ธุรกิจฟาร์มสาหร่าย ย้ายคาร์บอนในอากาศ ไปเก็บไว้ ใต้ท้องทะเล
Business

ธุรกิจฟาร์มสาหร่าย ย้ายคาร์บอนในอากาศ ไปเก็บไว้ ใต้ท้องทะเล

8 พ.ย. 2022
ธุรกิจฟาร์มสาหร่าย ย้ายคาร์บอนในอากาศ ไปเก็บไว้ ใต้ท้องทะเล /โดย ลงทุนเกิร์ล
รู้หรือไม่ เมื่อต้นปีนี้
องค์กรการกุศลของ “คุณมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก และภรรยา”
ได้ซื้อสินค้าล่วงหน้า จากฟาร์มสาหร่าย Running Tide เป็นจำนวนเงินก้อนโต
แต่ว่า พวกเขาไม่ได้กำลังซื้อขายสาหร่ายกันอยู่
แล้ว Running Tide ขายสินค้าอะไร ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
ก่อนที่จะเข้าใจธุรกิจของ Running Tide อย่างถ่องแท้ได้
เราต้องมีพื้นฐานเกี่ยวกับ “คาร์บอน” และ “วัฏจักรคาร์บอน” เสียก่อน
โดยโลกเราเปรียบได้กับ “ระบบปิด” เมื่อเทียบกับสสาร
ซึ่งอธิบายแบบง่าย ๆ คือ สสารทุกอย่าง ไม่สามารถหายไปได้
มันแค่เปลี่ยนสภาพ หรือเปลี่ยนสถานะไปเรื่อย ๆ เป็นวัฏจักร
และ “คาร์บอน” ก็เช่นกัน..
ซึ่งกระบวนการหมุนเวียน เปลี่ยนสถานะไปมาของคาร์บอนนั้น จะถูกเรียกว่า “วัฏจักรคาร์บอน”
นี่จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไม เราถึงไม่สามารถทำให้ คาร์บอนบนโลกหายไปได้
แต่สิ่งที่เราพอจะทำได้ คือ “การเปลี่ยนที่อยู่ของมัน”
โดยมีงานวิจัยที่พบว่า “สาหร่ายทะเล” สามารถดึงเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ มาสังเคราะห์แสงได้ในปริมาณมหาศาล
ที่สำคัญ คือ เมื่อสาหร่ายโตจนถึงจุดหนึ่ง
น้ำหนักที่มากขึ้น จะทำให้มันจมลงไปอยู่ใต้ท้องทะเล
ทำให้คาร์บอนถูกกักเก็บ จากชั้นบรรยากาศไว้ได้นานนับร้อยปี
แถมสาหร่ายยังสามารถขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว
และยังเพาะพันธุ์ได้บนผิวน้ำทะเล ซึ่งมีพื้นที่ถึง 2 ใน 3 ของเปลือกโลก
โดยวารสารวิชาการ Nature GeoScience เขียนไว้ว่า
สาหร่ายทะเลสามารถเก็บคาร์บอนได้มากถึง 175 ล้านตันต่อปี
หรือเทียบเท่ากับ 10% ของคาร์บอนที่มาจากควันรถยนต์ทั้งโลกเลยทีเดียว
ดังนั้น Running Tide จึงนำงานวิจัยมาต่อยอด
จนเกิดเป็น “ฟาร์มสาหร่าย”
ซึ่งมีรูปแบบการทำงาน ดังนี้
-ยัดเมล็ดสาหร่าย ในทุ่นที่เอื้อต่อการเติบโต และย่อยสลายได้
-พัฒนาซอฟต์แวร์ ที่วัดปริมาณคาร์บอนที่สาหร่ายถ่วงเก็บไว้ใต้ท้องมหาสมุทร
-คำนวณปริมาณคาร์บอนที่ถูกขังไว้ในสาหร่าย
-ขาย “คาร์บอนเครดิต” ให้บริษัทเอกชน หรือองค์กรต่าง ๆ เพื่อสร้าง “รายได้” นั่นเอง
โดย Running Tide ตั้งเป้าไว้ว่า จะกักเก็บคาร์บอนให้ถึง 1,000 ล้านตัน ภายในปี 2025 หรือก็คือเหลือเวลาอีกแค่ประมาณ 3 ปีเท่านั้น ที่พวกเขาจะทำตามเป้าหมายอันยิ่งใหญ่นี้ให้เป็นรูปธรรมขึ้นมา
และอีกเรื่องที่น่าสนใจ คือ เมื่อต้นปีนี้
หน่วยงานการกุศลของคุณมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก และภรรยา
รวมถึง Shopify อีคอมเมิร์ซ รายใหญ่ของแคนาดา
และ Stripe สตาร์ตอัปยูนิคอร์น ที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก
ยังได้ทุ่มเงิน ซื้อคาร์บอนเครดิตล่วงหน้า จาก Running Tide
ซึ่งมีการเปิดเผยว่า ในส่วนของบริษัท Stripe ได้จ่ายเงินสำหรับค่าคาร์บอนเครดิต ในราคาสูงถึง 9,500 บาท/ตัน เลยทีเดียว
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญทางชีวธรณีเคมีทางทะเล ก็มีความกังวลว่า “ฟาร์มสาหร่ายของ Running Tide อาจทำให้ระบบนิเวศเสียสมดุล”
เนื่องจากจำนวนของสาหร่ายทะเลที่มากเกินไป อาจทำให้แพลงก์ตอน ซึ่งเป็นอาหารของสัตว์น้อยใหญ่ ลดน้อยลง และทำลายระบบห่วงโซ่อาหารในที่สุด
รวมถึงยังไม่มีอะไรการันตีได้ว่า
สาหร่ายที่ตั้งใจปลูกไว้เพื่อเก็บคาร์บอน
จะไม่กลายเป็นอาหารของสัตว์ทะเล
แล้วกลับขึ้นไปอยู่ในชั้นบรรยากาศ
จนทำให้ปริมาณคาร์บอนที่ตั้งใจเก็บไว้ใต้ก้นมหาสมุทร อาจไม่ได้มากอย่างที่คิด
แต่ไม่ว่า Running Tide จะสามารถทำให้สำเร็จได้จริงหรือไม่
สิ่งที่เราควรกังวลจริง ๆ อาจเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ จากการกระทำของมนุษย์ ที่เร่งให้เกิดการปล่อยคาร์บอนขึ้นสู่อากาศ เป็นจำนวนมหาศาล ในทุก ๆ นาที
เพราะในอีกมุมหนึ่ง ยิ่งมีธุรกิจที่ซื้อคาร์บอนเครดิตกับ Running Tide มากเท่าไร
มันก็ยิ่งสะท้อนให้เห็น จำนวนคาร์บอนที่ถูกปล่อยขึ้นไปเช่นกัน..
--------------------------------------------------------------------------
(ad)กลุ่มบริษัทธนจิรากรุ๊ป เดินหน้าขยายธุรกิจหาญ เวลเนสแอนด์ฮอสพิทอลลิตี้ (HARNN Wellness & Hospitality) ครอบคลุมทั้งเวลเนสและสปาภายในประเทศและต่างประเทศในระดับ Regional สร้างให้แบรนด์ไทยเป็นที่รู้จัก และสร้างความภูมิใจในระดับสากลรวมกว่า 16 สาขาทั่วภูมิภาค

https://www.facebook.com/TANACHIRA-GROUP-174055739828807/
#TANACHIRA #HARNN #SCapebyHARNN
--------------------------------------------------------------------------
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.