
FoodHealth & BeautyBusiness
กรณีศึกษา การทำสิ่งที่คนไม่ชอบ ให้กลายเป็นสินค้าขายดี ของแบรนด์ Hooray!
19 มี.ค. 2021
กรณีศึกษา การทำสิ่งที่คนไม่ชอบ ให้กลายเป็นสินค้าขายดี ของแบรนด์ Hooray! /โดย ลงทุนเกิร์ล
ในวันนี้ เราอาจได้เห็นแบรนด์นมเสริมโปรตีน จนเต็มชั้นวางสินค้า
แต่รู้หรือไม่ว่า แบรนด์แรก ที่เริ่มวางขายในไทย เป็นแบรนด์สัญชาติไทย ที่เริ่มต้นจากฟิตเนสเล็ก ๆ
แต่รู้หรือไม่ว่า แบรนด์แรก ที่เริ่มวางขายในไทย เป็นแบรนด์สัญชาติไทย ที่เริ่มต้นจากฟิตเนสเล็ก ๆ
ซึ่งแบรนด์นั้นก็คือ Hooray! แบรนด์เครื่องดื่มประเภทฟังก์ชันนัล ดริงก์
หรือเครื่องดื่มที่เติมส่วนผสมอื่น ๆ เพื่อให้เราได้รับประโยชน์เพิ่มเติม เช่น โปรตีน และโพรไบโอติก
หรือเครื่องดื่มที่เติมส่วนผสมอื่น ๆ เพื่อให้เราได้รับประโยชน์เพิ่มเติม เช่น โปรตีน และโพรไบโอติก
ลงทุนเกิร์ลได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณเจน หรือคุณชัชณี พฤกษ์ศลานันท์
หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ “Hooray!” ซึ่งได้ส่งเคสธุรกิจนี้เข้ามาทางเพจ
หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ “Hooray!” ซึ่งได้ส่งเคสธุรกิจนี้เข้ามาทางเพจ
แล้วเรื่องราวของ Hooray! น่าสนใจอย่างไร? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
แบรนด์ Hooray! ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว
โดยสองสามีภรรยาผู้รักสุขภาพ ซึ่งก็คือ คุณเจน ชัชณี พฤกษ์ศลานันท์ และคุณต้น วงษ์เดช เอี่ยวสานุรักษ์
โดยสองสามีภรรยาผู้รักสุขภาพ ซึ่งก็คือ คุณเจน ชัชณี พฤกษ์ศลานันท์ และคุณต้น วงษ์เดช เอี่ยวสานุรักษ์
ในขณะที่พวกเขากำลังทำธุรกิจฟิตเนสด้วยกัน ก็ได้ขายแพ็กเกจฟิตเนส พร้อมอาหาร 1 มื้อ
ซึ่งจะได้รับเวย์โปรตีนไปพร้อมกับเมนูอาหารในเซตด้วย
ซึ่งจะได้รับเวย์โปรตีนไปพร้อมกับเมนูอาหารในเซตด้วย
แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ ลูกค้าหลายคนรู้สึกว่าเวย์โปรตีน เป็นอะไรที่ทานยากมาก
โดยเฉพาะเรื่องของรสชาติ และความยุ่งยากในการทาน ที่ต้องมาผสมเอง
โดยเฉพาะเรื่องของรสชาติ และความยุ่งยากในการทาน ที่ต้องมาผสมเอง
สุดท้าย ลูกค้าหลายคนก็เลือกที่จะไม่ทาน ทั้ง ๆ ที่จ่ายเงินไปแล้วก็ตาม
ดังนั้นผู้ก่อตั้งทั้งสอง จึงเกิดความคิดที่อยากจะแก้ปัญหานี้ ด้วยการผลิต “นมโปรตีนสูงแบบพร้อมดื่ม” แต่รสชาติดี
ที่สำคัญ คือ ต้องคำนึงถึงสุขภาพของลูกค้าจริง ๆ ไม่ใช่รสชาติหวานอร่อย แต่ปริมาณน้ำตาลสูง
พวกเขาจึงได้ชักชวนคุณเอก พฤกษ์ศลานันท์
ซึ่งเป็นน้องชายของคุณเจนให้เข้ามาร่วมทำธุรกิจใหม่ด้วยกัน
ซึ่งเป็นน้องชายของคุณเจนให้เข้ามาร่วมทำธุรกิจใหม่ด้วยกัน
หลังจากนั้น พวกเขาก็ได้เริ่มตามหานักวิชาการในไทยที่จะมาช่วยวิจัยและพัฒนาสินค้าให้กับพวกเขา
แต่ก็ยังไม่มีใครตอบตกลง จนทำให้พวกเขาต้องหันไปติดต่อองค์กร U.S. Dairy ที่สหรัฐอเมริกา
และได้สูตรออกมาเป็น นมโปรตีนสูง ที่รสชาติอร่อย และดีต่อสุขภาพ
แต่ก็ยังไม่มีใครตอบตกลง จนทำให้พวกเขาต้องหันไปติดต่อองค์กร U.S. Dairy ที่สหรัฐอเมริกา
และได้สูตรออกมาเป็น นมโปรตีนสูง ที่รสชาติอร่อย และดีต่อสุขภาพ
โดยทางแบรนด์จะพยายามหลีกเลี่ยงการใส่น้ำตาลในปริมาณเยอะ ๆ ลงไปในสินค้า และหาทางเลือกอื่นที่ให้ความหวาน ที่ดีต่อสุขภาพ เช่น น้ำตาลมะพร้าว และสารให้ความหวาน
ในขณะเดียวกันพวกเขายังให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าผู้หญิง
เพราะมองว่าตลาดเวย์โปรตีนในสมัย 5-6 ปีที่แล้ว
ส่วนใหญ่มักจะทำการตลาด และภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เจาะกลุ่มลูกค้าผู้ชาย นักเพาะกาย และกลุ่มคนที่ออกกำลังกายจริงจังเป็นหลัก
ส่วนใหญ่มักจะทำการตลาด และภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เจาะกลุ่มลูกค้าผู้ชาย นักเพาะกาย และกลุ่มคนที่ออกกำลังกายจริงจังเป็นหลัก
แต่จริง ๆ แล้วก็มีลูกค้าผู้หญิง และคนทั่ว ๆ ไป ที่สนใจสินค้าแนวนี้ก็มีไม่น้อยเลยทีเดียว
ดังนั้น พวกเขาจึงพยายามวางภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูเป็น Unisex
เพื่อให้เข้าถึงคนได้หลากหลายกลุ่มมากขึ้น
ดังนั้น พวกเขาจึงพยายามวางภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูเป็น Unisex
เพื่อให้เข้าถึงคนได้หลากหลายกลุ่มมากขึ้น
เมื่อทุกอย่างประกอบร่างเข้าด้วยกัน ในที่สุดแบรนด์ Hooray! ก็ได้เกิดขึ้น
และกลายเป็นแบรนด์นมเสริมโปรตีน “แบรนด์แรกในไทย” อีกด้วย
และกลายเป็นแบรนด์นมเสริมโปรตีน “แบรนด์แรกในไทย” อีกด้วย
โดยสินค้าตัวแรกที่วางขายก็คือ Hooray! Better Shake ซึ่งมีปริมาณโปรตีนอยู่ที่ 27-29 กรัม
ซึ่งมีปริมาณโปรตีน มากกว่านมทั่ว ๆ ไป ถึง 5 เท่า
ซึ่งมีปริมาณโปรตีน มากกว่านมทั่ว ๆ ไป ถึง 5 เท่า
ที่น่าสนใจ คือ ในช่วงแรก ๆ ที่ Hooray! เปิดตัว ยังเป็นช่วงเดียวกับที่งานมาราธอน กำลังเป็นกระแส
Hooray! จึงเริ่มทำการตลาดด้วยการออกบูท และแจกสินค้าให้ผู้เข้าร่วมงานทุกคนได้ลองดื่มฟรี
Hooray! จึงเริ่มทำการตลาดด้วยการออกบูท และแจกสินค้าให้ผู้เข้าร่วมงานทุกคนได้ลองดื่มฟรี
เมื่อคนรู้สึกว่า นมเสริมโปรตีนจากแบรนด์ Hooray! รสชาติแตกต่างจากที่เคยทาน
ทำให้มีลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าเป็นจำนวนมาก และยังช่วยสร้างการจดจำแบรนด์ไปในตัวได้อีกด้วย
ทำให้มีลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าเป็นจำนวนมาก และยังช่วยสร้างการจดจำแบรนด์ไปในตัวได้อีกด้วย
ซึ่งผลตอบรับหลังจากการทำการตลาดแบบนี้
ทำให้ในปีแรกที่เปิดตัว ยอดขายของ Hooray! ขึ้นไปสูงถึง 300,000 ขวดต่อเดือน
ทำให้ในปีแรกที่เปิดตัว ยอดขายของ Hooray! ขึ้นไปสูงถึง 300,000 ขวดต่อเดือน
โดยยอดขายกว่า 80% ของ Hooray! จะมาจากการวางขายสินค้าในโมเดิร์นเทรด
ส่วนอีก 20% จะมาจากการวางขายสินค้าตามฟิตเนส
ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความต้องการในการบริโภคโปรตีนเป็นประจำอยู่แล้ว
ส่วนอีก 20% จะมาจากการวางขายสินค้าตามฟิตเนส
ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความต้องการในการบริโภคโปรตีนเป็นประจำอยู่แล้ว
ปัจจุบัน Hooray! ขยายผลิตภัณฑ์เพิ่มถึง 3 กลุ่ม ได้แก่
-กลุ่มโปรตีน เช่น นมโปรตีนสูง และน้ำผลไม้เวย์โปรตีน
-กลุ่มโพรไบโอติก เช่น อัลมอนด์โยเกิร์ต
-กลุ่ม Plant-Based เช่น นมเฮเซลนัต และนมอัลมอนด์
-กลุ่มโปรตีน เช่น นมโปรตีนสูง และน้ำผลไม้เวย์โปรตีน
-กลุ่มโพรไบโอติก เช่น อัลมอนด์โยเกิร์ต
-กลุ่ม Plant-Based เช่น นมเฮเซลนัต และนมอัลมอนด์
อีกเรื่องที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ Hooray! มักจะ “โฟกัสสินค้าทีละตัว” และปล่อยสินค้าใหม่ออกมาไม่ถี่มาก
แม้ว่าจะเปิดตัวมาแล้วถึง 5 ปี แต่ Hooray! กลับมีสินค้าที่วางขายสินค้าอยู่เพียง 6 แบบเท่านั้น
เหตุผลที่ทางแบรนด์เลือกทำแบบนี้ก็เพราะต้องการให้เวลากับการพัฒนาสินค้าแต่ละตัวอย่างจริงจัง
ซึ่งตลอดเวลาที่สร้างแบรนด์มา ทาง Hooray! ได้ใช้เงินสำหรับการวิจัย และพัฒนาสินค้าไปแล้วกว่าสิบล้านบาทแล้ว
นอกจากนี้ ทางแบรนด์ยังต้องการเก็บฟีดแบ็กของสินค้าที่เพิ่งวางขาย จากลูกค้าให้นานขึ้น
ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้แบรนด์ Hooray! รับรู้ว่าลูกค้าชอบ หรือไม่ชอบอะไร
แล้วนำกลับมาพัฒนาสินค้าตัวถัดไปให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้มากขึ้น
ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้แบรนด์ Hooray! รับรู้ว่าลูกค้าชอบ หรือไม่ชอบอะไร
แล้วนำกลับมาพัฒนาสินค้าตัวถัดไปให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้มากขึ้น
ต่างจากแบรนด์เลือกที่จะปล่อยสินค้าออกมาแทบทุกช่วงเทศกาล
เพื่อสร้างความตื่นเต้น และความสดใหม่ให้กับแบรนด์อยู่ตลอด
เพื่อสร้างความตื่นเต้น และความสดใหม่ให้กับแบรนด์อยู่ตลอด
เรียกได้ว่า Hooray! เลือกทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับคนอื่น
โดยพวกเขาไม่สนใจว่า ปีนี้จะต้องวางขายสินค้าใหม่กี่ชิ้น
แต่สนใจว่าแค่เพียงคุณภาพของสินค้า
โดยพวกเขาไม่สนใจว่า ปีนี้จะต้องวางขายสินค้าใหม่กี่ชิ้น
แต่สนใจว่าแค่เพียงคุณภาพของสินค้า
เพราะสุดท้ายแล้ว ลูกค้าอาจไม่ได้ต้องการอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ แต่อาจต้องการแค่สินค้าที่พวกเขาจะซื้อไปแล้วไม่ผิดหวัง..
Reference:
- สัมภาษณ์ตรงกับคุณเจน ผู้ร่วมก่อตั้ง Hooray!
- สัมภาษณ์ตรงกับคุณเจน ผู้ร่วมก่อตั้ง Hooray!
Tag:Hooray