
Business
เรียนรู้วิธี สร้างแบรนด์จิวเวลรี ราคาสูงอย่างไร ให้ถูกใจไทย โดนใจคนต่างชาติ จาก Matara
10 พ.ย. 2021
Matara x ลงทุนเกิร์ล
Matara (มธรา) เป็นแบรนด์จิวเวลรี สัญชาติไทย
ที่เพิ่งจะก่อตั้งมาได้เพียงแค่ 7 ปี
แต่กลับสามารถส่งสินค้าของแบรนด์ตัวเองไปวางขายใน ปารีส, ลอนดอน, นิวยอร์ก, ฮ่องกง และเร็ว ๆ นี้ก็กำลังจะมีบาห์เรน เพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งประเทศ
ที่เพิ่งจะก่อตั้งมาได้เพียงแค่ 7 ปี
แต่กลับสามารถส่งสินค้าของแบรนด์ตัวเองไปวางขายใน ปารีส, ลอนดอน, นิวยอร์ก, ฮ่องกง และเร็ว ๆ นี้ก็กำลังจะมีบาห์เรน เพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งประเทศ
ที่น่าสนใจคือ ในช่วงวิกฤติโรคระบาดที่ผ่านมานี้ แบรนด์ Matara ยังสามารถทำรายได้เติบโตอีกด้วย
แล้วแบรนด์ Matara มีเคล็ดลับอะไร ?
ลงทุนเกิร์ลจะพาทุกคนไปหาคำตอบกันค่ะ
ลงทุนเกิร์ลจะพาทุกคนไปหาคำตอบกันค่ะ
เรื่องราวของแบรนด์ Matara เกิดขึ้นจากกลุ่มเพื่อนสมัยประถมทั้ง 3 คน
ซึ่งก็คือ คุณจงจินต์ จึงสุระ, คุณสาลิล อันธพันธ์ และคุณพัชชาพลอย เมธารุ่งสมบัติ
ซึ่งก็คือ คุณจงจินต์ จึงสุระ, คุณสาลิล อันธพันธ์ และคุณพัชชาพลอย เมธารุ่งสมบัติ
ด้วยความสนิทสนม ที่เติบโตมาด้วยกันหลายสิบปี
จึงทำให้พวกเธอสามารถทำงานได้เข้าขากันอยู่ตลอด
และในวันหนึ่ง พวกเธอก็เกิดความคิดว่า อยากจะลองมาสร้างธุรกิจร่วมกันดูสักครั้ง
จึงทำให้พวกเธอสามารถทำงานได้เข้าขากันอยู่ตลอด
และในวันหนึ่ง พวกเธอก็เกิดความคิดว่า อยากจะลองมาสร้างธุรกิจร่วมกันดูสักครั้ง
ประกอบกับว่า คุณจงจินต์ ซึ่งชื่นชอบการซื้อเครื่องประดับจาก Luxury Brand และสังเกตเห็นว่า ส่วนใหญ่แล้วพวก Luxury Brand ระดับ Global มักจะใช้ไข่มุกปลอมมาทำเป็นเครื่องประดับ
และแม้ว่าไข่มุกปลอมจะไม่ได้มีราคาสูงเท่าไข่มุกจริง ๆ
แต่แบรนด์เหล่านี้ กลับสามารถขายสินค้าได้ในราคาที่สูงยิ่งกว่า ไข่มุกแท้ ๆ จากร้าน SME ในท้องถิ่น
ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ นั้นก็มาจากเรื่อง Branding และ ดีไซน์ นั่นเอง
แต่แบรนด์เหล่านี้ กลับสามารถขายสินค้าได้ในราคาที่สูงยิ่งกว่า ไข่มุกแท้ ๆ จากร้าน SME ในท้องถิ่น
ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ นั้นก็มาจากเรื่อง Branding และ ดีไซน์ นั่นเอง
ดังนั้น คุณจงจินต์ จึงได้นำเอาไอเดียนี้ มานำเสนอให้คุณพัชชาพลอย และคุณสาลิลฟังว่า พวกเราน่าจะมาทำแบรนด์จิวเวลรีจากไข่มุกแท้ แต่มีดีไซน์ที่ฉีกกรอบเดิม ๆ ของเครื่องประดับมุกที่ให้ความรู้สึกย้อนยุค
เมื่อทั้งสามคนเห็นตรงกัน การปั้นแบรนด์ Matara จึงได้เริ่มต้นขึ้น..
ซึ่งเราสามารถสรุปเคล็ดลับที่ได้จากแบรนด์ Matara ได้ 5 ข้อ ดังนี้
1. ตีโจทย์แบรนด์ตัวเองให้ชัดเจน และแตกต่าง
อย่างในกรณีของ Matara จะโฟกัสอยู่ 2 สิ่งหลัก ๆ คือ ไข่มุกแท้ และดีไซน์แบบ Casual ที่ดูทันสมัย และเข้าถึงคนได้หลายกลุ่ม
ซึ่งถ้าหากมองย้อนกลับไปเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ในประเทศไทยยังไม่ค่อยมีแบรนด์ไหนที่ผลิตสินค้าแนวนี้เป็นสินค้าหลักของแบรนด์เท่าไร จึงทำให้ Matara สามารถแจ้งเกิดเข้ามาในวงการนี้ได้
2. สร้าง Branding ให้เป็นสากล
โดยเหล่าผู้ก่อตั้งมองว่า ถ้า Matara จะไปได้ไกล เรื่องของ Branding ต้องเป็นระดับสากล
ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพ, โลโก หรือแม้กระทั่งแพ็กเกจจิงก็ต้องทำให้ออกมาดูเป็นมืออาชีพ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และทำให้ลูกค้ารู้สึกถึง Value ที่ทางแบรนด์ต้องการมอบให้
ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพ, โลโก หรือแม้กระทั่งแพ็กเกจจิงก็ต้องทำให้ออกมาดูเป็นมืออาชีพ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และทำให้ลูกค้ารู้สึกถึง Value ที่ทางแบรนด์ต้องการมอบให้
โดยหนึ่งในรายละเอียดที่ Matara ให้ความสำคัญไม่แพ้ตัวสินค้าก็คือ “แพ็กเกจจิง”
เพราะไม่เพียงจะเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่ช่วยให้คนจดจำแบรนด์ได้
แต่ยังช่วยสะท้อนให้ลูกค้าเห็นถึงความใส่ใจของแบรนด์ ที่แม้ว่าลูกค้าจะจ่ายเงินเพื่อซื้อเครื่องประดับ แต่การสร้างความประทับใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนลูกค้าเปิดดูสินค้าข้างในก็ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกถึงความใส่ใจของแบรนด์ได้
แต่ยังช่วยสะท้อนให้ลูกค้าเห็นถึงความใส่ใจของแบรนด์ ที่แม้ว่าลูกค้าจะจ่ายเงินเพื่อซื้อเครื่องประดับ แต่การสร้างความประทับใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนลูกค้าเปิดดูสินค้าข้างในก็ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกถึงความใส่ใจของแบรนด์ได้
3. การตั้งราคา
ราคาสินค้าโดยเฉลี่ยของ Matara ถือว่าเป็นช่วงราคาที่ไม่ได้ถูก แต่ก็ไม่ได้สูงมากนัก หากเทียบกับแบรนด์ Luxury ระดับ Global อื่น ๆ
โดยเหตุผลที่ Matara กำหนดราคาไว้ประมาณนี้
ก็เนื่องจากแบรนด์ Matara จะใช้ไข่มุกแท้ ที่มีต้นทุนสูง
แต่ก็ยังต้องควบคุมให้ราคาสอดคล้องไปกับแบรนด์ร่วมสมัยอื่น ๆ ได้
ก็เนื่องจากแบรนด์ Matara จะใช้ไข่มุกแท้ ที่มีต้นทุนสูง
แต่ก็ยังต้องควบคุมให้ราคาสอดคล้องไปกับแบรนด์ร่วมสมัยอื่น ๆ ได้
4. มองหาโอกาสจาก “ต่างประเทศ”
แบรนด์ Matara มักจะไปเข้าร่วม “งานแสดงสินค้าเครื่องประดับ” ที่ต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง
ซึ่งการนำสินค้าไปจัดแสดงแบบนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสให้แบรนด์ได้เจอกับลูกค้าชาวต่างชาติแบบ B2B ได้มากขึ้น
ซึ่งการนำสินค้าไปจัดแสดงแบบนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสให้แบรนด์ได้เจอกับลูกค้าชาวต่างชาติแบบ B2B ได้มากขึ้น
และสินค้าทั้งหมดของแบรนด์ Matara ที่ได้ไปวางขายอยู่ต่างประเทศ ก็ล้วนมีจุดเริ่มต้นมาจากการเจอกับลูกค้าในงานแสดงสินค้า จนนำไปสู่การตกลงให้แบรนด์ Matara นำสินค้าของตัวเองไปวางขายในพื้นที่ของลูกค้า ซึ่งมีตั้งแต่ร้าน Multi-Brand, ร้านชุดแต่งงาน และแพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์ต่าง ๆ
โดยหนึ่งในเหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้ลูกค้าต่างชาติถูกใจแบรนด์ Matara ก็เนื่องมาจากดีไซน์ และราคาที่คุ้มค่ากว่าแบรนด์อื่น ๆ ที่ผลิตสินค้าในเกรดเดียวกัน
นอกจากนี้ ทาง Matara ยังได้ให้คำแนะนำว่า ไม่ใช่ทุกครั้งที่การออกงานแสดงสินค้าแล้วจะประสบความสำเร็จ เพราะงานแสดงสินค้าแต่ละครั้งก็มักจะเต็มไปด้วย แบรนด์ และโรงงานจิวเวลรีนับร้อยจากทั่วโลก
จึงทำให้ในบางครั้งการออกงานก็อาจจะได้ผลตอบรับไม่ค่อยดีเท่าที่หวังนัก
จึงทำให้ในบางครั้งการออกงานก็อาจจะได้ผลตอบรับไม่ค่อยดีเท่าที่หวังนัก
แต่แทนที่ Matara จะมานั่งเสียใจ
พวกเขากลับเลือกที่จะใช้โอกาสนี้ไปศึกษาแบรนด์อื่น ๆ ในงานแทน
เพราะถ้ามองอีกมุม นี่คือโอกาสที่ดี ที่เราจะได้พบเจอกับแบรนด์เก่ง ๆ จากหลายประเทศ และยังได้เห็นภาพรวมของตลาดอีกว่า ตอนนี้ผู้คนชอบสินค้าแนวไหน และมีนวัตกรรมใหม่อะไรบ้าง
พวกเขากลับเลือกที่จะใช้โอกาสนี้ไปศึกษาแบรนด์อื่น ๆ ในงานแทน
เพราะถ้ามองอีกมุม นี่คือโอกาสที่ดี ที่เราจะได้พบเจอกับแบรนด์เก่ง ๆ จากหลายประเทศ และยังได้เห็นภาพรวมของตลาดอีกว่า ตอนนี้ผู้คนชอบสินค้าแนวไหน และมีนวัตกรรมใหม่อะไรบ้าง
ซึ่งทั้งหมดที่ได้เรียนรู้ พวกเขาก็จะเก็บมาพัฒนาให้แบรนด์ Matara สามารถก้าวไปทันโลก
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมแบรนด์ที่เพิ่งเกิดได้ไม่นานอย่าง Matara ถึงสามารถเข้าถึงลูกค้าต่างชาติได้หลากหลายประเทศนั่นเอง
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมแบรนด์ที่เพิ่งเกิดได้ไม่นานอย่าง Matara ถึงสามารถเข้าถึงลูกค้าต่างชาติได้หลากหลายประเทศนั่นเอง
5. ไม่ยึดติดกับวิธีเดิม ๆ
หลังจากเกิดวิกฤติโรคระบาด แน่นอนว่าการไปออกงานแสดงสินค้าก็คงทำได้ยากขึ้น
ส่วนหน้าร้านในไทยก็ได้รับผลกระทบไม่แพ้กัน เนื่องจากลูกค้าไม่สะดวกมาซื้อสินค้าที่หน้าร้าน
และจิวเวลรีที่เป็นสินค้าฟุ่มเฟือยก็คงจะเป็นสิ่งแรก ๆ ที่ผู้คนเลือกที่จะตัดรายจ่ายในส่วนที่ไม่จำเป็นออกไปก่อน
ส่วนหน้าร้านในไทยก็ได้รับผลกระทบไม่แพ้กัน เนื่องจากลูกค้าไม่สะดวกมาซื้อสินค้าที่หน้าร้าน
และจิวเวลรีที่เป็นสินค้าฟุ่มเฟือยก็คงจะเป็นสิ่งแรก ๆ ที่ผู้คนเลือกที่จะตัดรายจ่ายในส่วนที่ไม่จำเป็นออกไปก่อน
ดังนั้น โจทย์ของแบรนด์ในตอนนี้คือ ข้อจำกัดในการเดินทาง และราคา
ซึ่งทาง Matara ก็ได้แก้ปัญหานี้ด้วยการ “ไลฟ์ขายสินค้าในรูปแบบการประมูล”
โดยตั้งราคาเปิด ที่ถูกกว่าปกติ แล้วให้ลูกค้าเป็นคนประมูลว่า พอใจที่จะซื้อในราคาเท่าไร
และรายได้ส่วนหนึ่งจะถูกหักเพื่อนำไปบริจาค ซึ่งในตอนนี้ Matara และลูกค้าของแบรนด์ได้ช่วยกันบริจาคไปแล้วกว่า 1,700,000 บาท
โดยตั้งราคาเปิด ที่ถูกกว่าปกติ แล้วให้ลูกค้าเป็นคนประมูลว่า พอใจที่จะซื้อในราคาเท่าไร
และรายได้ส่วนหนึ่งจะถูกหักเพื่อนำไปบริจาค ซึ่งในตอนนี้ Matara และลูกค้าของแบรนด์ได้ช่วยกันบริจาคไปแล้วกว่า 1,700,000 บาท
แต่การซื้อจิวเวลรีที่เป็นไข่มุกแท้ ทางออนไลน์ ก็มีความท้าทายสำคัญ คือ
- เครื่องประดับอย่างแหวน เป็นสินค้าที่ต้องลอง เพื่อให้พอดีกับนิ้วของลูกค้าจริง ๆ
ดังนั้น ทาง Matara จึงแก้ปัญหาด้วยการให้คำแนะนำในการวัดขนาดไซซ์แหวนกับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าสบายใจได้ว่า สินค้าที่ซื้อไปจะใส่ได้จริง
ดังนั้น ทาง Matara จึงแก้ปัญหาด้วยการให้คำแนะนำในการวัดขนาดไซซ์แหวนกับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าสบายใจได้ว่า สินค้าที่ซื้อไปจะใส่ได้จริง
- สินค้ามีราคาสูง การสั่งซื้อผ่านออนไลน์โดยที่ลูกค้าไม่เคยเห็นของจริง ต้องอาศัยความน่าเชื่อถือ
โดยสินค้าทุกชิ้นของ Matara จะมีใบ Certificate รับรองว่าเป็นไข่มุกแท้ และเพชรแท้
นอกจากนี้ Matara ยังมีการรับประกันสินค้าถึง 2 ปี โดยทางแบรนด์จะรับผิดชอบการซ่อมสินค้าให้ฟรี
โดยสินค้าทุกชิ้นของ Matara จะมีใบ Certificate รับรองว่าเป็นไข่มุกแท้ และเพชรแท้
นอกจากนี้ Matara ยังมีการรับประกันสินค้าถึง 2 ปี โดยทางแบรนด์จะรับผิดชอบการซ่อมสินค้าให้ฟรี
นอกจากเรื่องการเน้นช่องทางออนไลน์มากขึ้นแล้ว
ทาง Matara ยังได้เพิ่มสินค้ากลุ่มใหม่เป็นคอลเลกชัน “HIGH JEWELRY” ที่ทำมาจาก ไข่มุกธรรมชาติ, Mother-Of Pearl หรือฝาของเปลือกไข่มุกที่นำมาเจียระไนให้ได้รูปร่างสวยงาม และประดับด้วยเพชรแท้รอบตัวเรือน
ทาง Matara ยังได้เพิ่มสินค้ากลุ่มใหม่เป็นคอลเลกชัน “HIGH JEWELRY” ที่ทำมาจาก ไข่มุกธรรมชาติ, Mother-Of Pearl หรือฝาของเปลือกไข่มุกที่นำมาเจียระไนให้ได้รูปร่างสวยงาม และประดับด้วยเพชรแท้รอบตัวเรือน
ที่น่าสนใจคือ แม้ว่าคอลเลกชัน HIGH JEWELRY จะมีราคาสูงกว่ารุ่นอื่น ๆ
แต่กลับได้รับผลตอบรับอย่างดีจากลูกค้า และยังช่วยกระตุ้นยอดการซื้อสินค้าต่อครั้งให้สูงขึ้นได้อีกด้วย
แต่กลับได้รับผลตอบรับอย่างดีจากลูกค้า และยังช่วยกระตุ้นยอดการซื้อสินค้าต่อครั้งให้สูงขึ้นได้อีกด้วย
ซึ่งการปรับตัวทั้งหมดที่เราได้กล่าวไปนั้น
ไม่เพียงแค่จะช่วยให้บริษัทอยู่รอด แต่ยังทำให้บริษัทเติบโตอีกด้วย
โดยในปี 2020 ที่ผ่านมา รายได้เติบโตขึ้นเกือบ 40%
และในปี 2021 นี้ทาง Matara ก็ได้เปิดเผยว่ารายได้จะเติบโตขึ้นมากกว่า 100%
ไม่เพียงแค่จะช่วยให้บริษัทอยู่รอด แต่ยังทำให้บริษัทเติบโตอีกด้วย
โดยในปี 2020 ที่ผ่านมา รายได้เติบโตขึ้นเกือบ 40%
และในปี 2021 นี้ทาง Matara ก็ได้เปิดเผยว่ารายได้จะเติบโตขึ้นมากกว่า 100%
ทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวของ Matara และสำหรับใครที่สนใจ
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ : www.matarastudio.com
หรือ Instagram : @matarastudio
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ : www.matarastudio.com
หรือ Instagram : @matarastudio