
TechnologyInspiration
ใครคือเจ้าของ change.org
26 เม.ย. 2021
ใครคือเจ้าของ change.org /โดย ลงทุนเกิร์ล
เมื่อปัจจุบันเราเริ่มเห็นหลาย ๆ เครื่องมือ ที่จะทำให้เสียงของคนตัวเล็ก ๆ
ได้มีโอกาสสร้างแรงขับเคลื่อนให้เกิดขึ้นในสังคม
โดยหนึ่งในเว็บไซต์ ที่เข้ามามีบทบาทในเรื่องนี้ ก็คือ change.org
ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่คนทั่วไปสามารถเริ่มการรณรงค์ ระดมพลังสนับสนุน เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในสังคมได้
ได้มีโอกาสสร้างแรงขับเคลื่อนให้เกิดขึ้นในสังคม
โดยหนึ่งในเว็บไซต์ ที่เข้ามามีบทบาทในเรื่องนี้ ก็คือ change.org
ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่คนทั่วไปสามารถเริ่มการรณรงค์ ระดมพลังสนับสนุน เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในสังคมได้
แล้วรู้หรือไม่ว่า change.org เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
เว็บไซต์ change.org ก่อตั้งมาในปี 2007 โดยคุณ Ben Rattray
ซึ่งเขามีความตั้งใจที่อยากจะ “สร้างสมดุลอำนาจระหว่างคนทั่วไปและองค์กรขนาดใหญ่”
ซึ่งเขามีความตั้งใจที่อยากจะ “สร้างสมดุลอำนาจระหว่างคนทั่วไปและองค์กรขนาดใหญ่”
โดยวิธีการทำงานของ change.org ก็ง่ายแสนง่าย
เพียงเข้าไปในหน้าเว็บไซต์ แล้วกดปุ่ม “เริ่มเรื่องรณรงค์”
จากนั้นก็เลือกหัวข้อที่ตัวเองต้องการสร้างแคมเปน
แล้วตั้งหัวข้อที่ต้องการรณรงค์ พร้อมกรอกข้อมูลต่าง ๆ ที่ทางเว็บไซต์กำหนด
เพียงเข้าไปในหน้าเว็บไซต์ แล้วกดปุ่ม “เริ่มเรื่องรณรงค์”
จากนั้นก็เลือกหัวข้อที่ตัวเองต้องการสร้างแคมเปน
แล้วตั้งหัวข้อที่ต้องการรณรงค์ พร้อมกรอกข้อมูลต่าง ๆ ที่ทางเว็บไซต์กำหนด
เรื่องของเราก็จะขึ้นไปปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์
เพื่อให้คนอื่นสามารถเข้ามาร่วมลงชื่อแสดงความเห็นชอบกับเราได้แล้ว
เพื่อให้คนอื่นสามารถเข้ามาร่วมลงชื่อแสดงความเห็นชอบกับเราได้แล้ว
โดยหลังจากที่เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น change.org ก็เรียกได้ว่า
เป็นช่องทางที่ช่วยให้ปัญหาต่าง ๆ ทั่วโลกถูกมองเห็นมากขึ้น เช่น
เป็นช่องทางที่ช่วยให้ปัญหาต่าง ๆ ทั่วโลกถูกมองเห็นมากขึ้น เช่น
“การยกเลิกภาษีผ้าอนามัย” โดยเป็นการออกมารณรงค์ ให้รัฐบาลประเทศอังกฤษ
ย้ายการจัดกลุ่มสินค้าผ้าอนามัย ออกจากสินค้าฟุ่มเฟือย มาเป็นกลุ่มที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต
เพื่อเป็นการช่วยลดภาษีในการนำเข้าสินค้าผ้าอนามัยจากนอกประเทศ
ย้ายการจัดกลุ่มสินค้าผ้าอนามัย ออกจากสินค้าฟุ่มเฟือย มาเป็นกลุ่มที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต
เพื่อเป็นการช่วยลดภาษีในการนำเข้าสินค้าผ้าอนามัยจากนอกประเทศ
โดยแคมเปนนี้มีการลงชื่อไปทั้งสิ้นกว่า 320,000 คน
จนในวันที่ 1 มกราคม 2021 ที่ผ่านมา รัฐบาลอังกฤษก็ได้ประกาศยกเลิกภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ของผ้าอนามัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากเดิมที่เคยเก็บร้อยละ 5 ส่งผลให้ผ้าอนามัย มีราคาที่ถูกลง
นอกจากนั้นยังมีกรณีของ Bank of America ที่เคยมีการประกาศว่า
จะเรียกเก็บเงินจำนวน 5 เหรียญ (ประมาณ 150 บาท) ทุกเดือน สำหรับสิทธิพิเศษในการใช้บัตรเดบิต
จะเรียกเก็บเงินจำนวน 5 เหรียญ (ประมาณ 150 บาท) ทุกเดือน สำหรับสิทธิพิเศษในการใช้บัตรเดบิต
เรื่องนี้สร้างความไม่พอใจเป็นอย่างมากให้กับคุณ Molly Katchpole
ซึ่งในขณะนั้นเป็นเพียงนักศึกษาที่ทำงานพาร์ตไทม์
ซึ่งในขณะนั้นเป็นเพียงนักศึกษาที่ทำงานพาร์ตไทม์
เธอจึงได้สร้างแคมเปนบน change.org และมีผู้เข้าร่วมลงชื่อกว่า 300,000 คน
จนท้ายที่สุด Bank of America ก็ได้ออกมายกเลิกนโยบายนี้ไป
จนท้ายที่สุด Bank of America ก็ได้ออกมายกเลิกนโยบายนี้ไป
ซึ่งแคมเปนเหล่านี้ เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้นบน change.org เท่านั้น
โดยในปัจจุบัน change.org มีผู้ใช้งานกว่า 440 ล้านคน ใน 196 ประเทศทั่วโลก
และมีการรณรงค์กว่า 73,493 แคมเปน ที่เรียกร้องสำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยในปัจจุบัน change.org มีผู้ใช้งานกว่า 440 ล้านคน ใน 196 ประเทศทั่วโลก
และมีการรณรงค์กว่า 73,493 แคมเปน ที่เรียกร้องสำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่สงสัยหรือไม่คะว่า change.org อยู่รอดได้อย่างไร โดยที่ไม่เก็บค่าใช้จ่ายจากผู้ที่เข้ามาใช้บริการ ?
รายได้ส่วนหนึ่งของ change.org จะมาจากผู้ที่อยากสนับสนุนองค์กร
รวมถึงนักลงทุน ที่เข้ามาร่วมให้เงินสนับสนุนอีกหลายท่าน
รวมถึงนักลงทุน ที่เข้ามาร่วมให้เงินสนับสนุนอีกหลายท่าน
เช่น คุณ Arianna Huffington นักธุรกิจหญิง ผู้ก่อตั้ง HuffPost, คุณ Bill Gates ผู้ก่อตั้ง Microsoft
และคุณ Ashton Kutcher นักแสดงสัญชาติอเมริกัน
และคุณ Ashton Kutcher นักแสดงสัญชาติอเมริกัน
นอกจากนี้ change.org ยังมีการรับสมัครสมาชิกรายเดือน หรือแม้แต่การรับเงินโฆษณา
จากหน่วยงาน Nonprofit Organization (NPO) ต่าง ๆ ด้วย
จากหน่วยงาน Nonprofit Organization (NPO) ต่าง ๆ ด้วย
เรียกว่า change.org เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่น่าสนใจ
เพราะใครจะคิดว่าการสร้างเว็บไซต์ของคุณ Ben Rattray จะกลายเป็นพื้นที่
ที่รวบรวมคนหลายคนจากทั่วโลก
ให้กลายเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแรงขับเคลื่อนทางสังคมได้อย่างน่ามหัศจรรย์..
เพราะใครจะคิดว่าการสร้างเว็บไซต์ของคุณ Ben Rattray จะกลายเป็นพื้นที่
ที่รวบรวมคนหลายคนจากทั่วโลก
ให้กลายเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแรงขับเคลื่อนทางสังคมได้อย่างน่ามหัศจรรย์..