กรณีศึกษา การเพิ่มมูลค่าสินค้า จากทายาทฟาร์มจระเข้ สู่เจ้าของแบรนด์กระเป๋า S'uvimol
Fashion

กรณีศึกษา การเพิ่มมูลค่าสินค้า จากทายาทฟาร์มจระเข้ สู่เจ้าของแบรนด์กระเป๋า S'uvimol

25 ม.ค. 2021
การที่ครอบครัวของเรามีธุรกิจอยู่แล้ว
คงเปรียบเหมือนเป็นเหมือนบันไดขั้นที่ 1 ให้กับหน้าที่การงานในอนาคต
แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะใช้เรื่องนี้เป็นฐานเพื่อการก้าวสู่ขั้นที่ 2
เพราะบางคนอาจมองว่า ทำธุรกิจแบบเดิมก็ดีอยู่แล้ว จึงเอาแต่ย่ำอยู่กับที่
และบางคนอาจถึงขั้นทำให้ฐานที่ตัวเองมีอยู่พังทลายลง เพราะไม่ยอมปรับอะไรเลย
อย่างไรก็ตาม สำหรับคุณพัชรพิมล ยังประภากร หรือคุณแม่แพร
กลับสามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม และต่อยอดธุรกิจเดิมของที่บ้าน
จนกลายเป็นแบรนด์กระเป๋าคนไทย ที่ขายได้ในราคาหลักหลายหมื่นจนถึงหลักแสน
เรื่องราวของคุณแม่แพร และแบรนด์ของเธอน่าสนใจอย่างไร?
วันนี้ลงทุนเกิร์ลได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์คุณฝน หรือคุณชวมณฑ์ ปวโรดม
ลูกสาวของคุณแม่แพร รวมถึงเป็นเจ้าของ และดีไซเนอร์แบรนด์ S'uvimol คนปัจจุบัน
อย่างที่เล่าไปแล้วข้างต้น S'uvimol เป็นแบรนด์กระเป๋าหนังคนไทย
ซึ่งเกิดขึ้นมาจากการต่อยอดธุรกิจของครอบครัวคุณแม่แพร
โดยคุณแม่แพร เป็นทายาทเจ้าของฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการ
อยู่มาวันหนึ่ง เธอและพี่น้องก็ได้รับจระเข้จำนวน 500 ตัว มาจากคุณพ่อ
จึงนำมาเปิดฟาร์มจระเข้แห่งใหม่ที่นครปฐม
แต่เป็นฟาร์มที่เพาะเลี้ยงเพื่อส่งออกหนังจระเข้ไปต่างประเทศโดยเฉพาะ
ซึ่งหนังจระเข้จากฟาร์มของคุณแม่แพร ก็เรียกได้ว่ามีคุณภาพสูงมาก
เพราะสามารถส่งไปขายในรูปแบบของ “หนังดิบก่อนฟอกสี” ให้กับแบรนด์หรูชั้นนำของโลก
เช่น Hermès, Louis Vuitton, Gucci เป็นระยะเวลานานกว่า 10 ปี
แต่การต่อยอดธุรกิจครอบครัวของคุณแม่แพร ก็ยังไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้
เพราะเธอได้นำความชอบของตัวเอง มาประยุกต์ร่วมด้วย
นั่นก็คือ การสร้างแบรนด์กระเป๋าหนัง เนื่องจากมีวัตถุดิบพร้อมจากธุรกิจฟาร์มจระเข้อยู่แล้ว
ในปี 2011 แบรนด์ S'uvimol ของคุณแม่แพรจึงเกิดขึ้น
โดยชื่อ S'uvimol อ่านว่า “สุวิมล” เป็นชื่อของคุณแม่ของเธอ ซึ่งเป็นที่รักและแรงบันดาลใจของลูกๆ
นอกจากนั้น ยังแปลว่า “ผู้หญิงสวย” เหมาะกับกระเป๋าสวยๆ ที่คุณแม่แพรตั้งใจจะทำ
ซึ่งร้านแรกของ S'uvimol เปิดอยู่ ที่ทองหล่อซอย 4
และทำกระเป๋าในลักษณะของ Made to Order
หรือให้ลูกค้าเป็นคนเลือกแบบ แล้วทางร้านจะเป็นผู้ผลิตให้
อย่างไรก็ตาม ตอนนั้นเป็นช่วงที่คุณฝน เรียนจบด้าน Industrial Design
จาก Rhode Island School of Design ซึ่งเป็นสถาบันด้านการออกแบบ
ที่มีอายุมากกว่าร้อยปี ของประเทศสหรัฐอเมริกา
หลังจากที่คุณฝนกลับมา เธอก็ได้มาช่วยปรับโมเดลธุรกิจให้กับแบรนด์ S'uvimol
โดยเริ่มจากการเปลี่ยนจากกระเป๋า Made to order
มาเป็นการสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์ให้คนจดจำได้ ด้วยการออกแบบ
อย่างการเน้นออกแบบกระเป๋าด้วย "รูปทรงเรขาคณิต"
ซึ่งนอกจากจะเป็นภาพจำให้กับแบรนด์แล้ว
ยังเป็นเหมือนกรอบที่โชว์ความสวยงามของหนังที่มีคุณภาพด้วย
ที่สำคัญยังเป็นทรงกระเป๋าที่สามารถใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ใช้ได้หลายโอกาส
รวมถึงค่อนข้างมีความคลาสสิก ทำให้ตกเทรนด์ได้ยาก
เรื่องนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะคุณฝนเข้าใจว่า สินค้าของเธอเป็นของที่มีราคา
ดังนั้นจึงอยากให้ลูกค้าสามารถใช้ได้นานๆ และคุ้มค่ามากที่สุด
นอกจากนั้นอีกหนึ่งจุดเด่นของแบรนด์ S'uvimol ก็คือ การออกแบบสี และเทคนิคการฟอกหนัง ที่คิดค้นร่วมกับโรงฟอก ทำให้หาไม่ได้จากแบรนด์อื่นๆ
ซึ่งหนังของแบรนด์ S'uvimol ยังจะเน้นไปที่หนังเอ็กโซติกเท่านั้น ดังนั้นจึงมีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ และมีอายุการใช้งานอย่างน้อย 10 ปี
ต่างจากหนังทั่วๆ ไปที่ทำมาจากหนังวัวหรือหนังแกะ
โดยปัจจุบัน S'uvimol ก็เรียกได้ว่า เป็นแบรนด์ที่มีประเภทหนังเอ็กโซติกให้เลือกสรรมากที่สุด และยังมีสีให้เลือกมากที่สุดด้วย
ไม่ว่าจะเป็นหนังจระเข้ ซึ่งเป็นหนังที่มีราคาแพงที่สุด เพราะระยะเวลาการเจริญเติบโตของจระเข้ที่ต้องใช้เวลาถึง 5-6 ปี
และต้องดูแลให้มีแผลหรือตำหนิน้อยที่สุด
โดยจุดเด่นอยู่ที่จระเข้แต่ละตัวมีลายที่ไม่เหมือนกัน
จนกลายเป็นเสน่ห์ของลายหนังกระเป๋าที่ไม่เหมือนใคร และยังมีความทนทาน ราคาไม่ค่อยตก
ทำให้กระเป๋าหนังจระเข้ของ S'uvimol บางใบ ขายได้ถึงกว่า 300,000 บาทเลยทีเดียว
นอกจากนั้นยังมี หนังลิซาร์ด หรือกิ้งก่ายักษ์ ที่ใช้เทคนิคฟอกหนังเฉพาะจากประเทศญี่ปุ่น
หนังปลากระเบน ที่มีลักษณะพื้นผิวพิเศษเหมือนลูกปัดเงางามที่เรียงตัวอย่างละเอียด
หนังงูเหลือม ซึ่งหายากและมีขนาดใหญ่ ลวดลายคล้ายรูปทรงเพชร ดูทันสมัย
ด้วยความพิถีพิถันในการคัดเลือกหนัง การผลิต รวมถึงดีไซน์ที่โดดเด่น
ใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างการฝานหนังให้บาง ทำให้กระเป๋าไม่หนัก
ซึ่งต้องใช้ความเชี่ยวชาญสูงมาก
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจว่า กระเป๋าของ S'uvimol จะไม่ได้แค่นิยมในกลุ่มลูกค้าคนไทย
แต่ยังโด่งดังไปไกลถึงต่างประเทศ โดยเฉพาะโซนตะวันออกกลาง และมีลูกค้าเป็นถึงราชวงศ์ทางอาหรับ
ในด้านการบริการหลังการขาย แบรนด์ S'uvimol ก็ให้ความสำคัญไม่แพ้กัน
เนื่องจาก S'uvimol มีโรงงานตัดเย็บเป็นของตัวเอง จึงการันตีอะไหล่ตลอดชีพการใช้งาน
ถ้าชำรุดหรือมีปัญหา สามารถส่งซ่อมได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
หรือถ้าลูกค้าอยากจะ Customize กระเป๋า
ก็สามารถทำได้ โดยถ้าเลือกหนังที่มีอยู่ในสต็อก จะใช้เวลาเพียง 2 อาทิตย์เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายของ S'uvimol คือต้องยอมรับว่าช่วงเริ่มทำแบรนด์
คนไทยยังติดแบรนด์ยุโรปอยู่ ดังนั้นจึงต้องพิสูจน์ด้วยคุณภาพที่เทียบเท่ากัน
รวมถึงสร้างจุดยืนของแบรนด์ที่ชัดเจน
ไม่ว่าจะเป็นจุดที่ตั้งของหน้าร้าน ซึ่งก็จะเลือกไปที่ห้างสรรพสินค้า
ความรู้ของพนักงานขาย การดูแลลูกค้า
และการนำเสนอภาพลักษณ์ของแบรนด์โดยรวม อย่างเช่นการถ่ายแฟชั่นด้วยตัวเอง
อ่านมาถึงตรงนี้จะทำให้เราได้ข้อคิดว่า
ในบางครั้ง การทำธุรกิจต่อจากครอบครัว ก็ไม่จำเป็นต้องทำแต่ในรูปแบบเดิมเสมอไป
เห็นได้ว่าทั้งคุณฝนและคุณแม่แพร
แม้จะรับธุรกิจต่อมาจากครอบครัว แต่ก็มีการพัฒนาและต่อยอดธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง
ที่สำคัญยังสามารถเพิ่มมูลค่าให้สินค้า
จากเดิมที่เป็นเพียงผู้ส่งออกวัตถุดิบ
ในวันนี้พวกเขาสามารถต่อยอด ใส่การออกแบบ และการบริการลูกค้า
จนกลายเป็นแบรนด์ S'uvimol ที่สร้างชื่อเสียงได้ในระดับนานาชาติได้
Reference:
-สัมภาษณ์ตรงกับคุณชวมณฑ์ ปวโรดม เจ้าของและดีไซเนอร์แบรนด์กระเป๋า S'uvimol
-www.suvimol.com
© 2025 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.