
Uncategorized
Hunter Amenities เจ้าพ่อผู้ผลิตสบู่-แชมพูไซซ์มินิ รายได้เฉียดหมื่นล้าน โดยไม่ต้องมีแบรนด์ของตัวเอง
18 ธ.ค. 2025
Hunter Amenities เจ้าพ่อผู้ผลิตสบู่-แชมพูไซซ์มินิ รายได้เฉียดหมื่นล้าน โดยไม่ต้องมีแบรนด์ของตัวเอง /โดย ลงทุนเกิร์ล
เวลาที่เราไปพักโรงแรมแล้วเจอ สบู่ แชมพู โลชันขวดเล็ก ๆ ของ Le Labo, Byredo และ Aveda หลายคนอาจคิดว่า โรงแรมผลิตเอง หรือแบรนด์ผลิตมาให้โดยเฉพาะ
แต่รู้หรือไม่ว่า จริง ๆ แล้วแบรนด์ความงามเหล่านี้ ล้วนเป็นพาร์ตเนอร์ของ Hunter Amenities บริษัทที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าพ่อแห่งวงการของใช้ส่วนตัวในห้องน้ำ”
ผู้ผลิตสบู่ แชมพู สกินแคร์ และ Amenity ไซซ์มินิ ให้กับแบรนด์ความงามกว่า 45 แบรนด์ กระจายสินค้าไปแล้วกว่า 100 ประเทศ สร้างรายได้มากกว่า 9,600 ล้านบาท เติบโตจนกลายเป็นผู้เล่นสำคัญของอุตสาหกรรมความงามและโรงแรมทั่วโลก
เรื่องราวของ Hunter Amenities น่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
จุดเริ่มต้นของ Hunter Amenities เกิดขึ้นในปี 1981 ประเทศแคนาดา โดยคุณ John Hunter ในวัยเพียง 21 ปี เขาเป็นนักศึกษาที่เริ่มต้นธุรกิจจากไอเดียง่าย ๆ
โดยไอเดียแรกของเขา คือ น้ำยาบ้วนปากขนาดมินิในตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ วางขายบริเวณร้านอาหาร บาร์ และโรงแรม เพื่อหวังดึงกลุ่มพนักงานออฟฟิศ ที่ต้องการตัวช่วยดับกลิ่นปาก หลังรับประทานอาหาร
อย่างไรก็ตาม สินค้าของเขาไม่ได้รับความนิยมในกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเท่าที่ควร แต่กลับได้รับความสนใจจากกลุ่มเจ้าของธุรกิจโรงแรม และสายการบิน
เนื่องจากลูกค้าอย่าง ผู้เข้าพักในโรงแรม และผู้โดยสาร ต่างให้ความสำคัญกับความสะอาดและความสะดวก ซึ่งขวดน้ำยาบ้วนปากไซซ์พกพานี้ สามารถตอบโจทย์การใช้งาน ที่เมื่อใช้หมดแล้วทิ้งได้เลย
บวกกับเครื่องจักรของคุณ Hunter ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ในเวลานั้น มีศักยภาพในการผลิตสินค้าไซซ์พกพาได้ ในจำนวนมาก
จากตรงนี้ทำให้คุณ Hunter กลายเป็นผู้ผลิตสินค้าอย่าง น้ำยาบ้วนปาก และแชมพู ภายใต้ชื่อแบรนด์ของโรงแรม และสายการบินมากมาย
กระทั่งปี 2009 คุณ Hunter เล็งเห็นโอกาสในการขยายคู่ค้าของตัวเอง ด้วยการเป็นตัวกลางระหว่างโรงแรม สายการบิน เรือสำราญ หรือฟิตเนส ที่ต้องการ Amenity กับแบรนด์ความงามที่เข้ากับ Branding ของสถานที่นั้น ๆ
โดยคุณ Hunter มีหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกแบรนด์ความงามจาก ส่วนผสมที่ไม่เหมือนใคร เรื่องราวของแบรนด์ที่โดดเด่น และกำลังเป็นกระแสในโซเชียลมีเดีย
ซึ่งต้องบอกว่า ที่ผ่านมา Hunter Amenities ประสบความสำเร็จในการจับคู่แบรนด์ความงามเล็ก ๆ กับโรงแรม และสายการบินชื่อดัง ยกตัวอย่างเช่น
การนำชุดของใช้ส่วนตัวจากแบรนด์ความงาม Bliss มาใช้ในโรงแรม W ซึ่งได้รับคำชมจากผู้เข้าพักในโรงแรมมากมาย ถึงขั้นที่กลายเป็นเหตุผลหลัก ที่ทำให้พวกเขาอยากกลับมาใช้บริการโรงแรมอีกครั้งแบรนด์ Apotheke จากบริษัทเล็ก ๆ ที่ทำเทียนและสบู่ด้วยมือ เติบโตเป็นแบรนด์ที่ได้วางขายในบูติกระดับไฮเอนด์ และอยู่ในห้องพักโรงแรม 100,000 ห้อง โดยมีรายได้ 20% มาจากสบู่เหลวที่ Hunter Amenities ผลิตให้แบรนด์ความงาม Beekman 1802 ผู้ออกแบบกลิ่น Fresh Air ให้โรงแรม Andaz แล้วได้รับความนิยมมาก จนถูกนำไปต่อยอดเป็น Amenity บนเรือสำราญ Princess และสายการบิน Etihad
ทั้งนี้แบรนด์ความงามที่ร่วมมือกับ Hunter Amenities จะมีส่วนแบ่งรายได้ราว 5% ถึง 6% ของยอดขาย ที่ร่วมมือกับโรงแรม หรือสายการบินในแต่ละแห่ง แม้ดูเป็นสัดส่วนเล็ก ๆ แต่อาจทำเงินได้หลายล้านบาทต่อปี
นอกจากนี้แบรนด์ความงาม ยังได้ประโยชน์จากการทำการตลาดแบบ Tryvertising หรือ การโฆษณาผ่านการลองใช้สินค้าจริง เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ที่บังเอิญได้ใช้สินค้าของแบรนด์ แล้วเกิดความประทับใจ
สิ่งนี้ทำให้บางแบรนด์ถึงขั้นยอมเสียข้อตกลงค่าลิขสิทธิ์ของแบรนด์ให้กับ Hunter Amenities เพียงเพราะต้องการให้แบรนด์เป็นที่มองเห็นในกลุ่มคนที่กว้างขึ้น
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพจาก โรงแรมที่มีขนาด 50,000 ห้องพัก อาจมีผู้เข้าพักวนเวียนเข้ามาในโรงแรมสูงถึง 4-5 ล้านคนต่อปี หากใครชอบก็อาจไปซื้อซ้ำแบบ Full Size ซึ่งในมุมมองของเจ้าของแบรนด์ก็ถือว่าคุ้มค่ามากทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้มากที่สุดคงหนีไม่พ้น Hunter Amenities เพราะเมื่อแบรนด์ความงามได้รับฟีดแบ็กที่ดีจากลูกค้า โรงแรมก็อยากสั่งสินค้าเพิ่ม
ส่วนแบรนด์ความงาม ก็มักจะกลับมาจ้าง Hunter Amenities ให้ผลิตสินค้าในไซซ์อื่น ๆ ซึ่งปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วนถึง 25% ของรายได้ทั้งหมด
เรียกได้ว่า Hunter Amenities ไม่จำเป็นต้องสร้างแบรนด์เอง แต่ยังคงเติบโตอย่างเงียบ ๆ ในห้องน้ำของโรงแรมหรูทั่วโลกนั่นเอง..
References :
Bloomberg, Yahoo Finance