู้คนแห่เข้ามาถ่ายรูป เช็กอิน โพสต์ลงแอ็กเคานต์ของตัวเอง ทำให้เกิดกระแสจนคนตามมารอคิว

แม้จะเป็นเรื่องดีสำหรับร้านอาหาร แต่ร้านหรูสุดเอกซ์คลูซิฟบางแห่ง ก็ต้องการคัดลูกค้า เพื่อรักษาบรรยากาศโดยรวมให้พรีเมียมอยู่เสมอ เหมือนกับการสร้าง Branding ของร้านนั่นเอง

พอเรื่องเป็นแบบนี้คุณ Marc จึงลงมือสร้างแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เป็นตัวกลางการจองคิวในชื่อ Dorsia พร้อมตอบโจทย์ลูกค้ากระเป๋าหนัก และร้านอาหารสุดหรูที่ต้องการคัดคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสม

มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจสงสัยว่า Dorsia ต่างจากระบบการให้บริการคอนเซียร์จ หรือระบบจองคิวเจ้าอื่นอย่างไร ?

ช่วงเริ่มแรก Dorsia เปิดตัวแอปพลิเคชันที่ใช้ได้เฉพาะแขกผู้ที่ได้รับเชิญเท่านั้น

แต่ 2 ปีถัดมาได้ขยายสู่ระบบสมาชิกที่ต้องจ่ายเงินรายปี โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 5,700 บาท ไปจนถึง 808,000 บาท สำหรับลูกค้า VIP ที่จะมีสิทธิ์เลือกไวน์ชั้นเลิศ และความบันเทิงสุดพิเศษ

นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นที่การเข้าถึงร้านอาหารที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดในโลก รวมถึงสถานที่เฉพาะกลุ่ม โดยการันตีว่าจองได้แน่นอน เพราะเป็นระบบดีลกับร้านอาหารโดยตรง เพื่อป้องกันการขายคิวอัปราคาต่อในตลาดมืด

การจองที่นั่งที่ดีที่สุดในร้านอาหารชื่อดัง ในช่วงเวลาพีก ๆ อย่าง วันเสาร์เวลาสองทุ่ม ที่คนทั่วไปจองไม่ได้ อีกทั้งยังสามารถดูคิวได้แบบเรียลไทม์ ผ่านแอปพลิเคชัน

อีกทั้งระบบชำระเงินทันใจ ให้ร้านอาหารได้รับเงินจากการจองภายใน 1 วัน ทำให้ร้านอาหารเข้าถึงเงินทุนเหล่านั้นได้รวดเร็ว เมื่อเทียบกับการเรียกเก็บเงินจากบัตรเครดิตของเจ้าอื่น ที่อาจใช้เวลาในการเคลียร์ระบบหลายวัน

ที่น่าสนใจคือ ปัจจุบัน Dorsia มีการขยายร้านอาหารที่ร่วมเป็นพาร์ตเนอร์ รวมถึงคลับและอิเวนต์ในหัวเมืองหลักทั้งในสหรัฐฯ และประเทศในยุโรป

ซึ่งล่าสุด ร้านคาเฟแห่งใหม่ของเชฟชื่อดังอย่าง Jeremy Fall เข้าร่วมเป็นพาร์ตเนอร์กับ Dorsia เพื่อเสนอให้ลูกค้าสามารถลัดคิวซื้อสมูททีได้ก่อนใคร

โดยช่วงต้นปีที่ผ่านมา Dorsia สามารถระดมเงินทุนในรอบ Seed และ Series A รวมกันราว 1,600 ล้านบาท ซึ่งทำให้บริษัทมีมูลค่าประมาณ 4,700 ล้านบาท

เรียกได้ว่า Dorsia เป็นผู้เปลี่ยนเกมธุรกิจการจองคิวร้านอาหารทั่วไป ในยุคที่ใคร ๆ ก็ FOMO (Fear of Missing Out) หรือกลัวที่จะพลาดเทรนด์ร้านอาหารเปิดใหม่

สิ่งที่ Dorsia ขายให้จึงไม่ใช่แค่คิวโต๊ะอาหาร แต่คือ “สถานะ” “เวลา” และ “สิทธิพิเศษ” ที่เงินซื้อได้

แม้สำหรับใครบางคนอาจมองว่าฟุ่มเฟือยหรือไม่จำเป็น แต่สำหรับคนอีกกลุ่มหนึ่งแล้ว เวลาคือสิ่งที่มีค่ามากกว่าเงิน การได้กินก่อน ไม่ต้องรอคิว คือความคุ้มค่าที่สุด..

References :

Bloomberg, Resident, The Times, Stripe