I-STEP โรงเรียนกวดวิชา ที่รอดจากวิกฤติโควิด และบริหารโดยผู้หญิงอายุ 27
Business

I-STEP โรงเรียนกวดวิชา ที่รอดจากวิกฤติโควิด และบริหารโดยผู้หญิงอายุ 27

28 เม.ย. 2021
รู้หรือไม่ ? ในปีที่ผ่านมา มีโรงเรียนกวดวิชาที่ต้องปิดกิจการ มากถึง 1,069 ราย
ในปี 2562 โรงเรียนกวดวิชา มีจำนวน 2,801 ราย
ในปี 2563 โรงเรียนกวดวิชา มีจำนวน 1,712 ราย
(ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน)
ซึ่งสาเหตุที่ทำให้โรงเรียนกวดวิชาต้องถูกสั่งปิด เช่น
มีการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ในช่วงปี 2562-2564
รวมไปถึงโรงเรียนกวดวิชาไม่ได้มาตรฐาน หรือมีกวดวิชาเถื่อน
และอีกสาเหตุที่ทำให้โรงเรียนกวดวิชาต้องเจอกับวิกฤติที่หนักสุด ๆ กันเลยก็คือ
การระบาดของโควิด 19 ที่ทำให้เด็ก ๆ ไม่สามารถเข้ามาเรียนในสถาบัน
และต้องใช้การเรียนผ่านระบบออนไลน์เท่านั้น
อีกทั้งการระบาดของโควิด 19 ในไทยก็มีถึง 3 รอบใหญ่ ๆ จึงทำให้หลายโรงเรียนกวดวิชา เมาหมัด ปรับตัวไม่ทัน จนต้องปิดกิจการไปในที่สุด..
แต่ที่น่าสนใจก็คือ มีโรงเรียนกวดวิชาแห่งหนึ่ง ที่รอดจากวิกฤติการสั่งปิดโรงเรียน ได้ถึง 3 ครั้งภายใน 12 เดือน โดยที่ผู้บริหารมีอายุเพียงแค่ 27 ปีเท่านั้น นั่นก็คือ โรงเรียนกวดวิชา I-STEP
ผู้บริหารของโรงเรียนกวดวิชา I-STEP คือใคร และโรงเรียนกวดวิชา I-STEP มีจุดแข็งในเรื่องอะไร
ถึงยังครองใจผู้ปกครองและนักเรียนได้ แม้ในสถานการณ์ที่วิกฤติ
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
โรงเรียนกวดวิชา I-STEP ก่อตั้งขึ้นในปี 2011 ปัจจุบันมี 3 สาขา สอน 4 วิชาคือ
คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ฟิสิกส์ ภาษาไทย
โดยผู้บริหารของโรงเรียนกวดวิชา I-STEP คือ คุณณัชชา ธีรวิจารณญาณกุล หรือคุณตาต้า
คุณตาต้า จบการศึกษาจากคณะบัญชีและบริหารธุรกิจหลักสูตรนานาชาติ สาขาการเงิน
เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง และมาทำงานทางสาย Financial Consulting และ Startup อยู่หลายปี
ปัจจุบันคุณตาต้า เป็นรุ่นที่ 2 ที่เข้ามาบริหารโรงเรียนกวดวิชาต่อจากคุณแม่
แล้วอะไรที่ทำให้คุณตาต้า เลือกมาทำธุรกิจกวดวิชา ?
จากประสบการณ์ทำงาน และการถูกเลี้ยงดูโดยมีคุณพ่อคุณแม่ที่เป็นครูมาก่อน
ทำให้คุณตาต้ามองเห็นว่า ปัจจุบันโลกเปลี่ยนไปเร็วมาก และเด็ก ๆ อาจไม่ได้ต้องการแค่ครูที่เก่งเพียงอย่างเดียว แต่ครูจะต้องมีใจรักในการสอน หนักแน่นในเรื่องการส่งต่อการเรียนรู้ที่ยั่งยืน
เพราะการเรียนพิเศษหรือติวเพื่อทำให้สอบติด หรือทำเกรด อาจไม่เพียงพอแล้วในยุคนี้
สถาบันการศึกษาควรมอบคุณค่าให้กับเด็ก ๆ ที่ให้ผลลัพธ์ในระยะยาวกว่านั้นได้
ดังนั้นสถาบันการศึกษา I-STEP จะให้ความรู้ที่เด็ก ๆ ควรรู้ทั้งหมดอย่างเต็มที่
และทำให้เด็ก ๆ ทุกคน “รู้สึกได้รับการยอมรับและอบอุ่นใจ”
และนี่คือจุดแข็งที่น่าสนใจ ของโรงเรียนกวดวิชา I-STEP
1. ออกแบบเนื้อหาให้นักเรียนแต่ละคน (Design your own journey)
ทาง I-STEP เชื่อว่า นักเรียนแต่ละคนมีพื้นฐานและการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน
ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มเรียน นักเรียนทุกคนจะต้องได้รับการวัดระดับเนื้อหาการเรียนขั้นพื้นฐานเสียก่อน
เพื่อให้ทีมงานวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียด ว่าเด็กแต่ละคนควรเริ่มต้นเรียนเนื้อหาจากจุดไหน
ความเร็วในการสอนควรใช้ระดับไหน รวมถึงการบ้านที่เหมาะสมของเด็ก ๆ แต่ละคนควรเป็นอย่างไร
ตัวอย่างเช่น นักเรียนที่กำลังเรียนอยู่ชั้น ม.5 อาจจะยังไม่สามารถเรียนเนื้อหาของ ม.5 ได้ในทันที
หากความเข้าใจในพื้นฐานต่าง ๆ ยังไม่แน่นพอ
ซึ่งการเรียนรู้ ต้องเริ่มต้นจากจุดที่นักเรียนเข้าใจก่อน จากนั้นถึงจะต่อยอดไปเรียนเนื้อหาอื่น ๆ ได้
และถ้านักเรียน ม.5 เข้าใจเนื้อหาของ ม.5 ได้ครบถ้วนแล้วทั้งหมด เขาก็สามารถข้ามไปเรียนเนื้อหาของ ม.6 ได้เลย
และการทำให้เด็กทุกคนมานั่งเรียนเนื้อหาเดียวกันและพร้อมกันทั้งหมด
อาจทำให้การเรียนรู้ของนักเรียนไม่ดีเท่าที่ควร
ซึ่งการออกแบบเนื้อหาให้เหมาะกับเด็ก ๆ แต่ละคนนี้เอง จึงเป็นจุดแข็งข้อแรกของ I-STEP
2. ทำให้การเรียนของเด็ก เป็นไปอย่างธรรมชาติที่สุด (Natural learning methodology)
ทาง I-STEP เชื่อเรื่องการเรียนแบบธรรมชาติที่สุด ตัวอย่างเช่น ถ้าเราอยากปั่นจักรยานเก่ง
สิ่งที่เราต้องทำคือ การฝึกปั่น
และสมองก็คืออวัยวะชิ้นหนึ่ง ที่เมื่อฝึกฝนทักษะใดทักษะหนึ่งแล้ว ก็จะเกิดความเชี่ยวชาญในทักษะนั้น
ทำให้ทาง I-STEP มีการบ้านให้นักเรียนทุกคนทำ อย่างน้อยวันละ 5-10 นาที
เพื่อฝึกวินัย และเพื่อสร้างทักษะนั้น ๆ ขึ้นมา อีกทั้งความยากง่ายและปริมาณการบ้าน
ก็จะถูกออกแบบเป็นรายบุคคลเช่นกัน
แต่อย่างไรก็ตาม ในการสอนของ I-STEP ก็จะมีหลักสูตรที่ชัดเจน และครอบคลุมทุกหัวข้อที่ต้องรู้
ทำให้การเรียนของนักเรียนทุกคน ไม่ว่าจะมีพื้นฐานแบบไหน ก็เก่งขึ้นตามธรรมชาติของตัวเองได้
3. ครูคุณภาพ คือสิ่งที่ช่วยฝ่าวิกฤติ (Teachers who choose to be teachers)
ถึงแม้ว่าครูของ I-STEP จะจบมาจากคณะที่มีความหลากหลาย ทั้งวิศวกรรมศาสตร์ พาณิชยศาสตร์และการบัญชี อักษรศาสตร์
มีไปจนกระทั่งครูที่จบจากภาควิชาฟิสิกส์ปฏิกรณ์นิวเคลียร์
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ครูทุกคนของที่นี่ต้องมีเหมือนกันคือ “ความอยากเป็นครู”
ทุกคนที่นี่มีความเชื่อว่า การที่เด็ก ๆ ได้เรียนรู้กับผู้ใหญ่ที่ดี จะเป็นสิ่งที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตของเด็ก ๆ ได้
ซึ่งการจะหาครูที่มีคุณภาพเหมือนกันได้ คุณตาต้าเลือกที่จะสัมภาษณ์และฝึกครูใหม่ด้วยตนเองทั้งหมด
และในช่วงวิกฤตินี้เอง “ครูทุกคน” มีผลอย่างมาก ที่ช่วยทำให้โรงเรียนฝ่าวิกฤติมาได้
เพราะเมื่อต้องมีการปิดโรงเรียน หลายสถาบันก็จะปรับการเรียนโดยอัดวิดีโอให้นักเรียนดูและมีการบ้านให้ทำเอง และรอฟังคำอธิบายเฉลย
แต่ครูของ I-STEP ทุกคนตัดสินใจร่วมกันว่า อยากให้นักเรียนได้รับการดูแลรายบุคคลเหมือนเดิม
มีการบ้านเหมือนเดิม มีครูตรวจและอธิบายการบ้านให้เหมือนเดิม
และนักเรียนจะต้องมีพัฒนาการที่ก้าวหน้าเหมือนเดิม
ทำให้ครูต้องออกแบบหลักสูตรกันใหม่ และสร้างระบบการเรียนออนไลน์สำหรับนักเรียนหลักพัน
เพื่อให้นักเรียนที่เรียนออนไลน์ที่บ้าน รู้สึกเหมือนกับได้เข้ามานั่งเรียนที่สถาบัน
ปัจจุบัน I-STEP มีนักเรียนกว่า 1,200 คน
โดยนักเรียนใหม่ 95% มาจากการแนะนำของนักเรียนปัจจุบัน
และนักเรียนกว่า 90% เรียนกับ I-STEP มานานกว่า 3 ปี
ซึ่งตัวเลขเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เมื่อสถาบันกวดวิชาต้องเผชิญกับวิกฤติโควิด 19
และต้องปิดโรงเรียนแบบกะทันหันถึง 3 รอบ..
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าสถานการณ์จะวิกฤติหรือเป็นปกติ
เด็ก ๆ ก็ไม่สามารถหยุดเรียนรู้และหยุดการเติบโตได้
ดังนั้นการที่สถาบันการศึกษา พร้อมที่จะปรับตัว เรียนรู้การสอนในรูปแบบใหม่ ๆ
เพื่อให้เด็กทุกคนได้รับการเรียนรู้ที่ดีที่สุด ก็จะทำให้ผู้ปกครองและเด็ก ๆ ไว้ใจ และอยากที่จะเรียนต่อ
ซึ่งก็ทำให้ทั้งตัวนักเรียนและสถาบันการศึกษา สามารถก้าวผ่านวิกฤติไปได้พร้อม ๆ กัน
เหมือนอย่างที่โรงเรียนกวดวิชา I-STEP ยังอยู่ได้ แม้จะเจอวิกฤติปิดโรงเรียนมากถึง 3 ครั้งใน 1 ปี..
References :
-https://www.prachachat.net/prachachat-top-story/news-641796
-https://gurugurubangna.com/i-step-education/
-เอกสารประชาสัมพันธ์โรงเรียนกวดวิชา I-STEP
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.