ชีวิตที่ขีดกรอบความสุขตัวเองได้ ของโปรเหมียว สาวน้อยมหัศจรรย์แห่งวงการกอล์ฟ
Inspiration

ชีวิตที่ขีดกรอบความสุขตัวเองได้ ของโปรเหมียว สาวน้อยมหัศจรรย์แห่งวงการกอล์ฟ

23 เม.ย. 2021
“ความสำเร็จในวันนี้ พรุ่งนี้มันก็คืออดีต เราควรปล่อยวางและทิ้งมันไป”
เป็นคำสอนของคุณธนธัช คุณพ่อน้องเหมียว-ปภังกร ธวัชธนกิจ
สาวน้อยตัวเล็กวัย 21 ปีที่เพิ่งคว้าแชมป์ ANA Inspiration พร้อมเงินรางวัล 14.5 ล้านบาท
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ก็ไม่แปลกที่เมื่อเราเห็นน้องเหมียวให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ เธอจะดูอ่อนน้อมถ่อมตน
พร้อมกับบอกว่า “ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมายืนอยู่บนจุดนี้”
ตรงกันข้ามเธอกลับบอกว่าเป้าหมายต่อจากนี้
ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นแชมป์เมเจอร์กอล์ฟระดับโลก แล้วจะต้องยึดติดกับความสำเร็จตรงนี้
เพราะเป้าหมายต่อไปไม่ใช่แชมป์รายการไหน
แต่มันคือการ “พัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อย ๆ”
นับเป็นเรื่องหักมุมเลยทีเดียว เพราะสิ่งที่เรามักได้ยินบ่อยครั้ง
เมื่อนักกีฬาคนหนึ่งประสบความสำเร็จก็จะตั้งเป้าหมายไปที่ แชมป์รายการที่สูงและใหญ่กว่า
“ผมสอนลูกเสมอ หากเรารู้จักตัวเอง และไม่หยุดพัฒนา เดี๋ยวความสำเร็จมันก็มาของมันเอง”
พอได้ยินแบบนี้ จากแรก ๆ ลงทุนเกิร์ลคิดจะใช้เวลาไม่นานในการสัมภาษณ์
กลับกลายเป็นว่าเราสนทนากับคุณพ่อน้องเหมียวนานเกือบ 1 ชั่วโมงเต็ม
เป็น 1 ชั่วโมงที่ทำให้รู้ว่า “ความสำเร็จ มันไม่มีคำว่าฟลุก”
และลงทุนเกิร์ลจะมาสรุปบทสนทนานี้ให้ฟัง
นับเป็นเรื่องราวชีวิตนักกีฬาคนหนึ่งที่มีครบทุกอรรถรส
โปรเหมียว เป็นลูกสาวคนเดียวของคุณธนธัชและคุณทิพยรัตน์ โดยฐานะที่บ้านก็ปานกลาง
แต่ในสิ่งที่บ้านหลังเล็ก ๆ หลังนี้มีก็คือ อุปกรณ์กีฬาหลากหลายชนิด
แล้วเชื่อหรือไม่ว่าตอนเด็ก ๆ โปรเหมียวหยิบเล่นทุกอย่าง
ไม่ว่าจะเป็น ลูกบาสเกตบอล เทนนิส ไปจนถึง “ไม้กอล์ฟ”
ทีนี้หลายคนคงสงสัยว่าทำไมเด็กน้อยที่ชื่อ เหมียว ถึงเลือกจะจับไม้กอล์ฟจริงจัง
พร้อมกับทิ้งอุปกรณ์กีฬาอื่น ๆ จนมาคว้าแชมป์ ANA Inspiration
“คุณเคยได้ยินคำว่า เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ไหม”
เป็นคำตอบสั้น ๆ ของคุณพ่อน้องเหมียว..
คุณพ่อเล่าว่าเป็นคนชอบดูกีฬาหลายประเภท แล้วหนึ่งในนั้นก็คือการแข่งขันกอล์ฟ
“บ่อยครั้งที่น้องเขามานั่งดูด้วยและก็เห็น ไทเกอร์ วูดส์ บนจอทีวี พร้อมกับบอกว่าผู้ชายคนนี้เท่จัง”
แล้วความเท่ของ ไทเกอร์ วูดส์ ก็เป็นเสมือนไอดอลที่สร้างแรงบันดาลใจให้เธอ
พร้อมกับบอกกับคุณพ่อว่า “หนูอยากจะหัดตีกอล์ฟจริงจัง”
คำว่า “จริงจัง” ในตอนนั้นคุณพ่อบอกว่าไม่ได้คิดสร้างความฝันยิ่งใหญ่
“ว่าลูกสาวฉันต้องเป็นโปรกอล์ฟระดับประเทศ แค่เห็นลูกมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองเลือกก็โอเค”
ด้วยคำว่า “ความสุข” ของลูก คุณพ่อก็ได้สอนเทคนิคการตีกอล์ฟ
พร้อมกับพาไปเรียนรู้กับโปรกอล์ฟต่าง ๆ ที่คุณพ่อรู้จัก
ซึ่งตอนนั้นเธออายุได้ประมาณ 8-10 ขวบ และด้วยการมีพรสวรรค์ที่หลบซ่อนอยู่
เมื่อบวกกับการได้ฝึกฝนกับโปรกอล์ฟหลายคน เธอเลยมีพัฒนาการแบบก้าวกระโดด
พร้อมกับเวลานั้นเธอก็ไปตระเวนแข่งขันกอล์ฟเยาวชน ชนะบ้างแพ้บ้างสลับกันไป
คุณพ่อบอกว่าตอนนั้น น้องก็ไม่ได้ซ้อมหนักเท่ากับตอนที่จะตัดสินใจเล่นกอล์ฟเป็นอาชีพ
แล้ว “จุดเปลี่ยน” ในชีวิตก็เกิดขึ้น เมื่อได้พบกับคุณสันติ ภิรมย์ภักดี บอสใหญ่ค่ายสิงห์ และ คุณรังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์ นายกสมาคมกีฬากอล์ฟแห่งประเทศไทยฯ
“คุณสันติไม่ได้บอกเหตุผลว่า ทำไมถึงเลือกที่จะเป็นผู้สนับสนุนให้น้อง ท่านให้กำลังใจและบอกให้ลูกสาวผมตั้งใจเล่นให้ดีที่สุด
คุณสันติเชื่อว่าความสำเร็จของนักกีฬาไทยคนหนึ่ง
จะสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬารุ่นหลังได้อีกเป็นจำนวนมาก และด้วยการมีสิงห์เป็นผู้สนับสนุนทำให้ชีวิตการเป็นนักกีฬาอาชีพของเธอง่ายขึ้น”
ซึ่งในวันที่สิงห์ให้การสนับสนุน “โปรเหมียว” ตอนนั้นเธอมีอายุเพียงแค่ 12 ปี
และเมื่อเธอคว้าแชมป์ทั้งในและนอกประเทศมากขึ้นเรื่อย ๆ
สิ่งที่เธอคิดต่อมาก็คือการพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นกว่าเดิม
และการจะพัฒนาฝีมือการตีกอล์ฟให้เก่งกาจ จึงจำเป็นต้องไปเรียนที่สหรัฐอเมริกา
เรื่องนี้หลายคนอาจไม่รู้มาก่อนว่า หลายมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา
มีการพัฒนานักกีฬาที่เป็นระบบอย่างมืออาชีพ พร้อมกับสร้างนักกีฬาก้าวขึ้นสู่ระดับโลกมากมาย
อย่างเช่น ไทเกอร์ วูดส์ ก็เรียนที่สแตนฟอร์ด
จุดขาย ที่จะทำให้เธอได้ทุนไปเรียนในมหาวิทยาลัย
ก็คือถ้วยแชมป์กอล์ฟมากมาย บวกกับทักษะภาษาอังกฤษ
ที่ได้จากการเป็นนักเรียนทุนโรงเรียนนานาชาติในเมืองไทย
ซึ่งคุณพ่อบอกว่า การเป็นนักเรียนทุน ทำให้เซฟค่าใช้จ่ายได้เยอะมาก โดยเฉพาะค่าเทอม
สุดท้ายแล้วเธอก็ได้ทุนไปเรียนที่ UCLA ลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย
ซึ่งในช่วงเริ่มต้น เธอต้องปรับตัวหลาย ๆ อย่าง จนทำให้มีเรื่องกลุ้มใจพอสมควร
“ผมจะบอกเสมอว่า ตัวเราเองที่เป็นคนขีดเส้นกรอบความสุขของชีวิต ขอแค่รู้จักคำว่า ปล่อยวาง”
ซึ่งเธอเองก็น่าจะนำไปใช้ในชีวิตนักกีฬาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เมื่อเธอเริ่มกล้าแสดงออกและไม่ได้แคร์กับสิ่งที่จะส่งผลกระทบที่ทำให้ตัวเองทุกข์ใจ
เพื่อไปสู่เป้าหมายเดิมอย่างไม่เปลี่ยนแปลง ก็คือการ “พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ”
ก็เลยทำให้เธอขยันซ้อมอย่างหนัก
และมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เธอต้องดรอปเรียน เพื่อฝึกซ้อมเตรียมแข่งขันในรายการใหญ่
เธอจึงมาปรึกษาคุณพ่อ ว่าจะเอาอย่างไรดี
คำตอบที่ได้นั้นก็คือ “ชีวิตเป็นของเธอ เธอต้องเป็นคนเลือกเอง”
“ผมเลี้ยงลูกไร้กรอบ คือลูกอยากทำอะไรทำ ไม่เคยไปกำหนดอะไรเลย
ถ้าสมมติน้องจะก้าวเดินผิดพลาดไปบ้าง มันคือบทเรียนชีวิตที่หาไม่ได้จากห้องเรียนหรือสนามกอล์ฟ”
คุณพ่อโปรเหมียวขยายความต่อว่า เขาเห็นนักธุรกิจระดับโลกหรือนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จ
หลายคนเลยที่เคยผิดพลาดกับชีวิต
ยกตัวอย่าง ทอมัส เอดิสัน ที่คิดค้นหลอดไฟให้กับโลกใบนี้
เขาล้มเหลวจากการทดลองนับครั้งไม่ถ้วน กว่าจะสร้างหลอดไฟดวงแรกได้สำเร็จ
แล้วรู้ไหมคะว่าสิ่งหนึ่งที่ โปรเหมียว มีเหมือนกันกับ ทอมัส เอดิสัน คืออะไร ?
คำตอบก็คือ ความพยายามฝึกซ้อมตีกอล์ฟนับครั้งไม่ถ้วน
เป้าหมายสูงสุดอาจไม่ใช่แชมป์เมเจอร์รายการระดับโลก
แต่มันคือ การพัฒนาตัวเองอย่างไม่มีวันสิ้นสุด..
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.