จากแม่บ้านสู่เจ้าของแบรนด์ Drunk Elephant สกินแคร์มูลค่าสองหมื่นล้าน /โดย ลงทุนเกิร์ล

ถ้าหากเรามีชีวิตตามที่ได้วาดฝันไว้อยู่แล้ว เราจะยอมก้าวออกมาหรือไม่
เรื่องนี้เกิดขึ้นกับคุณ Tiffany Masterson ผู้หญิงที่อยากจะเดินตามรอยคุณแม่ 
ซึ่งก็คือการเป็นแม่บ้าน ดูแลครอบครัว 

แต่กลับกลายเป็นว่า วันนี้เธอคือเจ้าของแบรนด์สกินแคร์ Drunk Elephant 
ที่ถูกบริษัท Shiseido ซื้อไปใน ราคากว่า 25,000 ล้านบาท

แล้วอะไรที่ทำให้คุณ Tiffany Masterson ทำแบรนด์ Drunk Elephant 
จนกลายเป็นที่โด่งดัง? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง

ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Drunk Elephant คือคุณ Tiffany Masterson
ซึ่งเธอก็เป็นคนหนึ่งที่มีปัญหาผิวมากมาย ทั้งผิวแพ้ง่าย ผิวมัน
รูขุมขนกว้าง ไปจนถึงผิวหน้าขาดความสมดุล 

ทำให้คุณ Tiffany Masterson ประสบปัญหาในการหาผลิตภัณฑ์
ที่จะช่วยแก้ปัญหาผิวอันมากมายของเธอ เพราะเธอใช้อะไรก็ไม่ได้ผล
หรือถึงได้ผล ก็เป็นผลเพียงชั่วคราวเท่านั้น 

สุดท้ายเมื่อไม่มีสินค้าที่ต้องการในตลาด เธอจึงคิดค้นผลิตภัณฑ์ของตัวเองออกมา
ซึ่งก็เกิดจากการทดลองหาส่วนผสม ที่เธอใช้แล้วได้ผลลัพธ์ดี

ที่สำคัญคือไม่มีส่วนผสมของสารเคมีที่อาจส่งผลต่อการระคายเคือง
อย่าง เอสเซนเชียล ออยล์, แอลกอฮอล์, ซิลิโคน รวมถึงน้ำหอม

สุดท้ายจึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์ Drunk Elephant ในเวลาต่อมา

แล้วทำไมถึงตั้งชื่อแบรนด์ว่า Drunk Elephant?

ที่มาของชื่อมาจากเรื่องเล่าว่า ช้างชอบกินผลไม้ที่หล่นลงมาจากต้นมารูลา ซึ่งมีฤทธิ์หลอนประสาท ดังนั้นหลังจากทานผลไม้ชนิดนี้เข้าไป ช้างจึงเกิดอาการเมา

โดยเจ้าผลมารูลานี้ มีส่วนที่เรียกว่า “Pip” ซึ่งอุดมไปด้วยน้ำมัน
และเป็นส่วนที่คุณ Tiffany Masterson เชื่อว่า เป็นแหล่งรวมของกรดไขมัน และสารต้านอนุมูลอิสระ
จึงนำมาใช้เป็นหนึ่งในส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ 

ซึ่งนอกจากตัว Pip แล้วคุณ Tiffany Masterson ยังได้ทำการคัดแยกส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพ
ทั้งจากสารสังเคราะห์และสารจากธรรมชาติซึ่งมีประโยชน์ต่อผิว  
เลือกใช้เฉพาะส่วนผสมที่ส่งผลดีและเป็นมิตรต่อผิว รวมถึงซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างง่ายดาย

แล้วนอกจากผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ อะไรที่ทำให้แบรนด์ Drunk Elephant โด่งดังขนาดนี้?

อย่างแรกคงจะหนีไม่พ้นแพ็กเกจจิงที่มีสีสันสดใส 
รวมถึงชื่อที่มีความแปลก เป็นเอกลักษณ์ ทำให้ผู้บริโภคสามารถจดจำได้ดี

เมื่อคนจำแบรนด์ Drunk Elephant ได้แล้ว 
สิ่งที่ทำต่อมาก็คือ การให้คนเข้ามาทดลองใช้สินค้า 

อย่างในครั้งแรกที่ Drunk Elephant เปิดร้าน Pop-up ที่นิวยอร์ก ภายใต้ชื่อ House of Drunk 
ก็มีการออกแบบให้ทั้งนักท่องเที่ยว และคนในพื้นที่ได้เข้ามาทดสอบผลิตภัณฑ์ของทางแบรนด์ 

กลายเป็นว่าการออกร้านในครั้งนี้สร้างความภาคภูมิใจให้กับคุณ Tiffany Masterson
เป็นอย่างมาก 

เพราะไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็กจนถึงคนแก่ ที่เข้ามาเยี่ยมชมร้านของเธอ 
พอได้ทดลองและพอใจในผลลัพธ์ ก็ล้วนกลายเป็นลูกค้าของ Drunk Elephant

ซึ่งเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้แบรนด์ของเธอรู้จักในวงกว้างมากขึ้น

และอีกสิ่งที่จะขาดไม่ได้เลย คือ การสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์
แต่ยังอ้างอิงอยู่บนฐานของความเข้าใจลูกค้า 

อย่างเรื่องการออกแบบผลิตภัณฑ์ โดยปกติเราอาจคิดว่าลูกค้าไม่ชอบ ครีมที่ไม่มีกลิ่นหอม 
แต่จริงๆ แล้วลูกค้ากลับชอบครีมที่ไม่มีกลิ่นหอม 

และเมื่อรู้ว่าสิ่งที่ลูกค้าต้องการจริงๆ นั้นคืออะไร 
Drunk Elephant ก็ทำสิ่งนั้นออกมาให้ดีและมีคุณภาพ

จึงไม่แปลกที่แบรนด์จะเข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภคอย่างง่ายดาย 

โดยในปี 2019 Shiseido บริษัทความงามชื่อดังของประเทศญี่ปุ่นก็เข้าซื้อแบรนด์ 
Drunk Elephant ในราคากว่า 25,000 ล้านบาท 

ซึ่งก็ถือเป็นตัวแปรที่จะเพิ่มความหลากหลายให้กับพอร์ตแบรนด์ความงามของ Shiseido
โดยรุกเข้าสู่ฝั่งสกินแคร์ที่กำลังเติบโต จากเดิมที่เน้นฝั่งเครื่องสำอางที่เริ่มชะลอตัวแล้ว

และในทางกลับกัน การเข้ามาอยู่ภายใต้เครือเครื่องสำอางยักษ์ใหญ่ ก็น่าจะส่งผลดีกับ Drunk Elephant ทั้งในด้านของเงินทุนมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมถึงความสามารถในการเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้นด้วย..

References:
-https://fashionista.com/2018/03/tiffany-masterson-drunk-elephant-skincare-sephora
-https://www.drunkelephant.com/pages/about-us
-https://www.businessinsider.com/drunk-elephant-founder-tiffany-masterson-shares-tips-for-success-2019-9
-https://www.dlgnaturals.com/blog4/2020/01/18/marula-harvesters-in-botswana-prep-marula-pips-for-organic-oil-production-by-dlg-naturals-bw/
-https://www.forbes.com/sites/chloesorvino/2019/10/08/hot-skincare-brand-drunk-elephant-sells-for-845-million-minting-founder-a-fortune/?sh=2edce6615140#36760af51406?utm_source=morning_brew
-https://www.morningbrew.com/retail/stories/2019/10/09/shiseido-spent-845-million-drunk-elephant?__cf_chl_jschl_tk__=0309f14faa5eb7dc60298afeb469675147398e26-1613377516-0-Abjfi87U5Z8YUiYcB5PqTqGSSJ8iULq5eUwK8SdqR-iRlZ_1dJ4scwP7Y3G027l-pWyMQh9H1LzoJkmE0kKBkz4bCSXysjCVn3VhBZmsSwK6gU2CXQfXkqPbZg6wBC5s1o7PrAAKXNDhqvPVI8t1nUT0Ll9k_2O_QVCAIWq-V0YoOG0MDr-syWf52ruKL9wvAeYOlFtKpO5XTaZRYvv5ziOMWYKMhAQPS-iPMswfMPqRvA0erYa-XhiGVl3FdVcLWEG68CCpJqk4TDHeMBOSnO8MfyjzqgA8-HZhzj0fSf2s7ZlyDDQXVeyei0y7CqsEp1AoS7eiG2CQEbwhzWF0DPFd_KkCdAmMRnERP-DrkiW7VY209TR8ychMHNjcnWxwX71cy1gN7m1OapgIXHwY9cxtZR0HjmtpPAqS2Cq3zQJ-uk0Y_BQAJLa-_8j3sh9e3rGtv_JisoiI-GCDH4SBrXE