VacOne เครื่องชงกาแฟ Cold Brew ใน 4 นาที จากที่ต้องรอทั้งคืน
FoodBusiness

VacOne เครื่องชงกาแฟ Cold Brew ใน 4 นาที จากที่ต้องรอทั้งคืน

13 มิ.ย. 2021
VacOne เครื่องชงกาแฟ Cold Brew ใน 4 นาที จากที่ต้องรอทั้งคืน /โดย ลงทุนเกิร์ล
“กาแฟ” เครื่องดื่มที่ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัย ก็ยังเป็นที่นิยมไม่เปลี่ยนแปลง
อาจจะต่างกันเล็กน้อยตรงที่ กรรมวิธีการชง ที่จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตามแต่ละช่วงเวลา
และถ้าพูดถึงตอนนี้ หนึ่งในกาแฟซึ่งกำลังเป็นที่ชื่นชอบ ก็คือ “Cold Brew”
หรือกาแฟสกัดเย็น ซึ่งจะใช้กรรมวิธีการแช่เมล็ดกาแฟบดในน้ำเย็น
จากนั้นรออีกประมาณ 8-10 ชั่วโมงในตู้เย็น เราก็จะได้กาแฟ Cold Brew เย็น ๆ มาดื่ม
ซึ่งถ้าใครไม่อยากอดทนรอนานขนาดนี้ ก็สามารถเดินเข้าร้านกาแฟและสั่งได้ทันที
อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ ที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการออกไปนอกบ้าน
ประกอบกับกระแส “โฮมคาเฟ” หรือการเปลี่ยนจากบ้านให้เป็นคาเฟ ก็กำลังมาแรง
วันนี้ลงทุนเกิร์ลจึงขอนำเสนออีกหนึ่งวิธี ในการชง “Cold Brew” เองที่บ้านแบบง่าย ๆ 
ที่สำคัญคือ ไม่ต้องรอนานข้ามวันข้ามคืนอีกด้วย แต่ใช้เวลาเพียงแค่ 4 นาที
ถ้าใครสนใจ เรามาติดตามเรื่องนี้ไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
ก่อนจะเริ่มต้น เราลองมาทำความรู้จักกับกาแฟ Cold Brew หรือกาแฟสกัดเย็นกันก่อน
กาแฟสกัดเย็นนั้นจะแตกต่างจากกาแฟที่สกัดด้วยความร้อน
หลัก ๆ เลยคือรสชาติของกาแฟที่ผ่านกระบวนการสกัดเย็น จะไม่ค่อยเปรี้ยว
ทำให้ผู้เริ่มต้นดื่มกาแฟดำบางคนก็เริ่มจากการดื่มกาแฟแบบสกัดเย็น
เพราะมีรสชาติที่กลมกล่อม และดื่มได้ง่ายกว่า
ซึ่งกรรมวิธีในการสกัดเย็นนั้นก็มีอยู่หลากหลายวิธี
อย่างวิธีการสกัดเย็นด้วยการแช่เมล็ดกาแฟบดไว้ในน้ำเย็นนาน 8-10 ชั่วโมงในตู้เย็น
หรือการสกัดเย็นแบบญี่ปุ่นที่อาศัยการใช้น้ำร้อนผ่านเมล็ดกาแฟบด 
ก่อนจะให้น้ำกาแฟเหล่านั้นไหลผ่านฟิลเตอร์ ลงมาสู่เหยือกน้ำแข็งที่เรารองไว้ด้านล่าง
แม้ว่าทั้ง 2 วิธีดูจะไม่ได้เป็นวิธีที่ยากเย็นนัก แต่ก็จำเป็นต้องใช้ทั้งเวลาและอุปกรณ์หลายอย่าง
วิธีแรกเหมาะกับคนที่ใจเย็น และพร้อมที่จะรอกระบวนการที่นานถึง 10 ชั่วโมง
ในขณะที่การสกัดเย็นแบบญี่ปุ่นนั้นถึงจะใช้เวลาไม่นาน แต่ก็ต้องใช้อุปกรณ์
และฝีมือในการชงกาแฟที่สูงพอตัว เพราะเราต้องเป็นคนกำหนดปริมาณสายน้ำที่ไหลผ่านเมล็ดกาแฟ
แล้วแบบนี้ ถ้าหากว่าต้องการที่จะทานกาแฟแบบ Cold Brew แต่ไม่มีทั้งเวลา
และก็ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญมากนัก เราจะทำอย่างไร ?
เรื่องนี้ถูกแก้ไขโดยคุณ Eduardo Umaña ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ
ย้อนกลับไปในวัยเด็ก เขาอาศัยอยู่กับครอบครัวที่โคลอมเบีย
ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพของเมล็ดกาแฟ 
และเป็นประเทศผู้ผลิตเมล็ดกาแฟอันดับ 3 ของโลก
นี่จึงไม่ใช่เรื่องแปลก หากพื้นเพของครอบครัวของเขา จะมีความชื่นชอบในการดื่มกาแฟ
และเขาเองก็ได้รับอิทธิพลมาจากครอบครัว จนกลายเป็นคอกาแฟไปอีกคน
โดยเมื่อเขาโตขึ้น และเรียนจบในสาขาวิชาเกี่ยวกับเครื่องจักรและไฟฟ้า
คุณ Eduardo Umaña ก็ตัดสินใจเริ่มต้นดีไซน์เครื่องทำกาแฟของตัวเอง
ด้วยความตั้งใจที่อยากจะให้โคลอมเบียไม่ได้มีเพียงเมล็ดกาแฟโคลอมเบียเท่านั้น
แต่อยากให้มีเครื่องทำกาแฟจากโคลอมเบียด้วยเช่นกัน
ซึ่งนั่นทำให้เขาค้นพบว่า “โฟม” เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ เมล็ดกาแฟบด ได้ดูดซับน้ำและคลายก๊าซต่าง ๆ ออกมา ทำให้เมล็ดกาแฟบด ดูฟูหรือบวมขึ้น ซึ่งกระบวนการนี้จะเรียกว่า บลูม (Bloom)
โดยตัวโฟมที่เกิดขึ้นจากการบลูมนั้น เป็นสิ่งที่ส่งผลให้กาแฟมีรสชาติขมนั่นเอง
และหลังจากการค้นพบของคุณ Eduardo Umaña ในครั้งนั้น
ทำให้เขาเกิดไอเดียว่า มันจะดีแค่ไหน ถ้าเขาสามารถออกแบบวิธีการชงกาแฟ
ที่แยกตัวโฟมออกจากน้ำกาแฟที่เหลือ เพื่อให้ได้กาแฟที่มีรสชาตินุ่มขึ้น
ซึ่งเขาก็ได้ลองทำเครื่องโพรโตไทป์ขึ้นมา เป็นเครื่องทำกาแฟระบบอัตโนมือ
แต่น่าเสียดายที่เครื่องต้นแบบนี้ ใช้งานยากมาก ๆ เพราะเขาต้องใช้แรงกดจากมือ
เพื่อสร้างแรงดัน ที่ทำให้ตัวโฟมและน้ำกาแฟ แยกออกจากกัน
แต่ด้วยความยากนี้เอง เขาจึงทดลองสรรหาวิธีใหม่ ๆ 
โดยหนึ่งในนั้นก็คือ การใช้ระบบปั๊มลมเข้ามาช่วย
โดยหลังจากใช้เวลากว่า 2 ปี และทำเครื่องโพรโตไทป์อีกกว่า 100 ชิ้น
ผลที่ได้คือการปั๊มลมที่เขานำมาใช้นั้น ช่วยให้ตัวโฟมแยกตัวออกจากน้ำกาแฟได้ 
และส่งผลให้รสชาติกาแฟดีขึ้น
แล้วตัวเครื่องชงกาแฟนี้ทำงานอย่างไร ?
เครื่องนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนตัวเครื่อง และส่วนแก้วด้านล่าง
ตัวเครื่องนั้นจะมีฝาปิดแบบสุญญากาศ เพื่อไม่ให้มีอากาศเข้าไปในส่วนถ้วย
จากนั้นเติมเมล็ดกาแฟบด และน้ำลงไปตามปริมาณที่เหมาะสม
และขั้นตอนสุดท้ายคือกดปุ่ม เพื่อให้เกิดแรงดันที่สามารถดันน้ำให้ไหลผ่านผงกาแฟได้
แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ด้วยกระบวนการนี้ ทำให้กาแฟที่เคยทำยากและใช้เวลานาน
กลับสามารถทำเสร็จได้ภายในไม่กี่นาที แถมไม่ต้องใช้ฝีมืออะไรเลย ก็สามารถทำได้
ซึ่งหลังจากที่คุณ Eduardo Umaña ทำสำเร็จ เขาก็นำเอาสินค้าของเขา
ไปเปิดตัวบนเว็บไซต์ Kickstarter แพลตฟอร์มระดมทุนแบบ Crowdfunding ชื่อดัง
ในตอนแรกเริ่มเจ้าเครื่องทำกาแฟเครื่องนี้มีชื่อว่า “FrankOne™”
และเป็นที่น่าประทับใจ เพราะผลตอบรับของเครื่อง FrankOne™ นั้นดีมาก ๆ
จากผู้สนับสนุนกว่า 1,800 คน และระดมทุนได้ 5 ล้านบาท
แต่ถึงแบบนั้น หลังจากการระดมทุนผ่าน Kickstarter สำเร็จไปได้ด้วยดี
ภายหลังก็เปลี่ยนชื่อเครื่องทำกาแฟมาเป็น VacOne แทน
ด้วยเหตุที่ต้องการให้การสื่อสารไปยังกลุ่มลูกค้าเป็นไปได้ง่ายมากขึ้น
เพราะคำว่า Vac ก็มาจากคำว่า Vacuum ที่แปลว่าสุญญากาศนั่นเอง
โดยเมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องชงกาแฟแบบสุญญากาศ หรือเครื่องชงแบบไซฟอน (Siphon) 
ซึ่งถึงแม้จะใช้ระบบสุญญากาศเหมือนกัน
แต่ไซฟอนต้องอาศัยอุปกรณ์ และความชำนาญในการชงกาแฟเป็นอย่างมาก 
ถึงจะสามารถชงออกมาได้กลมกล่อม รวมถึงเครื่องไซฟอนนั้นไม่สามารถสกัดเย็นได้ในตัว
จากความสำเร็จในการทำเครื่องกาแฟ VacOne นี้
ก็ทำให้คุณ Eduardo Umaña มีโอกาสได้พบกับคุณ Otto Becker 
หนึ่งในผู้ร่วมลงทุน ซึ่งครอบครัวทำธุรกิจปลูกกาแฟมากว่า 5 ชั่วอายุคน 
โดยคุณ Otto Becker มีความสนใจที่อยากจะนำเครื่อง VacOne เข้ามาขายยังสหรัฐอเมริกา 
แต่หลังจากที่ได้พูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
จากเดิมที่คุณ Otto Becker จะทำเพียงแค่นำเข้าสินค้าเข้าไปขาย
เขาก็เปลี่ยนใจและลาออกจากงานเดิม เพื่อมาร่วมก่อตั้งบริษัทกับคุณ Eduardo Umaña แทน
ทำให้ในปัจจุบันคุณ Otto Becker ก็เข้ามาดูแลในด้านการเงินและการขาย
ส่วนคุณ Eduardo Umaña ดูแลในด้านการบริหารและออกแบบผลิตภัณฑ์
การเกิดขึ้นของ VacOne อาจกลายเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่จะเข้ามาเปลี่ยน
วิธีการทำกาแฟแบบเดิม ๆ ให้รวดเร็วเหมาะกับความเร่งรีบในยามเช้า
ซึ่งทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นมาไม่ได้เลย หากปราศจากความตั้งใจและความพยายาม
ของคุณ Eduardo Umaña ที่จะสร้างเครื่องทำกาแฟในแบบที่เขาชอบออกมาจนสำเร็จ
อย่างที่ทอมัส แอลวา เอดิสัน เคยกล่าวไว้ว่า
เขาไม่ได้ล้มเหลวในการผลิตหลอดไฟ เขาแค่ค้นพบวิธีที่ไม่ได้ผล 10,000 วิธีเท่านั้นเอง.. 
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.