Shaka เสื้อผ้าแบรนด์ไทย ที่ยึดหลักแฟชั่นบนความยั่งยืน
Fashion

Shaka เสื้อผ้าแบรนด์ไทย ที่ยึดหลักแฟชั่นบนความยั่งยืน

30 มี.ค. 2021
Shaka เสื้อผ้าแบรนด์ไทย ที่ยึดหลักแฟชั่นบนความยั่งยืน /โดย ลงทุนเกิร์ล
เมื่อไม่กี่ปีมานี้เทรนด์แฟชั่นและความยั่งยืน กำลังเป็นกระแสฮิตไปทั่วโลก
ทำให้หลายอุตสาหกรรมแฟชั่น เริ่มใส่ใจทรัพยากรธรรมชาติมากขึ้น
รวมทั้ง หลายโรงงานเอง ก็มีกระบวนการผลิตที่ก่อมลพิษให้น้อยที่สุด
ซึ่งจริง ๆ แล้วแฟชั่นและความยั่งยืน ไม่ได้หมายถึง แค่การอนุรักษ์ธรรมชาติเท่านั้น
แต่ยังรวมถึงกระบวนการผลิตเสื้อผ้าที่มีคุณภาพ ที่ทำให้ผู้ใช้ใส่ได้นานอีกด้วย
ซึ่งวันนี้เราจะพาไปรู้จักกับ Shaka แบรนด์เสื้อผ้าฝีมือคนไทย
ที่เน้นความเรียบง่าย ใส่สบาย แต่ซ่อนความเรียบหรูและมีเอกลักษณ์ไว้ได้อย่างลงตัว
ลงทุนเกิร์ลได้มีโอกาสสัมภาษณ์คุณลลิษณัลล์ ขะมาลา หรือ คุณปลา
กรรมการผู้จัดการบริษัท Y.M.F International (Thai) Co.,Ltd
และยังเป็นผู้ที่เนรมิตรแบรนด์ Shaka อีกด้วย
ซึ่ง Shaka อยู่ในวงการแฟชั่นไทยมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000
ถือว่าเป็นอีกแบรนด์หนึ่ง ที่ประสบความสำเร็จในวงการเสื้อผ้าไทยอย่างมาก
เพราะมีฐานลูกค้าอย่างเหนี่ยวแน่น ไม่ว่าจะเป็นในประเทศไทยเอง
หรือว่าต่างชาติ เช่น ประเทศจีน ญี่ปุ่น ไตหวัน สิงคโปร์ และบรูไน
ซึ่งคุณปลา อยู่ในวงการอุตสาหกรรมเสื้อผ้ามานานมากว่า 30 ปี
และที่น่าสนใจก็คือ คุณปลาไม่ได้จบมาจากโรงเรียนแฟชั่น
และไม่มีความสามารถด้านการตัดเย็บด้วยซ้ำ เธอเป็นเพียงหญิงสาวคนหนึ่งที่รักในการแต่งตัว
ย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีก่อน สมัยคุณปลาเป็นนักศึกษาปีที่ 4 เธอเรียนเอกญี่ปุ่น
เธอได้มีโอกาสร่วมงานกับบริษัทญี่ปุ่นที่เป็นผู้ผลิตแบรนด์เสื้อผ้า
โดยคุณปลาทำเป็นงานพาร์ตไทม์รับหน้าที่ในการแปลแพตเทิร์นให้กับคนตัดเย็บ และช่วยดูแลเรื่องการจัดหาวัสดุอุปกรณ์
ซึ่งทำให้เธอต้องไปดูผ้าจากซัพพลายเออร์หลากหลาย รวมทั้งการผลิตจนเสร็จและส่งออกไปที่ญี่ปุ่น
และเมื่อเธอได้คลุกคคลีอยู่กับวงการแฟชั่น ความหลงใหลในเสื้อผ้าของเธอก็เริ่มเปล่งประกาย
และตัดสินใจเปิดโรงงานผลิตเสื้อผ้าเล็ก ๆ
ร่วมกับคุณวาตานาเบ้ ผู้บริหารชาวญี่ปุ่น ชื่อแบรนด์ว่า YaccoMaricard
ซึ่งแบรนด์ YaccoMaricard ส่งออกหลักที่ประเทศญี่ปุ่น
โดยเน้นที่ความปราณีต และมีคุณภาพทั้งผ้าและการตัดเย็บ ทำให้เสื้อผ้ามีราคาค่อนข้างสูง
และด้วยดีไซน์ของเสื้อผ้าที่ค่อนข้างเป็นสไตล์หลวมโคร่ง ทำให้เธอมีลูกค้าที่เป็นผู้ใหญ่เป็นหลัก
ซึ่งทำให้คุณปลาเล็งเห็นว่า เธอขาดกลุ่มลูกค้าที่เป็นวัยรุ่นและวัยทำงาน
เธอจึงตัดสินใจอีกครั้งในการเริ่มต้นสร้างแบรนด์ที่สอง ซึ่งก็คือแบรนด์ Shaka นั่นเอง
โดยเน้นผลิตเสื้อผ้าที่ดูเด็กลง มาพร้อมกับราคาที่จับต้องได้
แต่ยังคงคุณภาพ และความละเอียดอ่อนที่เปี่ยมรสนิยมไว้ได้อย่างลงตัว
Shaka มีความหมายว่า “พระพุทธเจ้า” ในภาษาญี่ปุ่น
ซึ่งก็มีความสอดคล้องกับอัตลักษณ์ของแบรนด์
ที่มีจุดมุ่งหมายเน้นความเรียบง่ายแบบชาวตะวันออก
เสื้อผ้าของแบรนด์ Shaka มีเอกลักษณ์งานฝีมือที่โดดเด่นมาก ๆ
มองเพียงแค่ครั้งเดียว ก็สามารถรู้ได้เลยว่าเป็นผู้หญิงซากะ ที่มีความแข็งแรงแต่ก็ละเอียดอ่อนในเวลาเดียวกัน
แต่สำหรับคอลเลกชันที่เพิ่งออกใหม่นี้ มีความพิเศษยิ่งขึ้นไปอีก
เพราะได้ต่อยอดงานฝีมือที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ผสมผสานกับความร่วมสมัย
โดยเอกลักษณ์แรก คือ “ICON TUCK”
เป็นการตัดเย็บเกล็ดชุด ที่ผสมผสานเกล็ดขนาดเล็กและขนาดใหญ่
และรีดแบนกึ่งกลางเกล็ดเพื่อให้ได้เสื้อผ้าที่มิตินูนต่ำ
เอกลักษณ์ที่สอง คือ “SHAKA S-CURVE”
ที่ใช้แพตเทิร์นของตัวอักษร S จับจีบเข้ารูป เส้นขอบเอว ขอบกระเป๋า เป็นต้นที่มีเส้นสายนุ่มนวลลื่นไหล
ช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ดูเพรียว และสง่างามมากยิ่งขึ้น
และอย่างสุดท้าย คือ “ใช้วัสดุรีไซเคิล”
ซึ่งแบรนด์ Shaka ให้ความสำคัญกับการใช้วัสดุให้เกิดประโยชน์สูงสุด
อย่าง “กระดุม” และ “หัวเข็มขัด “ของเสื้อผ้าในคอลเลกชันใหม่นี้
ก็ผลิตมาจาก “พลาสติกรีไซเคิล” ที่มีการออกแบบให้สอดคล้องกับเอกลักษณ์ของแบรนด์และมีสีสันที่สวยงาม
ซึ่งถ้าไม่บอกว่าทำมาจากวัสดุรีไซเคิล เราก็อาจจะไม่รู้เลยก็ได้
และนอกจากความสวยงามแล้ว Shaka ยังคำนึงถึงการใช้งานและความคงทนอีกด้วย
โดยออกแบบกระดุมให้มีรูปร่างที่โค้งมน เพื่อที่จะไม่ไปเกี่ยวกับผ้าให้เกิดความเสียหาย
สำหรับการเป็นแบรนด์แฟชั่นที่ยั่งยืนของ Shaka ไม่ได้เพิ่งเริ่มทำ
แต่เป็นวิสัยทัศน์และจุดยืนของแบรนด์มาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว
หนึ่งสิ่งที่อุตสาหกรรมแฟชั่นสร้างผลกระทบให้กับธรรมชาติ ก็คือ “มลพิษทางน้ำ”
ซึ่งทางแบรนด์ Shaka เอง ก็คำนึงถึงผลเสียในตรงนั้นตลอดมา จึงได้จัดกระบวนการบำบัดน้ำเสียอย่างจริงจังมามากกว่า 30 ปี
และแน่นอนว่า การตัดเย็บเสื้อผ้าในแต่ละครั้ง จะต้องเหลือเศษผ้าจำนวนมาก
ซึ่งทางแบรนด์ก็ไม่อยากทิ้งเศษผ้าเหล่านั้นให้ดูสูญค่าหรือเป็นขยะ
จึงนำมาต่อยอดและดีไซน์เป็นของ “พรีเมียม” เช่น กระเป๋า เพื่อเป็นของขวัญแทนใจให้กับลูกค้า
รวมทั้งยังออกแบบถุงชอปปิงหรือถุงผ้าให้กับลูกค้าที่มาซื้อเสื้อผ้า
ซึ่งหากลูกค้าพกถุงใบนี้กลับมามาซื้อสินค้าอีกครั้ง ก็จะได้รับส่วนลดอีกด้วย
ถือว่าเป็นตัวช่วยส่งเสริมการลดใช้ถุงพลาสติกอีกทางหนึ่ง
หลายคนมักคิดว่า การนำผ้าที่ถูกใช้แล้วกลับมาเนรมิตใหม่
จะสามารถลดค่าใช้จ่ายในการผลิตได้เพราะมีต้นทุนที่ถูกกว่า
แต่จริงๆ แล้วการนำเสื้อผ้าเก่ามาพัฒนาและดีไซน์ใหม่ หรือที่เรียกว่า “Upcycling”
มีค่าใช้จ่ายสูงไม่ต่างไปกับการผลิตสินค้าชิ้นใหม่เลย
เพราะทางแบรนด์ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายไปกับกระบวนการวิจัยและพัฒนาสินค้า
ในการสร้างสรรค์แพตเทิร์น เลือกวัสดุ และดีไซน์การตัดเย็บ
เสมือนเป็นการชุบชีวิตผ้าเหลือใช้ให้มีประโยชน์อีกครั้ง
ถึงแม้ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาสินค้าจะราคาไม่ต่างกัน
แต่เสื้อผ้าที่พัฒนามาจากการ Upcycling จะสามารถลดขยะ และทำลายทำธรรมชาติน้อยกว่าการผลิตสินค้าใหม่ทั้งหมดกว่าเท่าตัว
และการทำอุตสาหกรรมแฟชั่นที่ยั่งยืนของแบรนด์ Shaka
ไม่ได้หมายถึง การให้ความสำคัญกับทรัพยากรธรรมชาติเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
แต่มันรวมไปถึงการรักษา “บุคคลากร” ในองค์กร ด้วยเช่นกัน
ปัจจุบันบริษัทมีพนักงานทั้งหมดเกือบ 400 คน
ที่ส่วนใหญ่อยู่มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งแบรนด์ หรือมีอายุงานไม่ต่ำกว่า 10 ปี
ซึ่งเหตุผลที่ทำให้แบรนด์ Shaka สามารถรักษาพนักงานไว้ได้อย่างยาวนาน นั่นก็คือ “ความเอาใจใส่”
นอกจากสวัสดิการทั่วไป อย่างสภาพแวดล้อมที่ดีบรรยากาศร่มรื่นและอาหารกลางวันแล้ว
คุณปลายังสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ “รวมใจเป็นหนึ่งเดียว” เสมือนทุกคนคือครอบครัวเดียวกัน
ยกตัวอย่างเช่น พนักงานเกินครึ่งของบริษัท เป็นผู้หญิงที่มาจากต่างวังหวัด
ทำให้หลายคนต้องห่างจากครอบครัว และบางคนก็มีลูกที่อายุยังน้อย
คุณปลาจึงได้สร้างสรรค์ ศูนย์ “เนอสเซอรี” สำหรับเลี้ยงเด็ก ๆ ไว้ที่บริษัท
เพื่อให้พนักงานไม่ต้องห่วงลูกเวลาทำงานที่บริษัท
และ “การสร้างกำลังใจ” ให้กับพนักงานก็สำคัญไม่แพ้กัน
มีครั้งหนึ่ง ที่ลูกค้าโทรเข้ามาหาคุณปลาโดยตรง
เพื่อกล่าวชื่นชมผลงานของช่างตัดเย็บในความปราณีต
คุณปลาก็รีบนำคำชมเหล่านี้ ไปส่งต่อกับทีมงานและช่างตัดเย็บทุกคน เพื่อให้พวกเขาได้รับรู้ว่างานของพวกเขามีคนรักและชื่นชอบมากแค่ไหน
ซึ่งนี้ก็สามารถเป็นแรงผลักดันให้พนักงานผลิตผลงานที่มีคุณภาพจากใจจริง
นอกจากฝีมือการตัดเย็บของทีมงานเบื้องหลังแล้ว
ทีมงานเบื้องหน้าอย่างพนักงานขายหน้าร้าน ก็มีการบริการที่น่าประทับใจไม่แพ้กัน
ซึ่งทีมงานทุกคนสามารถให้คำแนะนำสินค้า และเป็นสไตลิสให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี
และยังจดจำรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ว่าลูกค้าชอบเสื้อสไตล์ไหนอีกด้วย
มากไปกว่านั้นยังมี “การบริการหลังการขาย” ที่ใส่ใจลูกค้า
หากสินค้าที่ซื้อไปไม่พอดี หรือมีส่วนให้ต้องการที่จะแก้ไข
ทางบริษัทจะมีบริการแก้ทรงให้ฟรี รวมทั้งยังบริการจัดส่งสินค้าถึงมือลูกค้า
พร้อมกับพนักงานที่สามารถให้คำแนะนำลูกค้าอีกด้วย
ซึ่งทั้งหมดนี้ ก็คือกับคำตอบที่ทำไมแบรนด์ Shaka อยู่มาได้ยาวนานถึง 20 ปี
พร้อมทั้งยังเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ไทย ที่เป็นกำลังสำคัญเล็ก ๆ
ในการสร้างอุตสาหกรรมแฟชั่นอย่างยั่งยืน
Reference
-สัมภาษณ์ตรงกับคุณลลิษณัลล์ ขะมาลา หรือ คุณปลา
กรรมการผู้จัดการ บริษัท Y.M.F International (Thai) Co.,Ltd
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.