FoodBusiness
Vermont Curry แบรนด์แกงกะหรี่ก้อนจากญี่ปุ่น แต่ใช้ชื่อฝรั่ง
14 ก.ค. 2021
Vermont Curry แบรนด์แกงกะหรี่ก้อนจากญี่ปุ่น แต่ใช้ชื่อฝรั่ง /โดย ลงทุนเกิร์ล
ถ้าหากพูดถึง “แกงกะหรี่ญี่ปุ่น” ทุกคนคงจะนึกถึงแกงสีน้ำตาลอ่อน
ที่มีผัก มันฝรั่ง พร้อมแคร์รอตสีส้ม ราดอยู่บนข้าวสวยร้อน ๆ ในจานสีขาว
เป็นภาพจำของแกงกะหรี่ญี่ปุ่นทั้งเวลาไปทานที่ร้าน ในภาพยนตร์ หรือการ์ตูน
ที่มีผัก มันฝรั่ง พร้อมแคร์รอตสีส้ม ราดอยู่บนข้าวสวยร้อน ๆ ในจานสีขาว
เป็นภาพจำของแกงกะหรี่ญี่ปุ่นทั้งเวลาไปทานที่ร้าน ในภาพยนตร์ หรือการ์ตูน
แต่กว่าจะมาเป็นแกงกะหรี่แบบที่เราเห็นในปัจจุบันนั้น
แกงกะหรี่ญี่ปุ่นก็มีประวัติยาวนานกว่า 100 ปีเลยทีเดียว
แกงกะหรี่ญี่ปุ่นก็มีประวัติยาวนานกว่า 100 ปีเลยทีเดียว
วันนี้ลงทุนเกิร์ลจะขอพาทุกคน ย้อนเวลาไปทำความรู้จักกับแกงกะหรี่ญี่ปุ่นแบบสั้น ๆ
รวมถึงหยิบเอาแบรนด์แกงกะหรี่ที่คนไทยส่วนใหญ่น่าจะคุ้นเคยอย่าง Vermont Curry
หรือแกงกะหรี่กล่องสีเหลือง โลโกสีออกแดง พร้อมรูปแอปเปิลบนกล่องมาเล่าให้ฟังกันค่ะ
รวมถึงหยิบเอาแบรนด์แกงกะหรี่ที่คนไทยส่วนใหญ่น่าจะคุ้นเคยอย่าง Vermont Curry
หรือแกงกะหรี่กล่องสีเหลือง โลโกสีออกแดง พร้อมรูปแอปเปิลบนกล่องมาเล่าให้ฟังกันค่ะ
จริง ๆ แล้ว ประเทศที่ริเริ่มทำแกงกะหรี่ ก็คือ ประเทศอินเดีย
โดยในตอนนั้นแกงกะหรี่ดั้งเดิมจะมีส่วนผสม ได้แก่ ขิง กระเทียม และขมิ้น
โดยในตอนนั้นแกงกะหรี่ดั้งเดิมจะมีส่วนผสม ได้แก่ ขิง กระเทียม และขมิ้น
ถึงแม้ว่าประเทศที่ริเริ่มแกงกะหรี่จะเป็นอินเดีย แต่ผู้ที่ทำให้แกงกะหรี่เป็นที่รู้จักในญี่ปุ่นกลับเป็นประเทศอังกฤษ
เนื่องจากประเทศอินเดีย เคยตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษในสมัยก่อน ทำให้ในยุคนั้นประเทศอังกฤษ จึงได้เอาวัฒนธรรมอาหารของคนอินเดียกลับมาด้วย
จนเวลาผ่านมาถึงช่วงปี 1869 ถึง 1913 เป็นยุคที่ญี่ปุ่นเริ่มเปิดประเทศ ทำให้ญี่ปุ่นได้รับวัฒนธรรมต่าง ๆ เข้ามามากมาย รวมถึงวัฒนธรรมด้านอาหาร
ที่น่าสนใจคือ สิ่งที่เราคิดว่าเป็นอาหารประจำชาติหลาย ๆ อย่างของญี่ปุ่น ก็ได้รับวัฒนธรรมมาจากชาติตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นแกงกะหรี่ หรือแม้แต่ทงคัตสึ
โดยแกงกะหรี่ค่อย ๆ เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ จากเดิมที่เป็นอาหารชั้นสูง ก็เริ่มแพร่หลายไปสู่คนทั่ว ๆ ไป จนกลายเป็นกระแสไปทั่วญี่ปุ่น
นอกจากนี้ด้านการทหารของญี่ปุ่นเอง ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้แกงกะหรี่กลายเป็นที่นิยมมากขึ้น
โดยเป็นอาหารที่พวกทหารทำกินกันในระหว่างทำสงคราม จนเมื่อสงครามจบลง พวกเขาก็กลับไปทำแกงกะหรี่ที่บ้าน จนทำให้ทุก ๆ บ้านเริ่มรู้จักแกงกะหรี่มากขึ้น
โดยเป็นอาหารที่พวกทหารทำกินกันในระหว่างทำสงคราม จนเมื่อสงครามจบลง พวกเขาก็กลับไปทำแกงกะหรี่ที่บ้าน จนทำให้ทุก ๆ บ้านเริ่มรู้จักแกงกะหรี่มากขึ้น
และจุดพลิกผันของยุคแกงกะหรี่ญี่ปุ่นก็มาถึง
โดยในปี 1950 ได้มีการเปิดตัว “ก้อนแกงกะหรี่ออกมาเป็นครั้งแรก” โดยใช้กระบวนการที่เรียกว่า Roux
คำจากภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่า ส่วนผสมของแป้งที่นำไปทอดในไขมัน
คำจากภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่า ส่วนผสมของแป้งที่นำไปทอดในไขมัน
ซึ่งพวกเขาก็ได้นำเอาแป้ง ไขมันต่าง ๆ เครื่องเทศ และเครื่องปรุงมาผสมรวมกัน
ก่อนจะถูกทำให้ร้อน และปล่อยให้เย็นเพื่อให้ส่วนผสมแข็งกลายเป็นก้อน
ก่อนจะถูกทำให้ร้อน และปล่อยให้เย็นเพื่อให้ส่วนผสมแข็งกลายเป็นก้อน
ส่งผลให้ผู้คนสามารถทำแกงกะหรี่เองที่บ้านได้ง่ายขึ้น และกลายเป็นก้อนแกงกะหรี่ที่เราคุ้นเคยกันอย่างในยุคปัจจุบัน
ซึ่งหนึ่งในยี่ห้อแกงกะหรี่ที่หลายคนรู้จักก็คือแบรนด์ “Vermont Curry” ผลิตภัณฑ์จากบริษัท House Foods ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1913
โดยจุดเริ่มต้นของบริษัทนี้ ก็ไม่ได้เริ่มมาจากการเป็นบริษัทด้านอาหารมาก่อน
แต่เนื่องจากผู้ก่อตั้งอย่างคุณ Seisuke Urakami ซึ่งตอนแรกเปิดร้านขายยา ได้เห็นถึงความนิยมของแกงกะหรี่ ที่เริ่มเข้ามามีอิทธิพลในญี่ปุ่นมากขึ้น
เขาจึงริเริ่มทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เขาจึงริเริ่มทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
โดยเขาเริ่มต้นจากการขายผงแกงกะหรี่ก่อนเป็นอย่างแรก จากนั้นจึงค่อย ๆ ศึกษาและพัฒนาสินค้าจนกลายมาเป็น “Vermont Curry” ที่เปิดตัวในปี 1963 ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์แกงกะหรี่ก้อนแบรนด์แรกของบริษัท
Vermont Curry เป็นแกงกะหรี่ก้อนที่พิเศษกว่าแบรนด์อื่นตรงที่ “มีส่วนผสมของแอปเปิลและน้ำผึ้ง” ทำให้มีรสชาติที่ทานง่าย แม้แต่เด็กก็สามารถทานได้ ต่างจากแกงกะหรี่เจ้าอื่น ๆ ที่ทำออกมาในรสชาติที่เผ็ดร้อน จนทำให้มีแต่ผู้ใหญ่เท่านั้นที่ทานได้
โดยชื่อแบรนด์ Vermont นั้นก็มีอิทธิพลมาจากเทรนด์สุขภาพที่นิยมในช่วงนั้น
ซึ่งก็คือหนังสือ Folk Medicine: A Vermont Doctor's Guide to Good Health ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศญี่ปุ่นสมัยนั้น และได้พูดถึงการใช้ประโยชน์จากส่วนผสมอย่างน้ำผึ้งและแอปเปิลไซเดอร์
และถ้าถามว่าแกงกะหรี่ของ Vermont Curry เป็นที่นิยมแค่ไหน ?
ในปี 2013 ซึ่งเป็นปีที่ฉลองครบรอบ 50 ปีตั้งแต่ Vermont Curry ผลิตออกมา
โดยบริษัทได้ออกมาเปิดเผยว่า พวกเขาสามารถขายแกงกะหรี่ได้มากถึง 2,000 ล้านกล่องต่อปี รวมถึงหากนำแกงกะหรี่ที่ House Foods ผลิตออกมานำมาวางต่อ ๆ กัน จะมีความสูง สูงกว่าภูเขาฟูจิถึง 700 เท่าเลยทีเดียว
ปัจจุบัน House Foods บริษัทที่เป็นเจ้าของแบรนด์ Vermont Curry ได้กลายเป็นหนึ่งในบริษัทอาหาร
ที่ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของญี่ปุ่น โดยมีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ 99,944 ล้านบาท
ที่ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของญี่ปุ่น โดยมีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ 99,944 ล้านบาท
และไม่ได้ขายแค่เพียงแกงกะหรี่เท่านั้น แต่ยังมีผลิตภัณฑ์อาหารอื่น ๆ อีก ได้แก่ เครื่องปรุง, อาหารแบบพร้อมทานต่าง ๆ และอาหารเพื่อสุขภาพ
เรามาลองดูรายได้ของบริษัท House Foods
ปี 2019 รายได้ 87,436 ล้านบาท กำไร 4,057 ล้านบาท
ปี 2020 รายได้ 85,578 ล้านบาท กำไร 3,377 ล้านบาท
ปี 2021 รายได้ 83,622 ล้านบาท กำไร 2,574 ล้านบาท
ปี 2020 รายได้ 85,578 ล้านบาท กำไร 3,377 ล้านบาท
ปี 2021 รายได้ 83,622 ล้านบาท กำไร 2,574 ล้านบาท
ที่น่าสนใจคือ 50% ของรายได้ก็มาจากการขายสินค้า เกี่ยวกับเครื่องปรุง, เครื่องเทศ และอาหารแปรรูป
ซึ่งหากย้อนกลับไปในช่วงที่สินค้า Vermont Curry เปิดตัวมาใหม่ ๆ นั้น
สินค้ากลุ่มนี้กลับไม่ได้ขายดีเลย ผิดกับปัจจุบันที่แกงกะหรี่เป็นหนึ่งในสินค้าที่ขายดีของบริษัท
สินค้ากลุ่มนี้กลับไม่ได้ขายดีเลย ผิดกับปัจจุบันที่แกงกะหรี่เป็นหนึ่งในสินค้าที่ขายดีของบริษัท
แล้วบริษัท House Foods ทำอย่างไร จึงทำให้แบรนด์แกงกะหรี่ของตนเองขายได้ ?
ในอดีตนั้นแกงกะหรี่เป็นแกงที่ขึ้นชื่อเรื่องความเผ็ดร้อนจากเครื่องแกง
ฉะนั้นสำหรับ Vermont Curry ซึ่งเป็นแกงกะหรี่ที่มีรสชาติอ่อน จึงไม่เป็นที่นิยม เพราะมันขาดจุดเด่นของแกงกะหรี่ไปนั่นเอง
ฉะนั้นสำหรับ Vermont Curry ซึ่งเป็นแกงกะหรี่ที่มีรสชาติอ่อน จึงไม่เป็นที่นิยม เพราะมันขาดจุดเด่นของแกงกะหรี่ไปนั่นเอง
ซึ่ง House Foods ก็แก้ปัญหานี้ด้วยการทำโฆษณาผ่านทางโทรทัศน์ รวมถึงทำแคมเปนตามร้านค้าต่าง ๆ โดยเปิดโอกาสให้ผู้คนได้ชิมรสชาติของแกงกะหรี่ และยังเป็นเจ้าแรก ๆ ที่เปิดให้มีการชิมสินค้า จนยอดขายพุ่งสูงขึ้นในไม่กี่เดือนหลังจากนั้น
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ Vermont Curry ขายดีก็คือ การช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้บริโภค เพราะ Vermont Curry เป็นหนึ่งแบรนด์แกงกะหรี่ไม่กี่แบรนด์ที่ทำรสชาติสำหรับเด็กออกมา
ซึ่งในความเป็นจริงก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาสำหรับเด็กที่อยากกินแกงกะหรี่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ใหญ่อีกหลายคน ที่มีปัญหาในการทานเผ็ดอีกด้วย
และในปัจจุบันเองด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากขึ้นของ House Foods ไม่ว่าจะ Java Curry ซึ่งเป็นแกงกะหรี่ก้อนที่มีรสชาติเข้มข้นขึ้นกว่าแบบเดิม หรืออาหารแบบพร้อมทานที่มีให้เลือกหลากหลายมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน ก็ทำให้บริษัท House Foods นั้นค่อย ๆ เติบโตขึ้นมาเรื่อย ๆ จนมาถึงปัจจุบัน..
ฉะนั้นอาจสรุปได้ว่า การที่ทำให้บริษัท House Foods สามารถอยู่มาได้กว่า 100 ปี ก็คือการที่บริษัทออกผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้า และการทำโฆษณาที่ตรงใจลูกค้า
รวมถึงการไม่ยึดติดกับผลิตภัณฑ์รูปแบบเดิม ๆ ที่ตนเองเคยทำสำเร็จ แต่ออกสินค้าอื่น ๆ ที่ใกล้เคียงกัน เพื่อให้ได้กลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้นนั่นเอง..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ นอกเหนือจากธุรกิจด้านผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับอาหารแล้ว
House Foods ยังเป็นเจ้าของร้านแกงกะหรี่ Coco Ichibanya ด้วยการเข้าซื้อในปี 2016 ที่ผ่านมาอีกด้วย
House Foods ยังเป็นเจ้าของร้านแกงกะหรี่ Coco Ichibanya ด้วยการเข้าซื้อในปี 2016 ที่ผ่านมาอีกด้วย
References:
-https://japan-product.com/ads/house-foods-group-inc/
-https://www.housefoods.com/japanese-curry/en/about/japanese_style_curry/
-https://www.housefoods.com/japanese-curry/en/our_history/
-https://housefoods-group.com/en/ir/personal/index.html
-https://en.wikipedia.org/wiki/House_Foods
-https://housefoods-group.com/products/en/vmt/
-https://jpnculture.net/curry/?_trms=08af610013513ced.1625630845911
-https://readspoonful.co/2020/04/02/japanese-curry/
-https://japan-product.com/ads/house-foods-group-inc/
-https://www.housefoods.com/japanese-curry/en/about/japanese_style_curry/
-https://www.housefoods.com/japanese-curry/en/our_history/
-https://housefoods-group.com/en/ir/personal/index.html
-https://en.wikipedia.org/wiki/House_Foods
-https://housefoods-group.com/products/en/vmt/
-https://jpnculture.net/curry/?_trms=08af610013513ced.1625630845911
-https://readspoonful.co/2020/04/02/japanese-curry/