COFFEELISM แบรนด์กาแฟ ที่อยากพลิกวงการเกษตรกรรม
FoodBusiness

COFFEELISM แบรนด์กาแฟ ที่อยากพลิกวงการเกษตรกรรม

8 เม.ย. 2021
COFFEELISM แบรนด์กาแฟ ที่อยากพลิกวงการเกษตรกรรม /โดย ลงทุนเกิร์ล 
เวลาพูดถึงกาแฟรสชาติดี มักจะมีการต่อท้ายว่า “นำเข้ามาจากต่างประเทศ”
แต่จริง ๆ แล้ว กาแฟที่ดี ก็มาจากเมล็ดพันธุ์ของไทยได้เช่นกัน
ซึ่งที่คนไม่ค่อยรู้เรื่องนี้ น่าจะเป็นเพราะเมล็ดกาแฟดี ๆ ไม่เคยได้ส่งตรงจากผู้ผลิตสู่มือผู้บริโภค
แต่ต้องผ่านตัวแปรอย่าง “พ่อค้าคนกลาง” ที่มักจะกดราคาเกษตรกร 
ซึ่งมีส่วนทำให้เมล็ดกาแฟไทยด้อยคุณภาพลง
วันนี้ลงทุนเกิร์ลได้มีโอกาสคุยกับคุณกันตพัฌน์ ทับทิมธงไชย หรือคุณทราย 
เจ้าของและผู้ก่อตั้งร้าน COFFEELISM ที่ได้ส่งเคสธุรกิจเข้ามา 
โดย COFFEELISM เป็นร้านที่ตั้งใจก่อตั้งมาเพื่อ ต่อสู้กับความไม่เป็นธรรมของเกษตรกร
ที่เริ่มจากร้านกาแฟสแตนด์อโลนเล็ก ๆ สู่ร้านกาแฟที่มีมากถึง 11 สาขาในเวลา 4 ปี
แล้วร้าน COFFEELISM จะเข้ามาช่วยเกษตรกรอย่างไร ? 
และทำไมถึงขยายร้านได้อย่างรวดเร็ว ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง 
ก่อนที่คุณทรายจะเปิดร้านกาแฟที่มีเป้าหมายยิ่งใหญ่อย่างนี้ 
เธอเป็นเพียงดีไซเนอร์ ที่ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ 
ย้อนกลับไปเมื่อ 7 ปีก่อน ตอนที่คุณทรายทำงานในวงการดีไซเนอร์ 
เธอเดินทางบ่อยมาก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อหาแรงบันดาลใจ 
และเนื่องจากเธอชอบดื่มกาแฟ ทำให้เธอมักจะคอยเสาะหากาแฟดื่มในทุก ๆ ครั้ง
ทำให้เธอได้มีโอกาสลิ้มลองกาแฟจากหลาย ๆ แหล่ง 
ซึ่งเรื่องนี้ก็ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการดื่มกาแฟของเธอ
เพราะ ณ ตอนนั้น กาแฟที่มีลักษณะพิเศษแบบนี้ ยังไม่แพร่หลายในประเทศไทยมากนัก 
ทำให้เธอสงสัยว่า ทำไมประเทศไทยไม่มีกาแฟดี ๆ แบบนี้บ้าง ?
และความสงสัยนี้เอง กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการศึกษาเกี่ยวกับกาแฟอย่างจริงจัง
จนสามารถได้ใบรับรอง Q Arabica Grader หรือ “นักชิมกาแฟ” จากสถาบันกาแฟของสหรัฐฯ
ในขณะที่คุณทรายเริ่มค้นคว้าเรื่องราวของกาแฟ เธอก็ได้พบปะผู้คนมากมาย 
ทั้งคนที่เป็นคอกาแฟเหมือนกัน รวมถึงได้พูดคุยกับเกษตรกรที่ปลูกกาแฟบนดอย
เธอพบว่า จริง ๆ แล้วเมล็ดกาแฟของไทยก็คุณภาพดีไม่แพ้กับต่างชาติ
เพียงแต่ว่าเกษตรกรเหล่านี้มักถูกเอาเปรียบ ทำให้ขาดกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน
เมื่อเรื่องเป็นแบบนี้ คุณทรายจึงอยากพัฒนาวงการกาแฟของไทย
รวมทั้งช่วยเหลือเกษตรกรให้มีรายได้ที่ยั่งยืน
โดยชุมชนที่เธอเข้าไปช่วยพัฒนานั้น คือชุมชนเล็ก ๆ บนดอยผาตั้ง จังหวัดเชียงราย
ซึ่งเป็นชุมชนที่มีเพียงไร่กาแฟเล็ก ๆ เท่านั้น 
ส่งผลให้พวกเขาต้องขายเมล็ดกาแฟผ่านพ่อค้าคนกลางเป็นหลัก
ซึ่งการเข้าไปช่วยพัฒนาชุมชนของคุณทราย ก็ไม่ได้ให้แค่ความรู้ในการเพาะปลูกเท่านั้น แต่ยังลงลึกไปถึงด้านวัตถุดิบ เช่น การจัดหาโรงงานที่ขายปุ๋ยที่ดีในราคาถูก เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิต
จนเกษตรกรสามารถปลูกเมล็ดกาแฟคุณภาพดีได้อย่างสม่ำเสมอ
รวมทั้งมีหลากหลายสายพันธุ์ ที่เพียงพอสำหรับการขายในราคาสูงได้
แต่ผลกลับกลายเป็นว่า เกษตรกรก็คงขายเมล็ดกาแฟได้ในราคาที่แทบจะไม่ได้กำไรอยู่ดี
เนื่องจากต้นตอของปัญหาอยู่ที่ การกดราคาของพ่อค้าคนกลาง
คุณทรายจึงอยากแก้ปัญหาการค้าที่ไม่เป็นธรรม 
โดยการเป็นตัวกลางที่จะนำวัตถุดิบของคนบนดอย ลงมาสู่ตลาดเสียเอง 
เมื่อตัดสินใจได้ดังนั้น ในปี 2559 ร้านกาแฟ COFFEELISM ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น
โดยชูจุดเด่นอยู่ที่การนำเสนอว่ากาแฟของคนไทย ก็ดีไม่แพ้ของนำเข้าเลย
และเมล็ดกาแฟทั้งหมดในร้าน ยังเป็นการรับซื้อจากเกษตรกรโดยตรง 
ทำให้คุณทรายรับหน้าที่พัฒนากาแฟมาตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
รวมทั้งยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ในการสร้างรายได้หมุนเวียนให้กับชุมชน
เพราะกระบวนการผลิตใช้แรงงานของคนเป็นหลัก ตั้งแต่การคัดเมล็ดบนดอย ไปจนโรงงานคั่วกาแฟ 
ซึ่งก่อนที่คุณทรายจะเข้าไปร่วมพัฒนา เกษตรกรส่วนใหญ่มักต้องเน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ
เก็บผลผลิตเยอะ ๆ ทั้งที่เมล็ดกาแฟบางตัวยังไม่สุกดี 
ด้วยเหตุผลที่ว่ายิ่งขายเมล็ดกาแฟได้มากเท่าไร เกษตรกรก็จะยิ่งได้เงินมากเท่านั้น 
แต่นั่นเป็นวิธีที่ผิด เพราะวัตถุดิบเหล่านี้ทำให้กาแฟมีรสฝาดและไม่อร่อย
COFFEELISM จึงหันมาเน้นที่คุณภาพ 
คัดเลือกแต่เมล็ดที่มีความสุกพอดีตรงตามมาตรฐานเท่านั้น
นอกจากนั้นทุกกระบวนการผลิตกาแฟยังใช้แรงงานคน 
อย่างเช่น ขั้นตอนการตากแห้งเมล็ดกาแฟ ก็ต้องพลิกเมล็ดกาแฟเพื่อตรวจเช็กทุก ๆ 2 ชั่วโมง
ถึงแม้ว่าการใช้แรงงานคนในทุกขั้นตอน จะต้องมีต้นทุนที่สูงกว่าการใช้เครื่องจักร 
แต่คุณทรายก็พร้อมที่จะจ่ายเพื่อให้คนในชุมชนมีรายได้ที่มากขึ้น
ด้วยกระบวนการที่ละเอียดอ่อนนี้ ทำให้ไร่กาแฟของเธอสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ดี ที่ได้การันตีว่าเป็นเมล็ดกาแฟระดับ “Specialty” อีกด้วย
แต่ที่น่าสนใจคือ กาแฟของร้าน COFFEELISM กลับไม่ได้เป็นรสชาติที่ทานยาก
เพราะเธอได้ผสมผสานออกมาตรงตามรสชาติที่คนไทยชอบ
นอกจากนั้น ร้าน COFFEELISM ยังขายในราคาแก้วละไม่ถึงร้อยบาท
ทั้งที่ปกติแล้ว กาแฟเกรด Specialty มักจะขายในราคาที่ค่อนข้างสูง
เพราะหัวใจของร้าน COFFEELISM คือ การส่งต่อกาแฟคุณภาพดีที่ปลูกโดยคนไทย ให้คนไทยได้ดื่ม ในราคาที่จับต้องได้
โดยสาขาแรกของ COFFEELISM คุณทรายเลือกเปิดเป็นร้านเล็ก ๆ อยู่แถวสาทร
ที่มีลูกค้าหลักเป็นพนักงานออฟฟิศ จึงเน้นให้บริการเป็นแบบ “Grab and Go” เสียส่วนใหญ่ 
และต่อมาได้เพิ่มช่องทางการจัดส่งแบบดิลิเวอรีไปตามออฟฟิศต่าง ๆ 
ผ่านพนักงานของเธอเอง เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้ลูกค้า
ซึ่งผลตอบรับก็ดีตามคาด เพราะเป็นกาแฟที่ทานง่ายและมีราคาจับต้องได้
จนปัจจุบันเธอสามารถขยายสาขาไปถึง 11 สาขา ภายในระยะเวลาเพียง 4 ปีเท่านั้น 
แต่เมื่อปีที่ผ่านมา ทางร้านก็ต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายครั้งใหญ่ จาก โควิด 19
ทำให้ร้าน COFFEELISM ที่มีสาขาอยู่ในห้างได้รับผลกระทบเต็ม ๆ
เพราะไม่สามารถเปิดทำการได้อย่างปกติ ทำให้เธอขาดรายได้ตรงส่วนนั้นเกือบ 80%
แล้วคุณทรายและ COFFEELISM จัดการกับเรื่องนี้อย่างไร ?
ประเด็นสำคัญ ก็คือ การบริหารคนในองค์กร 
คุณทรายมองว่าพนักงานและเกษตรกร คือแขนขาของร้านที่ต้องรักษาไว้ให้ดีที่สุด
ทำให้ช่วงวิกฤติ เธอไม่มีการปลดพนักงานออก แต่ปรับเปลี่ยนแผนธุรกิจแทน
โดยเปลี่ยนให้พนักงานที่ประจำอยู่ในห้าง มาเป็นพนักงานดิลิเวอรี
ซึ่งจริง ๆ ทาง COFFEELISM ก็มีการส่งดิลิเวอรีด้วยตัวเองอยู่แล้ว 
ทำให้ไม่ต้องใช้บริการจาก Food Delivery เจ้าอื่น 
และเปลี่ยนมาแบ่งกำไรในการส่งกว่า 10% ให้พนักงานแทน
นอกจากนั้น อีกผลกระทบจากโรคระบาด คือ เรื่องการขนส่ง
ทำให้เกษตรกรบนดอยไม่สามารถส่งเมล็ดกาแฟลงมาได้ 
แต่คุณทรายก็ยังรับซื้อเมล็ดกาแฟตลอดทั้งปี เพื่อต่อลมหายใจของเกษตรกร 
อ่านมาถึงตรงนี้ ก็คงจะเห็นแล้วว่าทำไมกาแฟร้าน COFFEELISM ถึงประสบความสำเร็จ
เพราะนอกจากจะผลิตกาแฟที่ดีตั้งแต่เริ่มแล้ว ยังเป็นองค์กรที่ใส่ใจทั้งพนักงานและลูกค้าอีกด้วย
ซึ่งปัจจุบันร้าน COFFEELISM ก็ยังไม่หยุดพัฒนา
โดยกำลังสร้างแพลตฟอร์มดิลิเวอรีของตัวเอง 
เพื่อให้มีความสมบูรณ์ 100% ทั้งด้านความรวดเร็วและคุณภาพของสินค้า
ถือว่าเป็นอีกการต่อยอดที่น่าสนใจเลยทีเดียว...
Reference:
-สัมภาษณ์ตรงกับคุณกันตพัฌน์ ทับทิมธงไชย หรือคุณทราย เจ้าของและผู้ก่อตั้ง COFFEELISM
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.