“ชีสนมลา” ชีสที่แพงที่สุดในโลก มีราคาเกือบเท่า iPhone 14 Pro Max
Business

“ชีสนมลา” ชีสที่แพงที่สุดในโลก มีราคาเกือบเท่า iPhone 14 Pro Max

9 ก.พ. 2023
“ชีสนมลา” ชีสที่แพงที่สุดในโลก มีราคาเกือบเท่า iPhone 14 Pro Max /โดย ลงทุนเกิร์ล
รู้หรือไม่ว่า ปัจจุบัน ชีสที่ถูกขนานนามให้เป็น “ชีสที่แพงที่สุดในโลก”
ไม่ใช่ชีสที่ทำมาจากนมวัว หรือนมแพะ แต่กลับเป็นชีสที่ทำมาจาก “นมลา”
โดยชีสนมลา มีราคาสูงถึง 40,000 บาทต่อกิโลกรัม
หรือถ้าพูดให้เห็นภาพชัด ๆ ก็คือ ชีสชนิดนี้มีราคาเกือบเท่ากับ iPhone 14 Pro Max เครื่องหนึ่งเลยทีเดียว
เรื่องราวของชีสนมลา น่าสนใจอย่างไร ?
แล้วทำไมถึงมีราคาแพง ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
Pule cheese หรือ ชีสนมลา เป็นชีสที่มีส่วนผสมหลักมาจากนมลา สายพันธุ์บอลข่าน
ซึ่งเป็นลาสายพันธุ์หายาก ที่มีจำนวนเพียงแค่หลักร้อยตัว ในประเทศเซอร์เบีย
ว่ากันว่า ส่วนหนึ่งที่ทำให้ชีสนมลามีราคาแพง ก็เป็นเพราะความซับซ้อนของรสชาติ
อีกทั้งยังมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ และเนื้อสัมผัสที่นุ่มละมุน เนียนกว่าชีสทั่ว ๆ ไป
นอกจากนี้ ยังมีเหตุผลอื่น ๆ ที่มาช่วยเสริมให้ชีสนมลา มีราคาแพงที่สุดในโลก
อันดับแรกก็คือ “ความยากในการผลิต”
โดยชีสนมลา มีส่วนผสมหลักมาจากนมลา 60% และนมแพะอีก 40%
แต่กว่าจะออกมาเป็นชีสนมลา 1 กิโลกรัม จะต้องใช้น้ำนมลาถึง 25 ลิตร
ซึ่งลาสายพันธุ์บอลข่าน 1 ตัว จะสามารถผลิตนมได้น้อยกว่า 2 ลิตรต่อวัน
และเกษตรกรจะต้องรีดนมด้วยมือ 3 ครั้งต่อวัน หากรีดนมไม่หมด พวกลาก็จะไม่ผลิตนมเพิ่ม
ที่สำคัญ ลาตัวเมียจะผลิตน้ำนมได้ก็ต่อเมื่อคลอดลูกแล้วเท่านั้น
เท่ากับว่าเกษตรกรจะต้องรอลาอุ้มท้องเป็นเวลา 1 ปีกับ 2 สัปดาห์
และต้องรอแม่ลาเลี้ยงลูกอีก 3 เดือนก่อน จึงจะสามารถเริ่มรีดนมได้
มากไปกว่านั้น ปัจจุบัน แหล่งผลิตชีสนมลา ก็มีเพียงที่เดียวในโลก นั่นก็คือฟาร์มเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในประเทศเซอร์เบีย ซึ่งภายในฟาร์มนี้ ก็มีลาที่สามารถผลิตน้ำนมได้ แค่เพียง 20 กว่าตัวเท่านั้น
โดยข้อจำกัดเหล่านี้ ส่งผลให้ขั้นตอนการผลิตชีสนมลานั้นยากขึ้น
เพราะต้องใช้ระยะเวลาในการผลิต นานกว่าชีสประเภทอื่น ๆ หลายเท่า
ซึ่งสินค้าประเภทที่ต้องใช้ระยะเวลาในการผลิตนาน ก็มักจะมีราคาสูงตามไปด้วย
เพราะระยะเวลานั้น ๆ ก็จะแลกมากับคุณค่าของผลิตภัณฑ์
ซึ่งคุณค่าที่ว่านี้ ก็หมายถึง การได้มายากและการมีอยู่อย่างจำกัด นั่นเอง
เช่นเดียวกับ Iberico Ham หรือ แฮมขาหมูดำ ที่ต้องใช้ระยะเวลาในการผลิต เกือบ 5 ปี
แต่ก็สามารถขายได้ในราคาที่สูงถึง 150,000 บาทต่อขาเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าภายใน 1 ปี ฟาร์มที่ผลิตชีสนมลาแห่งนี้
จะสามารถผลิตชีสได้สูงสุดเพียง 70 กิโลกรัม
แต่มันก็สามารถทำเงินให้กับฟาร์มเล็ก ๆ ได้เกือบ 3 ล้านบาทต่อปี
นอกจากนี้ ยังมีอีกเหตุผล นั่นก็คือ “ความเชื่อเรื่องความงาม และสรรพคุณทางยา”
จริง ๆ แล้ว นมลากับความงาม มีชื่อเสียงคู่กันมาช้านาน
โดยมีตำนานเล่าขานกันว่า คลีโอพัตรา ราชินีแห่งอียิปต์
ก็เลือกใช้น้ำนมลาสำหรับแช่ผิว เพื่อให้ผิวของเธออ่อนนุ่มและดูเปล่งปลั่ง
อีกทั้งนมลา ยังถูกยกให้เป็นยาอายุวัฒนะอย่างหนึ่ง
เพราะอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และโปรตีน ซึ่งมีสารอาหารที่คล้ายคลึงกับน้ำนมแม่
ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของนมลา รวมถึงชีสนมลา
จึงไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์ธรรมดา ๆ แต่กลับเป็นแหล่งรวมสารอาหารในสายตาของใครหลายคน
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ อาจสรุปสั้น ๆ ได้ว่า การผลิตสินค้าแปลกใหม่ ที่มีคู่แข่งในตลาดน้อย
อาจทำให้สินค้าของเรามีเอกลักษณ์ จนสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าได้
เพราะแม้ว่าชีสนมลา จะมีราคาสูงกว่าชีสประเภทอื่น ๆ หลายเท่า จนกลายเป็นชีสที่แพงที่สุดในโลก
แต่ผู้บริโภคก็ยอมจ่ายแพง เพื่อแลกกับคุณค่าของผลิตภัณฑ์เช่นกัน..
---------------------------------------------------------
(ad)กลุ่มบริษัทธนจิรากรุ๊ป พุ่งเป้าพัฒนาธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage) เพื่อเข้ามาเติมเต็มและต่อจิกซอว์เทรนด์ไลฟ์สไตล์ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น หลังจากประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าชาวไทยและต่างชาติที่มาใช้บริการร้าน Marimekko Pop-Up Café คาเฟแห่งแรกในโลก พร้อมเดินหน้าปูทางธุรกิจ F&B ภายใต้แบรนด์อื่นในเครือ หวังเจาะตลาดกลุ่มลูกค้า Gen Y - Gen Z มากขึ้น
https://www.facebook.com/TANACHIRA-GROUP-174055739828807/
#TANACHIRA #MarimekkoCafeThailand
---------------------------------------------------------
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.