กรณีศึกษา Blue Seal “การเพิ่ม” ค่าใช้จ่าย ในวิกฤติโรคระบาด
Business

กรณีศึกษา Blue Seal “การเพิ่ม” ค่าใช้จ่าย ในวิกฤติโรคระบาด

15 ก.ค. 2021
กรณีศึกษา Blue Seal “การเพิ่ม” ค่าใช้จ่าย ในวิกฤติโรคระบาด /โดย ลงทุนเกิร์ล
ในช่วงวิกฤติการณ์โควิด 19 ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ก็สามารถส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจได้ ดังนั้นการควบคุมค่าใช้จ่ายจึงมีความสำคัญ ไม่ต่างจากการเพิ่มรายได้ หลาย ๆ แบรนด์จึงเลือกใช้วิธีการลดต้นทุน หรือหั่นงบประมาณการทำการตลาด
เพื่อพยุงให้ธุรกิจสามารถอยู่รอด
ซึ่งแบรนด์ไอศกรีม Blue Seal (บลูซีล) กลับเลือกใช้วิธีการตรงกันข้าม อย่างการเพิ่มปริมาณไอศกรีมขึ้นถึง 20% และยังขายในราคาเท่าเดิม
อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น คือ Blue Seal มียอดขายถล่มทลายตั้งแต่วันแรกที่วางจำหน่าย
มียอดขาย 1 วันเทียบเท่ากับยอดขายปกติที่ขายได้ทั้งเดือนเลยทีเดียว
แล้วเรื่องราวตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงช่วงวิกฤติ และกลยุทธ์ทางธุรกิจ ของ Blue Seal น่าสนใจอย่างไร ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
“เกิดในอเมริกา เติบโตที่โอกินาวะ”
คือ สโลแกนของไอศกรีม Blue Seal ซึ่งสื่อความหมายถึงแบรนด์ได้อย่างชัดเจน
เพราะหากมองไปที่โลโกแบรนด์แล้ว ไม่แปลกเลยถ้าเราอาจจะรู้สึกคุ้นตา เนื่องจากความจริงแล้วไอศกรีม Blue Seal ก็คือไอศกรีม “โฟร์โมสต์” บริษัทผลิตภัณฑ์นมและแดรี่โปรดักส์ ที่คนไทยและคนทั่วโลกต่างคุ้นเคยกันดีนั่นเอง
โดยแบรนด์ไอศกรีม Blue Seal เริ่มต้นขึ้นในปี 1948 หรือเมื่อ 73 ปีที่แล้ว มีจุดเริ่มต้นในจังหวัดโอกินาวะ ประเทศญี่ปุ่น
เริ่มแรกในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังญี่ปุ่นพ่ายแพ้สงครามให้แก่ฝ่ายสหรัฐอเมริกา
สหรัฐอเมริกาจึงได้เข้ามาตั้งฐานทัพทหารตามหัวเมืองต่าง ๆ ของญี่ปุ่น
และในปี 1948 บริษัทโฟร์โมสต์ ก็ได้เข้ามาตั้งโรงงานที่ฐานทัพทหารในประเทศญี่ปุ่นเช่นกัน โดยตั้งอยู่ที่เมืองอุรุมะ จังหวัดโอกินาวะ ทำหน้าที่จัดส่งผลิตภัณฑ์ไอศกรีม สำหรับบุคลากรทางทหารของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสินค้าที่มีเฉพาะในฐานทัพเท่านั้น
ต่อมาในปี 1963 โฟร์โมสต์ได้ขยายความนิยมมาจนถึงชาวเมืองโอกินาวะ โดยการเปิดร้านไอศกรีม "Foremost" แห่งแรกในเมืองอุระโซะเอะ จังหวัดโอกินาวะ และเริ่มเป็นที่ชื่นชอบของคนท้องถิ่น ก่อนเปลี่ยนมาใช้ชื่อว่า “Blue Seal” ในปี 1976
ปัจจุบัน Blue Seal เป็นที่รู้จักทั้งในหมู่นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จนได้รับการยกย่องให้เป็น “ไอศกรีมที่เป็นสัญลักษณ์ประจำจังหวัดโอกินาวะ” ไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม Blue Seal ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ เมื่อทั่วโลกต่างเจอกับสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด 19 ทำให้ยอดขายที่เคยทำได้ดี จากปี 2019 ที่ทำได้ประมาณ 725 ล้านบาท
ในปี 2020 ยอดขายกลับหายไปกว่า 200 ล้านบาท
สาเหตุหลักของรายได้ที่หายไป ก็มาจาก จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาโอกินาวะลดลง จำนวนไอศกรีมที่ส่งขายให้โรงแรมที่พักรวมถึงหน้าร้าน จึงน้อยลงตามไปด้วย
แต่ในขณะเดียวกัน ไอศกรีมที่วางขายตามร้านค้าปลีกและซูเปอร์มาร์เก็ต กลับมียอดขายเพิ่มมากขึ้น เพราะได้อานิสงส์จากการที่ผู้คนไม่ออกจากบ้าน รวมถึงกักตุนสินค้า
และนี่เองที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ Blue Seal เล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจและใช้กลยุทธ์การตลาดในการต่อยอด
โดยเมื่อเดือนเมษายน 2021 ที่ผ่านมา Blue Seal ได้ออกไอศกรีมถ้วยที่เพิ่มปริมาณจากขนาด 135 มิลลิลิตร เป็น 162 มิลลิลิตร ซึ่งมากขึ้นถึง 20% แต่ยังคงขายในราคาเดิมที่ประมาณ 44 บาท
ซึ่งการเพิ่มปริมาณไอศกรีมย่อมเป็นการก่อให้ต้นทุนสินค้าเพิ่มขึ้น Blue Seal จึงไปลดต้นทุนในส่วนกระบวนการผลิตถ้วยไอศกรีม โดยผลิตบรรจุภัณฑ์ให้บางขึ้น และใช้กระดาษจำนวนน้อยลง
รวมถึงบริษัทยังได้ทุ่มงบโฆษณาเพื่อ ส่งเสริมกิจกรรมการประชาสัมพันธ์อย่างแข็งขัน เช่น เน้นออกอากาศโฆษณาทางโทรทัศน์มากขึ้นประมาณสามเท่าจากเมื่อก่อน
ปรากฏว่า สินค้าได้รับผลตอบรับอย่างถล่มทลาย จนยอดขายวันแรกเทียบเท่ากับยอดขายปกติของไอศกรีมถ้วยที่ขายได้ทั้งเดือน
ที่น่าสนใจ คือ Blue Seal ยังเน้นย้ำวลี "วัตต้า-ไอซ์" ซึ่ง "วัตต้า" มีความหมายว่า “พวกเรา” ประหนึ่งว่า Blue Seal เป็นไอศกรีมของพวกเรา ชาวโอกินาวะ และยังเป็นการตอกย้ำอีกว่าไอศกรีมแบรนด์นี้เป็นดั่งสัญลักษณ์ของโอกินาวะ
นอกจากนี้ Blue Seal ยังสมทบทุนในการซ่อมแซมปราสาทชูริ มรดกโลกและโบราณสถานในโอกินาวะ ที่เกิดเหตุเพลิงลุกไหม้ ในปี 2019 โดยรายได้ทุก 1 เยน หรือ 0.3 บาท จากผลิตภัณฑ์ จะบริจาคให้กับกองทุนปราสาทชูริ
เรื่องราวทั้งหมดนี้ จึงไม่แปลกใจว่าทำไม ชาวโอกินาวะถึงชื่นชอบและผูกพันกับไอศกรีมแบรนด์นี้
และจากวิกฤติในครั้งนี้ กุญแจสำคัญที่ช่วยทำให้ Blue Seal ผ่านพ้นไปได้ คือ การปรับตัว และมองเห็นโอกาสทางการตลาดก่อนคนอื่น จากลู่ทางใหม่ ๆ ที่คู่แข่งมองไม่เห็น หรือเห็นแต่อาจจะมองว่ามันผิดพลาด
ดังนั้นในยามที่เต็มไปด้วยข่าวร้ายและวิกฤติต่าง ๆ
อย่าลืมมองว่าในทุกวิกฤติย่อมมีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ เพียงแต่เราต้องหามันให้เจอเท่านั้น..
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.