Glamlite แบรนด์เครื่องสำอางอินดี้ เหมือนของเล่นเด็ก แต่ขายดีมากในหมู่ผู้ใหญ่ /โดย ลงทุนเกิร์ล

สาว ๆ หลายคนคงเคยมีโมเมนต์เล่นเครื่องสำอางในวัยเด็ก ไม่ว่าจะเป็นแอบหยิบลิปสติกของคุณแม่มาทา หรือเล่นตลับอายแชโดว์ ของเล่นเด็กสีสด ๆ 

แต่รู้หรือไม่ว่า ในวงการเมกอัปสายฝอ มีแบรนด์หนึ่งชื่อว่า “Glamlite” แม้หน้าตาภายนอกจะดูขี้เล่นเหมือนเครื่องสำอางเด็ก แต่กลับฮิตมากในหมู่ผู้ใหญ่ที่แต่งหน้าจริงจัง

แถมยังเป็นแบรนด์ที่บิวตีบล็อกเกอร์ระดับโลกอย่าง Jeffree Star เคยประทับตราการันตี และช่างแต่งหน้าของนักร้องตัวแม่ระดับ Cardi B ก็เลือกใช้เป็นไอเทมลับขึ้นเวทีคอนเสิร์ตมาแล้ว

เรื่องราวของแบรนด์ Glamlite น่าสนใจอย่างไร ? 

ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง 

Glamlite คือแบรนด์เครื่องสำอางอินดี้ ที่โด่งดังจากการเอาอาหารมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ ตั้งแต่พาเลตต์ตาที่มาในกล่องพิซซาเสมือนจริง ไปจนถึงธีมเค้กและแฮมเบอร์เกอร์

ความแปลกใหม่นี้เองทำให้แบรนด์ดูสดใส สนุกสนาน แตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ ในตลาดที่มักใช้โทนสีกลาง ๆ พร้อมคอนเซปต์แบบเรียบหรู ดูแพง 

และยังทำให้ Glamlite ไปเตะตาแบรนด์ดังจนได้ร่วมงานกันมากมาย เช่น Hershey’s, Frosted Flakes, Coca-Cola, การ์ตูน Barbie ไปจนถึงแฟรนไชส์หนังดังอย่าง The Twilight Saga และ Saw

แม้จะมีรูปลักษณ์ที่เน้นความสนุก แต่คุณภาพของเครื่องสำอาง ก็เป็นที่ยอมรับในกลุ่มบิวตีบล็อกเกอร์ อินฟลูเอนเซอร์มากมายทั้งใน YouTube, Instagram และ TikTok 

เพราะ Glamlite ขึ้นชื่อว่าเป็นแบรนด์ที่ให้เม็ดสีชัดเจนมาก โดยเฉพาะอายแชโดว์ ที่มีสีเข้มชัดเจน ซึ่งเป็นสิ่งที่สาว ๆ สายฝอ สายพังก์ ที่จริงจังกับการแต่งหน้ามองหา

ทั้งหมดนี้จึงทำให้แบรนด์นี้มีชื่อเสียงในหมู่สาว ๆ โดยอ้างอิงจากสำนักข่าว Business Insider แบรนด์นี้เคยสร้างยอดขายพาเลตต์ตาได้ถึง 63 ล้านบาทภายในวันเดียว 

แต่เบื้องหลังกว่าจะมาถึงวันนี้ก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะ Glamlite ก่อตั้งโดยคุณ Gisselle Hernandez สาวโดมินิกันเชื้อสายแอฟริกัน-ละติน ที่อพยพมาอาศัยอยู่ในนิวยอร์ก

ด้วยความที่เธอเติบโตมาในครอบครัวชาวอพยพที่ยากจน ที่บ้านจึงสอนเสมอให้เธอทำงานหาเงินมาจ่ายค่าเช่าและอาหารก็พอ ไม่ต้องคิดฝันอะไรที่ยิ่งใหญ่

แต่หลังจากชีวิตวัยเด็กที่ต้องเจอทั้งความยากจน การถูกคนรอบข้างบุลลีเรื่องน้ำหนักของเธอ รวมไปถึงการถูกล่วงละเมิดทางเพศในวัยเด็ก เธอจึงหาที่พึ่งพาทางจิตใจ ก็คือการแต่งหน้า 

ก่อนที่จะในปี 2017 เธอจะตัดสินใจเปลี่ยนชีวิตของเธอเอง โดยการยืมบัตรเครดิตของเพื่อนจ่ายเงินจำนวน 60,000 บาท ซื้อไฟเซลฟีแบบดารา มาขายในชื่อแบรนด์ว่า “Glamlite”

และเมื่อได้กำไรมาก้อนหนึ่ง เธอก็นำเงินมาลงทุนในธุรกิจที่เธอรักจริง ๆ ก็คือการแต่งหน้า แต่ความพยายามในช่วงแรกกลับล้มเหลวไม่เป็นท่า 

เพราะเธอพยายามทำสินค้าตามกระแสด้วยการออกพาเลตต์สีนูดเรียบ ๆ ที่หลาย ๆ แบรนด์ทำกันในตลาด ซึ่งในวันที่เปิดตัว เธอขายสินค้าได้เพียง 2 ชิ้นเท่านั้น 

เมื่อเงินทุนใกล้หมด เธอจึงตัดสินใจเลิกทำในสิ่งที่เธอคิดว่าทุกคนชอบ และหันมาลองทำสิ่งที่เป็นตัวของตัวเอง นั่นก็คือ “Pizza Palette” 

พาเลตต์อายแชโดว์ รูปทรงกล่องพิซซา ที่มีสีเด็ด ๆ แสบ ๆ จัดจ้านถึง 18 สี และยังตั้งชื่อสีตามหน้าพิซซา เช่น  Jalapeños, Hot Sauce และ Kalamata Olives ขายราคาประมาณ 1,265 บาท

ด้วยรูปร่างที่แปลกใหม่ คอนเซปต์สุดโต่งแบบที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อนในยุคนั้น มันจึงกลายเป็นไวรัลในอินเทอร์เน็ต มีสำนักข่าวและนิตยสารมาทำข่าว จนสามารถขายหมดเกลี้ยงในเวลาไม่ถึง 48 ชั่วโมง 

และยังเพิ่มกระแสความฮอตเข้าไปอีก หลัง Jeffree Star อินฟลูเอนเซอร์ที่มีชื่อเสียงในวงการบิวตี ได้ทำคลิปวิดีโอรีวิวพาเลตต์นี้ และประทับตราว่า “Jeffree Star Approved” 

คุณ Hernandez เล่าว่าความสำเร็จของ Pizza Palette เปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล และหลังจากนั้น เธอก็มีความมั่นใจที่จะทำเครื่องสำอางที่มีธีมอาหารตามความรักของเธอ เช่น Ice Cream และ Donut 

แม้ปัจจุบัน Glamlite จะเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงแล้ว แต่เบื้องหลังคุณ Hernandez เล่าว่าเธอก่อตั้งบริษัทขึ้นมาโดยไม่มีนักลงทุนหรือเงินกู้จากธนาคารเลย

เธอถูกธนาคารและแหล่งเงินกู้ทุกแห่ง ปฏิเสธการให้กู้ยืมเงินถึง 47 ครั้ง แต่หลังจากแบรนด์เธอมียอดขายทะลุ 950 ล้านบาท สถานการณ์กลับพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ

มีนักลงทุนเข้ามาเสนอเงินทุนให้เธอแทบทุกวัน จนเธอตระหนักได้ว่าทุกคนจะอยากเข้ามาช่วย ก็ต่อเมื่อเราไม่ต้องการความช่วยเหลือแล้ว ซึ่งเธอก็ภูมิใจอย่างมากที่เธอสร้างแบรนด์ขึ้นมาได้ด้วยตัวเธอเอง

สุดท้ายเธอได้ฝากคำแนะนำสำหรับผู้ประกอบการคนอื่น ๆ ซึ่งลงทุนเกิร์ลก็เห็นว่าคล้ายกับสิ่งที่ผู้ประกอบการแบรนด์ไทยและต่างประเทศหลายคนเคยพูดทำนองนี้ไว้เช่นกัน 

1. อย่าทำธุรกิจที่เป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็ทำได้ เหมือนกับ Glamlite ที่เธอสร้างขึ้นมาด้วยความเป็นตัวเอง มันจึงโดดเด่นไม่เหมือนใคร

2. ใช้โซเชียลมีเดียให้เป็นประโยชน์ อธิบายว่าเราคือใคร และสร้างแรงบันดาลใจผ่านเรื่องราวของเรา

3. แบรนด์เปรียบเสมือนลูก ระมัดระวังในการเลือกคนมาร่วมทีม และห้ามละเลยการตรวจสอบบัญชีการเงิน..

References :

- Forbes, allure, ESSENCE, BELatina