
Investment
รู้จัก Financial Nihilism แนวคิดการลงทุนเน้นเสี่ยงสูงของคนรุ่นใหม่ เดิมพันมีมคอยน์ ไปถึงเรื่องทัวร์ของจัสติน บีเบอร์
3 ต.ค. 2025
รู้จัก Financial Nihilism แนวคิดการลงทุนเน้นเสี่ยงสูงของคนรุ่นใหม่ เดิมพันมีมคอยน์ ไปถึงเรื่องทัวร์ของจัสติน บีเบอร์ /โดย ลงทุนเกิร์ล
ท่ามกลางภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ตลาดแรงงานชะลอตัว ขณะที่อัตราดอกเบี้ย และราคาที่อยู่อาศัยยังอยู่ในระดับสูง
ทำให้แนวคิดอย่าง American Dream หรือความต้องการมีบ้าน รถ และเงินเก็บเพื่อเกษียณ กลายเป็นความฝันที่ไกลตัวสำหรับคนรุ่นใหม่
ในสถานการณ์นี้ การลงทุนที่ฉีกกฎเกณฑ์รูปแบบเดิม ๆ อย่าง “Financial Nihilism” เป็นแนวคิดที่กำลังได้รับความนิยม และกลายเป็นแนวทางการสร้างความมั่งคั่งที่ตอบโจทย์ผู้คนในยุคนี้
แล้วแนวคิด Financial Nihilism คืออะไร ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
คำว่า Financial Nihilism ถูกคิดค้นขึ้นในปี 2021 โดยคุณ Demetri Kofinas พิธีกรพอดแคสต์รายการ Hidden Forces อธิบายถึง “แนวคิดทางการเงินที่ปฏิเสธระบบการเงินแบบดั้งเดิม”
ซึ่งแนวคิดนี้สะท้อนถึงค่านิยมและพฤติกรรมของกลุ่มมิลเลนเนียลและ Gen Z ที่หันไปเลือกทางเลือกการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง แต่มีความเสี่ยงสูงกว่าเช่นกัน
โดยเหตุผลหลักมาจากความรู้สึกผิดหวัง และพบว่าการลงทุนแบบเดิม ๆ เช่น การลงทุนในพันธบัตร, การออมเพื่อเกษียณ เป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้และดูเหมือนจะไม่ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ
แนวคิดนี้ส่งผลให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ล้มเลิกความคิดในการทำงานอย่างหนักและออมเงินเพื่ออนาคต หันหลังให้กับ American Dream
จากผลการสำรวจของ U.S. Bank พบว่า 3 ใน 10 ของกลุ่ม Gen Z ในสหรัฐฯ ล้มเลิกเป้าหมายที่จะซื้อบ้านเป็นของตัวเอง
แล้วทำไมคนรุ่นใหม่ถึงสนใจ Financial Nihilism ?
หากย้อนไปในอดีตจะพบว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่เติบโตมาพร้อมกับวิกฤติเศรษฐกิจมากมายไม่ว่าจะเป็น วิกฤติสินเชื่อซับไพรม์ปี 2008 ตามมาด้วยเหตุการณ์ประท้วง Occupy Wall Street ที่ผู้คนออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจและสังคม
เมื่อโตขึ้น พวกเขายังต้องเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน ตั้งแต่เงินเฟ้อที่พุ่งสูงในช่วงโควิด การชะลอตัวของตลาดแรงงาน รวมไปถึงค่าครองชีพที่สูง ซึ่งส่งผลต่อการใช้จ่าย และการเก็บออม
โดยข้อมูลจากสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ พบว่ากลุ่มคนอายุ 22-24 ปี ในปี 2023 มีหนี้บัตรเครดิตเฉลี่ยที่ 91,000 บาท สูงกว่าคนกลุ่มอายุเดียวกันเมื่อ 10 ปีที่แล้วที่ 72,000 บาท
ขณะเดียวกัน กลุ่มคนรุ่นใหม่ชาวอเมริกันยังมีภาระหนี้กู้ยืมการศึกษาที่ยังคงแขวนอยู่บนเส้นด้าย เนื่องจาก นโยบายการระงับสินเชื่อการศึกษาในยุครัฐบาลทรัมป์
จากการเติบโตมาในโลกที่มีความไม่แน่นอนนี้เอง ทำให้พวกเขามองหาวิธีที่แตกต่างในการลงทุน การนำเงินเก็บไปเสี่ยงโชคให้รวยเร็วขึ้น โดยไม่ต้องรอนานเกินไป
มาถึงตรงนี้หลายคนอาจมีคำถามว่า แล้วคนรุ่นใหม่นิยมลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใด ?
คนรุ่นใหม่โดยเฉพาะในกลุ่มคน Gen Z เริ่มหันไปเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ยกตัวอย่างเช่น
การเทรดสกุลเงินดิจิทัล ตั้งแต่บิตคอยน์ ไปจนถึงเหรียญมีม โดยผลสำรวจของ U.S. Bank พบว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่ให้ความสนใจ และวางแผนที่จะลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลไปจนถึงอีก 5 ปีข้างหน้าหุ้นบริษัทที่เกิดการ Short-Squeeze หรือ สถานการณ์ที่ราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากนักลงทุนที่เดิมพันว่าราคาหุ้นจะลด ต้องรีบซื้อหุ้นคืนเพื่อปิดสถานะขาดทุน เช่น หุ้นของบริษัท OpenDoor และ Kohl'sการซื้อขายออปชัน โดยองค์กร Options Clearing Corporation ในสหรัฐฯ เผยว่าพบปริมาณสัญญาออปชันเกิน 1,200 ล้านสัญญา ในเดือนสิงหาคม ปี 2025 เพียงเดือนเดียว คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 18% ของช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า
นอกจากสินทรัพย์ทางการเงินแล้ว ยังรวมไปถึงการเดิมพันในหลากหลายแพลตฟอร์ม ตั้งแต่ลีกกีฬาอเมริกันฟุตบอลระดับอาชีพ (NFL) ไปจนถึงการเดิมพันว่า Justin Bieber จะประกาศทัวร์ในปีนี้หรือไม่
อย่างไรก็ตามต้องหมายเหตุไว้ว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่บางกลุ่มรู้ดีว่าการลงทุนของพวกเขาเต็มไปด้วยความเสี่ยงที่อาจนำไปสู่การสูญเสียเงินมหาศาล และสิ่งนี้ไม่ใช่กลยุทธ์ที่ใช้ได้ในระยะยาว พอถึงวันหนึ่งอาจต้องเลิกการลงทุนในลักษณะนี้ไป
ในอีกมุมหนึ่ง การได้แบ่งเงินส่วนหนึ่งมาทำกำไรระยะสั้น เพื่อเป็นเงินทุนสะสมสำหรับเป้าหมายของชีวิต อาจไม่ใช่เรื่องผิดอะไร หากสิ่งนี้ไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน
สุดท้ายแล้ว แม้ว่า Financial Nihilism จะไม่ใช่กลยุทธ์ใหม่ในโลกการเงิน โดยเฉพาะความรู้สึกอยากรวย อยากหาวิธีทำเงินได้เร็ว จนกลายเป็นความโลภ เป็นความคิดที่เกิดขึ้นได้ในผู้คนทุกเจเนอเรชัน
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า สภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เป็นปัญหามายาวนาน กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่หล่อหลอมแนวคิด และมุมมองการลงทุนให้กับผู้คนรุ่นใหม่ไปแล้ว..
References :
CNBC, Fastcompany