ทำไม Ladybird ถึงเป็นคอลเลกชันเรือนเวลา ที่สร้างประวัติศาสตร์ให้กับ Blancpain
Fashion

ทำไม Ladybird ถึงเป็นคอลเลกชันเรือนเวลา ที่สร้างประวัติศาสตร์ให้กับ Blancpain

24 พ.ค. 2023
Blancpain x ลงทุนเกิร์ล
เมื่อเอ่ยชื่อ Blancpain เชื่อว่า คนที่ชื่นชอบนาฬิกา รู้จักกันเป็นอย่างดี
เพราะนอกจากจะเป็นแบรนด์นาฬิกาสัญชาติสวิส ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
ตลอดเส้นทาง 288 ปีที่ผ่านมา Blancpain ยังได้สร้างชื่อผ่านผลงานเรือนเวลามากมาย
แน่นอนว่า ถ้าพูดถึงเรือนเวลาสำหรับสุภาพสตรี
หนึ่งในคอลเลกชันที่มีบทบาทสำคัญ คือ คอลเลกชัน Ladybird
ที่ช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์ของ Blancpain ในฐานะผู้บุกเบิก และสร้างประวัติศาสตร์เรือนเวลาสำหรับสุภาพสตรี ได้เป็นอย่างดี
ทำไม คอลเลกชัน Ladybird ถึงเป็นหนึ่งในหมุดหมายสำคัญของ Blancpain ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
ย้อนกลับไปในช่วงปี 1920-1930 ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความท้าทายของ Blancpain
เพราะนอกจากจะต้องเผชิญกับวิกฤติจากสงครามโลกครั้งที่ 1 และวิกฤติเศรษฐกิจครั้งสำคัญของโลกอย่าง The Great Depression
ยังเป็นช่วงที่ Frédéric-Emile Blancpain ทายาทรุ่นที่ 7 ของตระกูล Blancpain จากโลกนี้ไปอย่างกะทันหัน จนต้องมีการแต่งตั้งซีอีโอคนใหม่
แต่ด้วยความที่ลูกสาวของ Frédéric-Emile Blancpain ไม่ได้คิดที่จะสืบทอดธุรกิจต่อ
เธอจึงทาบทามให้ Betty Fiechter ซึ่งเป็นผู้ช่วยที่คุณพ่อของเธอปลุกปั้นมากับมือ ขึ้นเป็นซีอีโอคนใหม่
ซึ่งเธอถือว่าเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของแบรนด์ในอุตสาหกรรมนาฬิกาสวิสตั้งแต่ปี 1932 และยังสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับ Blancpain
ผลงานสำคัญของเธอ คือ การเปิดประตูโลกแห่งนาฬิกาจิวเวลรีให้กับแบรนด์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
โดยหนึ่งในลูกค้าคนสำคัญได้แก่ Marilyn Monroe นักแสดง นางแบบ และนักร้องสาวชาวอเมริกันผู้โด่งดัง
ในปี 1956 Betty Fiechter ยังสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ ด้วยการเปิดตัว​คอลเลกชัน Ladybird ซีรีส์นาฬิกาสำหรับสุภาพสตรี
ซึ่งมาพร้อมกับกลไกทรงกลม ที่เล็กที่สุดในโลก ณ เวลานั้น และกลายเป็นอีกสุดยอดนวัตกรรม ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง
จากวันนั้นถึงวันนี้ คอลเลกชัน Ladybird ยังคงเป็นเรือนเวลาที่ครองใจสุภาพสตรี
โดยเฉพาะคอลเลกชันล่าสุด Ladybird Colors ที่ทางแบรนด์แต่งแต้มสีสันใหม่ เพิ่มความโดดเด่นให้เรือนเวลาในตำนานด้วยดิไซน์หรูหราร่วมสมัย กลับมาโลดแล่นและมีชีวิตชีวาอีกครั้ง
มาพร้อมสองฟังก์ชัน อย่าง small seconds และ moon phase ที่ไม่เคยปรากฏอยู่ในไลน์นาฬิกาจิวเวลรีของแบรนด์มาก่อน
แถมยังเพิ่มความโดดเด่นให้หน้าปัดด้วยดิไซน์พิเศษแบบอสมมาตร ประกอบด้วยตัวเลขโรมันหลากหลายสีสัน ทั้ง midnight blue, peacock green, forest green, lilac หรือ turquoise
ที่พอนำมาจับเข้าคู่กับสีของสายนาฬิกา ตัวเรือนเรดโกลด์หรือไวต์โกลด์แล้วดูลงตัว สวยสะดุดตาทุกเฉดสี​
นอกจากนี้ Ladybird Colors ยังมาพร้อมขนาดหน้าปัดเหมาะเจาะที่ 34.9 มม.
งดงามด้วยเพชรประดับจำนวน 58 เม็ด น้ำหนักรวมประมาณ 2 กะรัต
ที่รังสรรค์ขึ้นด้วยความเชี่ยวชาญในการประดับเพชรขั้นสูง มีการจัดวางเรียงประกบเพชรด้วยมือทีละเม็ด เพื่อให้ได้เหลี่ยมองศาที่ช่วยให้เพชรทุกเม็ดเปล่งประกายอย่างงดงามที่สุด
ทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติที่สามารถสำรองพลังงานได้นาน 4 วัน มาพร้อมซิลิคอนบาลานซ์สปริง
มีตุ้มเหวี่ยงทองคำสีเข้ากันกับสีของตัวเรือน รูปทรงโค้งมน โปร่ง ล้อไปกับดิไซน์ของหน้าปัด
เรียกได้ว่า Ladybird Colors รุ่นใหม่ ไม่เพียงออกแบบมาเพื่อให้ตอบโจทย์การสวมใส่ในชีวิตประจำวัน
ทั้งเที่ยงตรง สวมใส่สบาย และหรูหราดูมีสไตล์ กลไกยังถูกตกแต่งอย่างประณีต ทำงานเปี่ยมประสิทธิภาพ
ไม่ว่าจะมองจากด้านหน้าหรือด้านหลัง ก็สะท้อนถึงศาสตร์และศิลป์แห่งการรังสรรค์เรือนเวลาที่อยู่ในจุดสูงสุดแห่งความหรูหราได้เป็นอย่างดี
มาถึงตรงนี้ คงหายข้องใจแล้วว่า ทำไม Ladybird Colors ถึงเป็นอีกหนึ่งซีรีส์นาฬิกาที่สุภาพสตรีต่างหมายปอง
โดยเฉพาะโฉมใหม่ ที่ออกแบบมาให้ยังคงเอกลักษณ์ของต้นฉบับ แต่เพิ่มเติมความสดใสให้กับผู้สวมใส่ได้อย่างไร้ที่ติทีเดียว
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.