กรณีศึกษา 4U2 แบรนด์เครื่องสำอาง 500 ล้าน ที่ครั้งหนึ่งเกือบต้องปิดกิจการ
Business

กรณีศึกษา 4U2 แบรนด์เครื่องสำอาง 500 ล้าน ที่ครั้งหนึ่งเกือบต้องปิดกิจการ

21 ก.ย. 2023
กรณีศึกษา 4U2 แบรนด์เครื่องสำอาง 500 ล้าน ที่ครั้งหนึ่งเกือบต้องปิดกิจการ /โดย ลงทุนเกิร์ล
ถ้าพูดถึงแบรนด์เครื่องสำอาง ราคาย่อมเยา เชื่อว่าผู้หญิงไทยหลายคนน่าจะรู้จักแบรนด์เครื่องสำอาง “4U2”
รู้ไหมว่าครั้งหนึ่ง 4U2 เคยเกิดวิกฤติจนเกือบจะไม่รอด แต่สุดท้ายก็ค่อย ๆ ฟื้นตัว จนวันนี้มีรายได้หลักร้อยล้านบาท
เรื่องราวของ 4U2 เป็นอย่างไร
แล้วแบรนด์ใช้กลยุทธ์ไหน ถึงฟื้นกลับมาได้ ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
ก่อนอื่นต้องบอกว่า 4U2 เป็นแบรนด์เครื่องสำอาง ที่คุณแม่ของคุณแมรี่ อมรรัตน์ ซื้อลิขสิทธิ์มาจากสหรัฐอเมริกา เริ่มมาวางขายในไทยตั้งแต่ปี 2545
โดยเป็นหุ้นส่วนในแบรนด์ 4U2 ร่วมกับชาวต่างชาติ
แต่ด้วยความว่า ธุรกิจเครื่องสำอางนั้นเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง มีทั้งผู้ประกอบการรายเล็ก และรายใหญ่ ในตลาด ทำให้ยอดขายของ 4U2 จึงไม่ค่อยสู้ดีนัก
เรื่องแย่ ๆ ยังไม่จบ เมื่อปี 2554 ที่ประเทศไทยเกิดน้ำท่วมใหญ่ขึ้น
ธุรกิจ 4U2 ได้รับผลกระทบอย่างหนัก จนยอดขายแย่เข้าไปอีก ทำให้ 4U2 ต้องปิดสาขาไปหลายสิบแห่ง
ซึ่งในขณะนั้น บริษัทมีภาระหนี้สินอยู่อีกประมาณ 40 ล้านบาท
ซ้ำร้าย หุ้นส่วนชาวต่างชาติกลับขอขายหุ้น แล้วให้ทางนี้ไปใช้หนี้ต่อเอง
ณ ตอนนั้น คุณแม่ของคุณแมรี่ กำลังตัดสินใจว่าจะทำธุรกิจนี้ต่อ หรือพอแค่นี้
อย่างไรก็ตาม คุณแมรี่ อมรรัตน์ ที่ตอนนั้นยังเรียนมหาวิทยาลัยไม่จบ
ตัดสินใจบอกกับคุณแม่ว่า จะขอเข้ามาบริหารแบรนด์ และนำหนี้ทั้งหมดมาจัดการต่อ
คุณแมรี่ ถือเป็นคนที่กล้าหาญมาก เพราะเธออายุเพียง 22 ปี แต่ตัดสินใจสู้ต่อ และแบกรับหนี้สินก้อนโตเอาไว้เอง
ช่วงแรก ๆ ที่คุณแมรี่มารับช่วงต่อนั้น อาจจะเรียกได้ว่าเป็นช่วงวัดใจเลยก็ว่าได้ เพราะเธอต้องทุ่มเททั้งแรงกาย และแรงใจอย่างเต็มที่
เนื่องจากในตอนนั้น แบรนด์ 4U2 ต้องปลดพนักงานออกเกือบหมด ทำให้คุณแมรี่ ต้องออกไปยืนขาย และแนะนำสินค้าด้วยตัวเอง
หลังจากความทุ่มเทและความพยายามอย่างหนัก เรื่องน่ายินดีก็เกิดขึ้น คุณแมรี่ใช้เวลาเพียง 4 ปี ก็สามารถปลดหนี้ทั้งหมดได้สำเร็จ
เทคนิคสำคัญของคุณแมรี่ ก็คือ การเรียนรู้จากแบรนด์อื่น และนำมาปรับใช้กับแบรนด์ของตัวเอง มีทั้งการเรียนรู้จากข้อเสีย และการเรียนรู้จากความสำเร็จ
โดยหลังจากที่คุณแมรี่ อมรรัตน์ เริ่มเข้ามารับช่วงธุรกิจต่อ ก็มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจหลายอย่าง ตั้งแต่
-การสำรวจตลาด เพื่อหาว่าสินค้าประเภทไหนของเครื่องสำอางที่ลูกค้าต้องการมากที่สุด
เมื่อคำตอบพบว่า “ลิปสติก” ถือเป็นสินค้าที่ลูกค้าให้ความสำคัญมากที่สุดในการแต่งหน้า
อีกทั้งตอนนั้น กระแสลิปสติก ก็กำลังมาแรง แบรนด์ไหนที่ออกลิปสติกมาใหม่ ก็ขายดิบขายดี
พอเรื่องเป็นแบบนี้ คุณแมรี่ จึงให้แบรนด์พัฒนาและผลิตลิปสติก ที่มีคุณภาพในราคาที่จับต้องได้ออกมา
ซึ่งตรงนี้กลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของแบรนด์เลยก็ว่าได้ เพราะหลังจากที่ 4U2 ปล่อยลิปสติก รุ่น Lipaholic ออกมา ปรากฏว่าได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า
เพราะใช้เวลาเพียงแค่เดือนเดียว สินค้าก็ Sold Out อย่างรวดเร็ว
-คุณแมรี่ได้ศึกษาและพบว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ชอบทดลองลิปสติก ที่มีหลากหลายสีสัน
ทำให้ 4U2 จึงตัดสินใจผลิตลิปสติกที่มีสีสันหลากหลายมากขึ้น เพื่อช่วยตอบโจทย์แก่ลูกค้า
อย่างเช่น ผลิตภัณฑ์ 4U2 SERUM TINT OIL ที่มีให้สาว ๆ เลือกถึง 15 เฉดสีกันเลย จึงเพิ่มตัวเลือกให้ลูกค้าได้มากขึ้น
เพราะลูกค้าแต่ละคน อาจจะชอบสีชมพูเหมือนกัน แต่สิ่งที่ต่างกันคือ บางคนชอบเฉดสีอ่อน ๆ บางคนชอบเฉดสีเข้ม ๆ
แบรนด์เลยทำลิปสติกออกมาหลาย ๆ เฉดสี โดยเฉพาะการทำเฉดสีออกมาให้ใกล้เคียงกัน นั่นเอง
-ปรับเปลี่ยนแพ็กเกจจิงให้ดูน่าสนใจ เพราะลูกค้าจำนวนไม่น้อยตัดสินใจซื้อลิปสติก เนื่องจากดิไซน์ของแพ็กเกจจิง
ซึ่งความสวยงามของแพ็กเกจจิง ทำให้ลูกค้าหลายคนที่เมื่อซื้อสินค้าของ 4U2 ไปแล้ว มีการนำไปถ่ายรูปลงใน Social Media ยิ่งทำให้แบรนด์ 4U2 เป็นที่แพร่หลายในวงกว้างมากยิ่งขึ้น
อีกทั้ง 4U2 ยังขึ้นชื่อในเรื่องของ “ราคา” ที่จับต้องได้
อย่างลิปสติกรุ่นยอดนิยมอย่าง JELLY TINT มีราคาเต็มเพียง 259 บาท
นอกจากนั้น 4U2 ยังมักจะลดราคาสินค้าอยู่เป็นประจำ ซึ่งรุ่น JELLY TINT พอลดแล้ว ก็จะเหลือแค่ 159 บาทเท่านั้น
โดยการลดราคาสินค้าบ่อย ๆ ก็ไม่ใช่ว่าแบรนด์ขายไม่ดี แต่เรื่องนี้กลับถือเป็นกลยุทธ์ของแบรนด์ เพราะ 4U2 เลือกจับกลุ่มลูกค้าที่มีความอ่อนไหวต่อราคา ดังนั้นการลดราคาสินค้า จะยิ่งทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าได้เร็วขึ้น
นอกจากลิปสติกแล้ว แบรนด์ยังแตกไลน์ออกสินค้าด้านความงามอื่น ๆ ด้วย เช่น มาสคาร่า, อายแชโดว์, แป้งรองพื้น, แป้งฝุ่น, โฟมล้างหน้า, เซรั่มบำรุงผิวหน้า ฯลฯ
ซึ่งก็ดูเหมือนว่า ด้วยกลยุทธ์ทั้งหมด ทำให้ 4U2 มาถูกทาง และจับทางตลาดได้ถูกจุด
เพราะไม่ว่าจะปล่อยสินค้าอะไรออกมา ก็ดูจะได้รับผลตอบรับที่ดีไปหมด
และปัจจุบัน 4U2 ได้กลายเป็นอีกหนึ่งในแบรนด์ยอดนิยมของสาว ๆ
แม้ว่าตลาดเครื่องสำอางและความงามนั้น จะเป็นตลาดที่มีการแข่งขันกันดุเดือดพอสมควร
เพราะมีผู้เล่นมากมาย ทั้งรายเล็ก รายใหญ่ ทั้งบริษัทไทย และบริษัทต่างชาติ
แต่ 4U2 ก็ถือเป็นแบรนด์เครื่องสำอางที่ยังยืนหยัดอยู่ได้ ในวันนี้
ทีนี้ลองมาดูรายได้และกำไร บริษัท โฟร์ยูทู โค จำกัด
ปี 2564 รายได้ 275 ล้านบาท กำไร 50 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้ 518 ล้านบาท กำไร 140 ล้านบาท
ใครจะไปคิดว่า จากครั้งหนึ่งกิจการ 4U2 ที่เคยติดลบเป็นหนี้ถึง 40 ล้านบาท
มาวันนี้ธุรกิจกลับเติบโต มาทำรายได้และกำไรหลักร้อยล้านบาทได้
ทำให้ 4U2 เป็นหนึ่งในกรณีศึกษาที่น่าสนใจ เพราะแสดงให้เห็นถึงความอดทน และความพยายามอย่างหนักของคุณแมรี่ ที่พยายามจะทำให้แบรนด์ผ่านพ้นความยากลำบากในช่วงวิกฤติ โดยเฉพาะวิธีการเรียนรู้ตลาด และนำมาปรับใช้กับแบรนด์
และเมื่อแบรนด์เริ่มประสบความสำเร็จ 4U2 ก็ยังไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น แต่ยังคงเรียนรู้ และตั้งใจพัฒนาสินค้า เพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าอยู่เสมอ..
----------------------------------
Presented by กลุ่มบริษัทธนจิรากรุ๊ป เดินหน้าขยายธุรกิจหาญ เวลเนสแอนด์ฮอสพิทอลลิตี้ (HARNN Wellness & Hospitality) ครอบคลุมทั้งเวลเนสและสปาภายในประเทศและต่างประเทศในระดับ Regional สร้างให้แบรนด์ไทยเป็นที่รู้จัก และสร้างความภูมิใจในระดับสากลรวมกว่า 16 สาขาทั่วภูมิภาค
https://www.facebook.com/TANACHIRA-GROUP-174055739828807/
#TANACHIRA #HARNN #SCapebyHARNN
----------------------------------
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.