John Summit จากนักบัญชี Big Four สู่ดีเจระดับโลก ที่กวาดรายได้หลักร้อยล้าน /โดย ลงทุนเกิร์ล

พนักงานบริษัทบัญชี กับดีเจสาย EDM เป็นสองอาชีพที่เหมือนโลกขั้วตรงข้าม เพราะอาชีพหนึ่งต้องใช้ตรรกะ ความละเอียด และเหตุผล ขณะที่อีกอาชีพหนึ่งต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ และการสื่อสารกับผู้คนจำนวนมาก

แต่ทั้งหมดนี้ คือตัวตนเดียวกันของคุณ John Summit อดีตนักบัญชีจากบริษัท Big Four ที่เลือกลาออกมาสานฝันความชอบด้านดนตรี

วันนี้ เขากลายเป็นหนึ่งในดีเจที่มาแรงที่สุดในโลก ทำรายได้ในปีที่ผ่านมาจากการขายบัตรคอนเสิร์ตของตัวเองราว 700 ล้านบาท ยังไม่รวมการแสดงในงานมิวสิกเฟสติวัลระดับโลกอย่าง Coachella, Tomorrowland และ Ultra

อีกทั้งยังเป็นโปรดิวเซอร์เพลง, อินฟลูเอนเซอร์ และเจ้าของค่ายเพลง จนประสบความสำเร็จติดอันดับ Forbes 30 Under 30 ประจำปี 2024 ในฝั่งสหรัฐฯ สาขาดนตรี

เรื่องราวของคุณ John Summit น่าสนใจอย่างไร ? 

ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง 

เดิมทีคุณ Summit มีชื่อจริงว่า John Schuster เข้าเรียนคณะบัญชีที่ University of Illinois และเคยเป็นดีเจที่ขึ้นแสดงสั้น ๆ ตามบาร์ที่เขาทำงานพาร์ตไทม์ด้วย 

กระทั่งผลงานของเขาเริ่มเป็นที่รู้จัก และได้รับโอกาสขึ้นแสดงโชว์เปิดให้วงดนตรี Cash Cash ซึ่งทำให้เขารู้จักกับโปรโมเตอร์ และตัดสินใจเปลี่ยนชื่อในนามศิลปินว่า Summit แทนนามสกุลเดิม 

ภายหลังจากเรียนจบ เขาเข้าทำงานบริษัท EY ในตำแหน่งนักบัญชีที่ผ่านการรับรอง CPA ใบอนุญาตขั้นสูงของสายงานอาชีพบัญชี 

แม้เขาต้องทำงานหนักตั้งแต่เช้าถึงค่ำ และมีรายได้มั่นคงราว 2 ล้านบาทต่อปี แต่คุณ Summit ก็ยังแบ่งเวลาไปทำในสิ่งที่ชอบ ด้วยการรับงานดีเจในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ 

จนกระทั่ง จุดเปลี่ยนของคุณ Summit เกิดขึ้นในช่วงวัย 25 ปี เมื่อบทบาทการเป็นดีเจที่ต้องทำงานช่วงดึก เริ่มส่งผลกระทบต่อการทำงานช่วงระหว่างวัน เขาจึงตัดสินใจเก็บเงินลาออกจากงานประจำ และเดิมพันเข้าสู่อาชีพดีเจเต็มเวลา 

ขณะที่เขากำลังไปได้ด้วยดีกับตารางงานขึ้นแสดง 5 ครั้งในอิเวนต์ Miami Music Week ในปี 2020 แต่แล้วทุกอย่างต้องหยุดชะงัก จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 

อย่างไรก็ตามคุณ Summit ยังไม่ถอดใจง่าย ๆ เขากลับใช้เวลาทำเพลงกว่า 100 เพลง และส่งให้ค่ายเพลงหลายแห่ง กระทั่ง Defected Records ตกลงเซ็นสัญญาเพลง Deep End เพลงไวรัลที่แจ้งเกิดเขาอย่างเต็มตัว

หลังจากนั้น ชื่อของคุณ Summit เริ่มเป็นที่รู้จักในแวดวง EDM โดยในปี 2022 เพลง Where You Are ติดชาร์ต Top 10 บน Billboard's Hot Dance ประเภท Electronic Songs กลายเป็นเพลงฮิตที่สุดของเขา และถูกเปิดในงานมิวสิกเฟสติวัลชื่อดังอยู่บ่อยครั้ง 

ที่น่าสนใจคือ สิ่งที่ทำให้คุณ Summit แตกต่างจากดีเจระดับท็อปหลายคนคือ เขามีภาพลักษณ์ที่เข้าถึงง่าย และเป็นกันเองมาก

โดยเขามักจะลงคอนเทนต์ในโซเชียลมีเดียอย่าง วิธีมิกซ์เพลง หรือคลิปเบื้องหลังการแสดงงานมิวสิกเฟสติวัล 

และในงานอิเวนต์ของคุณ Summit เขามักจะอยู่ทั้งก่อน และหลังการแสดงของเขา เพื่อฟังดีเจคนอื่นแสดง และจบลงด้วยการเป็นโฮสต์ปาร์ตีหลังงาน 

สิ่งนี้ส่งผลให้เขาได้สร้างคอมมิวนิตีที่แข็งแรงรูปแบบหนึ่ง

ไม่เพียงเท่านี้ เขายังเปิดค่ายเพลงของตัวเองในชื่อ “Experts Only” เริ่มจากการนำเพลงของศิลปินที่ยังไม่มีค่ายสนับสนุนราว 15 คน มาเซ็นสัญญา และทดลองเปิดเพลงของพวกเขาในงานแสดงโชว์ของตัวเอง 

ข้อดีนอกเหนือจากศิลปินหน้าใหม่จะมีโอกาสแจ้งเกิดแล้ว คุณ Summit ยังช่วยปลุกปั้นแนวเพลงใหม่ ๆ จนดีเจคนอื่น ๆ หยิบเพลงเหล่านี้ไปใช้ต่อ ผลักดันทั้งศิลปินใหม่ และแนวเพลงใหม่ไปพร้อมกัน

ปัจจุบันคอมมิวนิตีแฟนคลับของคุณ Summit มีผู้ติดตามในช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ราว 3 ล้านคน และมียอดสตรีมคลิปอีก 1,500 ล้านวิว 

อีกทั้งในเดือนกันยายนที่ผ่านมาคุณ Summit ยังจัดงานเฟสติวัลของตัวเองครั้งแรกในชื่อ Experts Only Festival ที่ Randall’s Island ในเมืองนิวยอร์ก ซึ่งขายตั๋วสำหรับงานสองวันไปกว่า 50,000 ใบ 

ด้านธุรกิจค่ายเพลง Experts Only ยังคงทยอยเติบโตเรื่อย ๆ โดยมีโปรโมเตอร์ที่ติดต่อวางแผนให้ไปแสดงโชว์ในเมืองลอสแอนเจลิส และในประเทศญี่ปุ่น 

แต่ในระยะยาวคุณ Summit ตั้งเป้าหมายขยายอาณาจักรของเขาให้ยิ่งใหญ่ขึ้น ซึ่งเขาอยากให้ธุรกิจดำเนินไปได้ด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องให้เขาขึ้นแสดงโชว์ในทุก ๆ ครั้ง 

ซึ่งหากย้อนไปในอดีตคุณ Summit เคยแสดง 250 โชว์ต่อปี เฉลี่ยราว 4-5 โชว์ต่อสัปดาห์ แต่ตอนนี้เขาลดการแสดงลงเหลือ 2 โชว์ใหญ่ต่อสัปดาห์ เพื่อให้มีเวลาไปโฟกัสด้านโซเชียลมีเดีย และธุรกิจอื่น ๆ ร่วมกับทีมงาน

สุดท้ายแล้วจะเห็นว่า ส่วนสำคัญที่ทำให้คุณ Summit กลายเป็นดีเจอันดับท็อประดับแนวหน้าของโลก ไม่ใช่เพียงเพราะเขามีพรสวรรค์ด้านดนตรีเท่านั้น แต่คือการสร้าง Branding สร้างคอมมิวนิตี และสร้างกิจการของตัวเองให้เติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว

ปิดท้ายด้วยเรื่องที่น่าสนใจ คุณ Summit เปิดเผยว่า ตอนนี้เขาขึ้นแสดงเพียงหนึ่งโชว์ สามารถทำเงินได้มากกว่าตอนเป็นพนักงานบัญชีทั้งปี และเลือกเกษียณได้แล้ว 

แต่การเป็นดีเจคือ จิตวิญญาณที่ทำให้เขามีความสุขมากที่สุด และเขายังอยากทำมันต่อ.. 

References : 

- Fortune, Forbes, Rollingstone