CHAMÉ x ลงทุนเกิร์ล

ตลาด “คอลลาเจน” แข่งเดือด หลายแบรนด์ต่างพยายามแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาด
ยิ่งพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่เปลี่ยนไป หลายคนหันมาดูแลรักษาตัวเองให้ดูดี ไม่ให้ “ความแก่มาเยือนก่อนวัย” ส่งผลให้ “ตลาดสุขภาพและความงาม” มีการเติบโตขึ้นอย่างชัดเจน

ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมการดูแลตัวเองของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงทั่วโลก รวมถึงพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไป

จากผลสำรวจของสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ที่ได้สำรวจความคิดเห็นจากกลุ่มตัวอย่างเกี่ยวกับ New Normal ของคนไทย หลังจากสถานการณ์โควิด 19 พบว่า 45.39% หันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น
ด้วยการออกกำลังกาย รับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและวิตามิน เพื่อดูแลสุขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรง และปรึกษาแพทย์อยู่เสมอ

สอดคล้องกับ ไอพีจี มีเดียแบรนด์ส ประเทศไทย ที่คาดการณ์ความเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค เมื่อโควิด 19 จบลงว่า ผู้คนจะมีความวิตกเรื่องสุขภาพ และมีแนวโน้มหันมาดูแลป้องกันสุขภาพเพิ่มขึ้น

โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Y และขยายไปยังช่วงวัยอื่น ๆ เช่น กลุ่ม Baby Boomer หรือผู้สูงอายุ
เนื่องจากมีข้อมูลว่า การรักษาสุขภาพให้ดีอยู่เสมอ จะช่วยป้องกันไวรัสได้
ส่งผลให้อาหารที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันจะเป็นที่ต้องการมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความกังวลเรื่องสุขภาพของผู้บริโภค

ซึ่งตลาดคอลลาเจน นับเป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่และมีความน่าสนใจที่สุด ในกลุ่มผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารเสริมทั้งความงามและสุขภาพ

เพราะตลาดวิตามินและอาหารเสริมปี 2020 ของไทยมีมูลค่า 25,269 ล้านบาท
ซึ่งตลาดที่กินส่วนแบ่งมากที่สุด ก็คือ “ตลาดคอลลาเจน”
โดยมีมูลค่าตลาดประมาณ 5,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 20% ของตลาดรวม และมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 5.9% ต่อปี

จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นแบรนด์ต่าง ๆ พร้อมที่จะเข้ามาช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาดในเค้กก้อนนี้

ทำให้ตลาดคอลลาเจนในประเทศไทยเกิดการแข่งขันกันสูงและรุนแรงมาก
ทั้งในด้านราคาและความน่าเชื่อถือในด้านคุณภาพ จึงเรียกได้ว่าเป็นความท้าทายของแบรนด์ต่าง ๆ ที่จะทำให้อยู่รอดได้ในตลาดนี้

แต่สำหรับแบรนด์ “ชาเม่” ก็ถือว่ามีแต้มต่อ เพราะสามารถนำเสนอจุดยืนที่แตกต่างจากแบรนด์คอลลาเจนทั่วไป ทั้งการคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ และนำเสนอนวัตกรรมใหม่ ๆ ซึ่งอยู่ในผลิตภัณฑ์ชาเม่ คอลลาเจนในปัจจุบัน

รวมถึงความเข้าใจความต้องการของผู้บริโภค (Consumer Insights) ในเรื่องความกังวลเกี่ยวกับการดูแลตัวเองแบบองค์รวม ซึ่งผลิตภัณฑ์เพียงตัวเดียวก็ไม่สามารถตอบปัญหาที่มีมากกว่าหนึ่งปัญหาได้ จึงทำให้ “ชาเม่” คิดค้นผลิตภัณฑ์คอลลาเจนออกมาหลากหลายสูตร

ซึ่งจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ชาเม่ จะเน้นในเรื่องคุณภาพและประสิทธิภาพที่เห็นผลจริง ที่แตกต่างจากหลาย ๆ แบรนด์ที่อยู่ในตลาด ทำให้มีตัวเลือกสำหรับลูกค้า

แต่ยิ่งไปกว่านั้น ชาเม่ได้สร้างความแตกต่างให้เห็นว่าการบริโภคสินค้าภายใต้แบรนด์ ชาเม่ ต้องเห็นผลได้จริง โดยผลิตภัณฑ์ทุกตัวจะต้องผ่านการทดสอบอย่างชัดเจน ด้วยการร่วมมือกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เพื่อตอบโจทย์ปัญหาด้านความงามและสุขภาพที่ผู้บริโภคต้องการอย่างชัดเจนและตรงจุด

ทั้งหมดนี้ สะท้อนออกมาเป็นเสียงตอบรับที่ดี จากการมียอดขายอันดับ 1 ในผลิตภัณฑ์ ชาเม่ คอลลาเจน พลัส ที่สามารถครองใจตลาดอาหารเสริมด้านความงามได้ตั้งแต่ปีแรก จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลา 3 ปีซ้อน

นอกจากนั้น ยังได้รับการยอมรับจากหนังสือด้านความงาม สุขภาพ และบิวตีกูรูชั้นนำ รวมถึงคู่ค้าทางธุรกิจ และผู้บริโภคด้วยเช่นกัน

โดยล่าสุด ชาเม่ คอลลาเจน พลัส ได้รับรางวัล BEST SELLING FOOD SUPPLEMENT - ANTI AGING & WHITENING COLLAGEN POWDER สุดยอดสินค้าขายดี ประเภทเสริมอาหาร ในหมวดคอลลาเจนเพื่อผิวสวย เนียนใส ชนิดผง และคอลลาเจนในหมวดสุขภาพ

อีกทั้ง ชาเม่ คริสตัล คอลลาเจน ยังได้รับการตอบรับที่ดี จนได้รับรางวัล BEST SELLING FOOD SUPPLEMENT - PURE COLLAGEN สุดยอดสินค้าขายดีที่วัตสัน ประเภท เสริมอาหาร ในหมวดคอลลาเจนเพียว เพื่อผิวพรรณ ข้อต่อ และกระดูก ในงาน WATSONS HWB AWARDS 2022 อีกด้วย

ซึ่งวัตสันนับว่าเป็นช่องทางโมเดิร์นเทรดที่สำคัญของกลุ่มผลิตภัณฑ์นี้ ที่สามารถสะท้อนเทรนด์ของผู้บริโภคไทยมากที่สุดอีกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น หากดูผลประกอบการของ บริษัท ชาร์มมิ่งเวิลด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จะพบว่า

จากผลประกอบการ 2 ปีที่ผ่านมาชี้ให้เห็นว่า ชาเม่เติบโตสวนกระแส แม้จะอยู่ท่ามกลางสถานการณ์โควิด 19 และสามารถสร้างรายได้กว่า 1,000 ล้านบาท กำไรสะสมกว่า 100 ล้านบาท

ตัวเลขดังกล่าว เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารด้านสุขภาพและความงามที่ชาเม่มีอยู่ในตลาดนั้น ถือว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์ชาเม่ คอลลาเจน เป็นส่วนสำคัญที่สร้างยอดขาย และความเติบโตให้บริษัทฯ รวมถึงการคว้ารางวัลอย่างต่อเนื่อง

และยังช่วยขยายชื่อเสียงให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารด้านสุขภาพและความงามของ “ชาเม่” หรือ “ผลิตภัณฑ์ ชาเม่ คอลลาเจน” เป็นที่รู้จักในวงกว้างอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

คุณนันท์ฐณิชา ศิริปรีดาวัชร์ ประธานกรรมการเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท ชาร์มมิ่งเวิลด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า

“การได้รับรางวัลในครั้งนี้ เป็นความภาคภูมิใจที่ยืนยันถึงความทุ่มเท และความตั้งใจ ที่จะทำให้คนไทยได้มีผลิตภัณฑ์ที่ดี และถือเป็นอีกหนึ่งเสียงสำคัญที่ยืนยันจากผู้บริโภคว่า ผลิตภัณฑ์คอลลาเจนภายใต้แบรนด์ “ชาเม่” มีคุณภาพและได้รับการยอมรับในเรื่องความน่าเชื่อถือ ประสิทธิภาพ และราคาที่จับต้องได้ จากผู้บริโภคมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นจุดยืนที่แตกต่างจากคอลลาเจนทั่วไปในตลาด”

และสิ่งที่ตอกย้ำถึงการพัฒนาสู่การเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในประเทศไทย ก็คือการที่ชาเม่ นำนวัตกรรมวิตามินคอลลาเจนเข้มข้นรูปแบบใหม่ ที่แค่ฉีกซองแล้วกรอกปากก็พร้อมดูดซึมทันที ให้ความสะดวก เพราะไม่ต้องชง และพกพาง่าย

ซึ่งนับว่าเป็นผู้บุกเบิกเทรนด์อาหารเสริม จากผู้นำตลาดด้านความงามของเอเชีย อย่างประเทศเกาหลีใต้ ออกสู่ท้องตลาดอาหารเสริมไทย เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคปัจจุบัน ที่นอกจากจะให้ความสำคัญในเรื่องผลลัพธ์ตามความต้องการแล้ว ยังต้องการอะไรที่ง่าย สะดวก และรวดเร็ว

นั่นก็คือ “ชาเม่ เจนมี” มีให้เลือก 2 สูตร (สูตร CLEAR เน้นสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิว รอยสิว และสูตร GLOW เน้นสำหรับผู้ที่มีผิวแห้งกร้าน เสริมให้ผิวฉ่ำโกลว์ขึ้น) โดยนำเสนอผ่านนักแสดงสาวชื่อดัง อย่างคุณโบว์ เมลดา สุศรี ซึ่งเป็นพรีเซนเตอร์

อย่างไรก็ตาม การประสบความสำเร็จและการเติบโตในกลุ่มสินค้าคอลลาเจนของชาเม่ ไม่ใช่ “เส้นชัย” แต่เป็นเพียง “จุดเริ่มต้น”

เพราะชาเม่ยังพร้อมบุกตลาดอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ และตั้งใจที่จะขยายธุรกิจให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคต่อไป