Blank Street Coffee สตาร์ตอัปหมื่นล้านในสหรัฐฯ ที่ได้แรงบันดาลใจจาก Coffee Truck ในเอเชีย /โดย ลงทุนเกิร์ล

หลายคนอาจคุ้นชินกับภาพของ Coffee Truck ร้านกาแฟบนรถกระบะขนาดเล็ก หรือรถลากที่มักจะเห็นตามตรอกซอกซอย หรือข้างทางในเอเชีย

แต่ใครจะคิดว่า Blank Street Coffee ร้านกาแฟสัญชาติอเมริกัน จะสามารถปั้นแบรนด์กาแฟที่หน้าตาเหมือน Coffee Truck ในเอเชียทั่วไปให้มีสาขาทั่วสหรัฐฯ และอังกฤษกว่า 100 สาขา

นับเป็นแบรนด์กาแฟที่เติบโตเร็วเป็นอันดับต้น ๆ อีกทั้งยังมีมูลค่าบริษัทสูงหลักหมื่นล้านบาท

แล้วเรื่องราวของ Blank Street Coffee น่าสนใจอย่างไร ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง

จุดเริ่มต้นของ Blank Street Coffee มาจากเพื่อนซี้คอกาแฟที่ชื่อว่า คุณ Vinay Menda และคุณ Issam Freiha นักเรียนต่างชาติที่มาเรียนมหาวิทยาลัยในเมืองนิวยอร์ก

ซึ่งคุณ Freiha สังเกตว่าเพื่อน ๆ เขาเลือกซื้อกาแฟตามจุดประสงค์ที่ต่างกัน บางคนเลือก Starbucks เพราะสะดวกสบาย มีสาขาเยอะ บางคนเลือก Dunkin’ เพราะราคาถูก ขณะที่บางคนเลือกกาแฟ Specialty เพราะคุณภาพสูง

ทว่าสำหรับนักศึกษาแล้ว พวกเขาไม่สามารถใช้จ่ายไปกับกาแฟคุณภาพดี ราคาสูงได้ในทุก ๆ วัน แต่ส่วนใหญ่ทุกคนก็ต้องการกาแฟคุณภาพดี, ราคาเอื้อมถึง และให้บริการรวดเร็ว ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เร่งรีบ

อย่างไรก็ตามภายหลังจบการศึกษา ทั้งคู่ได้ร่วมก่อตั้ง Reshape บริษัทที่เน้นการลงทุนแบบ Venture Capital

โดยสนใจลงทุนในธุรกิจร้านเครื่องดื่มที่เน้นใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อน และกำลังเป็นกระแสในเอเชีย เช่น แบรนด์กาแฟ Kopi Kenangan ในอินโดนีเซีย และแบรนด์ชา HEYTEA จากจีน

จากแนวคิดต้นแบบนี้ ทำให้ทั้งคู่เกิดไอเดียเปิดร้านกาแฟในสหรัฐฯ บ้าง เนื่องจากเล็งเห็นว่าสหรัฐฯ ยังเป็นตลาดใหม่ที่มีคู่แข่งร้านกาแฟโมเดล Coffee Truck ไม่มากนัก

กระทั่งปี 2020 ทั้งคู่ตัดสินใจลงทุนทำร้านกาแฟบนรถพลังงานไฟฟ้าเคลื่อนที่ได้ สร้างดิไซน์ให้มี CI สีเขียวสดใสสะดุดตาในชื่อ Blank Street Coffee ณ สวนของร้านอาหาร Wythe Diner ย่านบรุกลิน

และผลปรากฏว่าแค่ 8 เดือน Blank Street Coffee ก็สามารถคืนทุนได้ และทำกระแสดีต่อเนื่อง

ซึ่งล่าสุดบริษัทระดมทุนในรอบ Series B ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมได้ราว 4,400 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีมูลค่าสูงถึง 16,400 ล้านบาท พร้อมมีแผนขยายสาขาไปยังหัวเมืองใหญ่อื่น ๆ

ต้องบอกว่าที่ Blank Street Coffee ประสบความสำเร็จได้ภายในไม่กี่ปี มาจากกลยุทธ์การสร้างโมเดลธุรกิจที่น่าสนใจหลัก ๆ 3 ข้อ

ข้อแรกคือ ร้านกาแฟแบบ Grab & Go ประสิทธิภาพสูง ในราคาที่เข้าถึงได้

นอกเหนือจากรูปแบบรถลากแล้ว Blank Street Coffee ยังขยายสาขาให้มีหน้าร้าน โดยใช้พื้นที่ประมาณ 28-56 ตารางเมตร ซึ่งเล็กกว่าร้านคาเฟทั่วไปมาก และใช้พนักงานต่อสาขาน้อยเพียง 1-2 คนต่อกะ ช่วยลดต้นทุนค่าแรงและค่าเช่าในทำเลทองใจกลางเมือง

ที่น่าสนใจคือ บริษัทยังเลือกใช้เครื่องชงเอสเปรสโซอัตโนมัติแบรนด์ Eversys ที่สามารถควบคุมคุณภาพของกาแฟให้สม่ำเสมอทุกแก้ว ลดความจำเป็นในการฝึกอบรมบาริสตาหลายชั่วโมง

อีกทั้งมีระบบเมมเบอร์ชิปแบบ Invite-only เป็นดีลเสนอให้ลูกค้าจ่ายเงินราว 720 บาทต่อเดือน สำหรับการซื้อเครื่องดื่มได้สูงสุด 14 แก้วต่อสัปดาห์ ซึ่งถือเป็นราคาที่นักเรียนเข้าถึงได้ จนทำให้เกิดคิว Waiting List ยาว และเป็นไวรัลในโลกออนไลน์

ถัดมาคือ ใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนระบบในร้าน

Blank Street Coffee พัฒนาแอปฯ ที่ใช้งานง่าย ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถสั่งออร์เดอร์ล่วงหน้า และชำระเงินแบบไร้การสัมผัส มีการเชื่อมต่อข้อมูลลูกค้าเพื่ออัปเดตข้อมูลสำคัญ เช่น ร้านค้าเปิดใหม่และเมนูใหม่

นอกจากนี้ ระบบภายในร้านก็ไม่ธรรมดา เช่น IoT ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้า, ระบบแจ้งเตือนบำรุงรักษา, ระบบจัดการสต๊อกวัตถุดิบ

ทั้งหมดนี้ช่วยให้ร้านบริหารต้นทุน และตอบสนองลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สุดท้ายคือ รังสรรค์เมนูเจาะตลาดกลุ่มลูกค้า Gen Z

แม้จะเริ่มต้นจากร้านกาแฟ แต่เมื่อเทรนด์มัทฉะเริ่มมาแรง Blank Street Coffee ก็พัฒนาเมนูมัทฉะเฉพาะตัวออกมา เช่น Strawberry-shortcake Matcha, Blueberry Matcha และ White-chocolate Matcha

และยังมีการคอลแลบร่วมกับแบรนด์ที่ได้รับความนิยมสูงใน Gen Z เช่น แบรนด์ค้าปลีกความงาม Sephora และแบรนด์กระบอกน้ำ Stanley เพื่อสร้างการรับรู้แบบไวรัล

อ่านมาถึงตรงนี้จะเห็นว่า Blank Street Coffee เป็นมากกว่า Coffee Truck ที่เราเห็นได้ตามแถบทวีปเอเชียทั่วไป

เพราะเบื้องหลังคือการดำเนินธุรกิจโดยการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี และปรับตัวตามเทรนด์ใหม่ในตลาด ตีโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้อย่างลงตัว

ไม่แน่ว่าในอนาคต เราอาจเห็น Blank Street Coffee ขึ้นแท่นร้านกาแฟที่มีสาขาเยอะเป็นอันดับต้น ๆ ในสหรัฐฯ เทียบเท่ายักษ์ใหญ่เจ้าเดิมอย่าง Starbucks ก็เป็นได้..

References :

QSR, WSJ, Luxcafeclub, Crainsnewyork