
Business
อะยัม ปลากระป๋องไฮโซ ทำอย่างไรให้คนยอมจ่าย ?
27 มี.ค. 2023
อะยัม ปลากระป๋องไฮโซ ทำอย่างไรให้คนยอมจ่าย ? /โดย ลงทุนเกิร์ล
“ปลากระป๋อง” อาหารสำเร็จรูปที่หลายคนมักนึกถึงในช่วงปลายเดือน ตัวช่วยสร้างรสชาติในราคาย่อมเยา เก็บได้นาน แถมยังนำมาปรุงอาหารได้หลายเมนู
แต่อาจไม่ใช่กับ “อะยัม (Ayam)” ปลากระป๋อง ที่มีราคาเริ่มต้นที่ 36 บาทไปจนถึงเกือบ 100 บาท ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยราคาปลากระป๋องในท้องตลาดของไทย เกือบเท่าตัว
แต่ปลากระป๋องอะยัม ยังคงขายดีและเติบโตมาตลอด 131 ปี
ปลากระป๋องอะยัม มีที่มาอย่างไร ?
แล้วทำไมคนถึงยอมจ่ายค่าปลากระป๋อง ในราคาพอ ๆ กับข้าวแกง ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
แล้วทำไมคนถึงยอมจ่ายค่าปลากระป๋อง ในราคาพอ ๆ กับข้าวแกง ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
ปลากระป๋องสีแดงเหลืองโลโกรูปไก่แจ้ กระป๋องแรก เกิดขึ้นในปี 1892 หรือราว 131 ปีมาแล้ว
โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากคุณอัลเฟรด คูเอท์ (Alfred Clouët) นักสำรวจชาวฝรั่งเศส
ซึ่งขณะนั้นเป็นช่วงศตวรรษที่ 18-19 ที่ประเทศมหาอำนาจ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส ต่างมุ่งหน้าล่าอาณานิคมในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
คุณคูเอท์ ก็เป็นหนึ่งในชาวฝรั่งเศสที่เดินทางมาที่สิงคโปร์ ในฐานะผู้จัดหาอาหารและวัสดุก่อสร้าง ให้กับชาวยุโรปที่มาอยู่ต่างบ้านต่างเมือง
โดยคุณคูเอท์ ทำธุรกิจบริษัทนำเข้า-ส่งออกในนาม A. Clouet & Co. ซึ่งในช่วงแรก บริษัทได้นำเข้าช็อกโกแลต, ไวน์ และน้ำหอม
จนกระทั่งในปี 1899 เขาสังเกตเห็นว่าปัญหาอย่างหนึ่งที่ชาวยุโรปในต่างถิ่นต้องเจอคือ “อาหารไม่ถูกปาก” ทำให้ต้องนำเข้าอาหารจากตะวันตกเข้ามา เพื่อบริโภคอยู่ตลอด
จุดนี้นี่เองที่ทำให้คุณคูเอท์ เริ่มนำเข้าปลากระป๋องจากฝรั่งเศส เพื่อจำหน่ายให้กับชาวยุโรปในสิงคโปร์ โดยเฉพาะกลุ่มข้าหลวงและทหาร
จนปิ๊งไอเดียสร้างแบรนด์ปลาซาร์ดีนบรรจุกระป๋องของตัวเอง ภายใต้ชื่อแบรนด์ “A. Clouët” เหมือนกับชื่อของเขา วางขายในสิงคโปร์และมาเลเซีย บริเวณคาบสมุทรมลายู
ต่อมา หลังจากที่ทำแบรนด์ปลากระป๋องของตัวเองได้ไม่นาน สินค้าก็ได้รับความนิยมและติดตลาดอย่างรวดเร็ว
ซึ่งสาเหตุที่ขายดิบขายดี ก็เพราะสามารถแก้ปัญหาด้านอาหารการกินในยุคนั้นได้อย่างตรงจุด
ทั้งสะอาด สามารถเก็บรักษาอาหารในสภาพเดิมได้ โดยไม่ต้องกังวลเวลาจัดส่งไปต่างประเทศเป็นเวลานาน
ทั้งสะอาด สามารถเก็บรักษาอาหารในสภาพเดิมได้ โดยไม่ต้องกังวลเวลาจัดส่งไปต่างประเทศเป็นเวลานาน
อีกทั้งรสชาติปลาในซอสมะเขือเทศ ก็คุ้นลิ้นชาวตะวันตกเป็นอย่างดี แถมยังได้รับความสนใจจากคนเอเชียที่ยังไม่มีนวัตกรรมถนอมอาหารในกระป๋องแบบนี้มาก่อน
ณ เวลานั้นแบรนด์ A. Clouët จึงถือเป็นปลากระป๋องยุคบุกเบิกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่แทบไม่มีคู่แข่งมาแย่งส่วนแบ่งในตลาดเลย
แล้วทำไมแบรนด์ A. Clouët ถึงกลายเป็น Ayam ในทุกวันนี้ ?
ปลากระป๋อง A. Clouët ขยายตลาดออกไปเรื่อย ๆ จนใคร ๆ ก็จดจำโลโก “ไก่แจ้” บนกระป๋องสีแดงเหลืองได้เป็นอย่างดี จนมีชื่อติดปากในภาษามาเลเซีย ว่า "Chop Ayam" ที่แปลว่า "ตราไก่"
และนี่ก็เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ทำให้บริษัทเปลี่ยนชื่อจาก A. Clouët มาใช้ชื่อ Ayam ในเวลาต่อมา ซึ่งการตัดสินใจในครั้งนั้นก็ถือว่ามาถูกทาง เพราะทำให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ได้ง่ายมากขึ้น
ประกอบกับต้นทุนในการผลิตที่เริ่มต่ำลง เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาขึ้น ส่งผลให้ราคาปลากระป๋องไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในกลุ่มคนมีเงินเหมือนช่วงแรก ๆ
เมื่อราคาเข้าถึงได้มากขึ้น ฐานลูกค้าก็กว้างขึ้น กิจการปลากระป๋องที่ดูไปได้สวยนี้ ก็ไปเข้าตาบริษัทของครอบครัว Denis Frères ซึ่งปัจจุบันคือ Denis Group กลุ่มบริษัทเก่าแก่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ทำให้บริษัท A. Clouët ถูกเข้าซื้อกิจการโดย Denis Group ในปี 1954
ทำให้บริษัท A. Clouët ถูกเข้าซื้อกิจการโดย Denis Group ในปี 1954
นับตั้งแต่ตอนนั้นแบรนด์อะยัม ก็อยู่ภายใต้ Denis Group ซึ่งเป็นเจ้าของและผู้จัดจำหน่ายแบรนด์ Ayam Brand™ และ Ayam™ ทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว
อย่างไรก็ตาม แม้เจ้าของแบรนด์ จะอยู่ไกลถึงสวิตเซอร์แลนด์ แต่ผลิตภัณฑ์แบรนด์อะยัมในปัจจุบัน ก็ยังผลิตที่บริษัท มาฟิโปร เอสดีเอ็น บีเอชดี ไทปิง ประเทศมาเลเซียเหมือนเดิม
ซึ่งในทุก ๆ ปี อะยัมมีการผลิตสินค้ามากกว่า 60 ล้านกระป๋อง จาก 5 โรงงานผลิต และกระจายออกไปจำหน่ายมากกว่า 30 ประเทศ ใน 4 ทวีป เช่น ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, ฝรั่งเศส, สหราชอาณาจักร, สหรัฐอเมริกา
รวมถึงประเทศไทยที่มี บริษัท พาณิชยการแห่งประเทศไทย จำกัด เป็นตัวแทนนำเข้ามาจำหน่าย
รวมถึงประเทศไทยที่มี บริษัท พาณิชยการแห่งประเทศไทย จำกัด เป็นตัวแทนนำเข้ามาจำหน่าย
ด้วยความที่ อะยัม เป็นสินค้านำเข้า จึงมีราคาสูงกว่าปลากระป๋องในท้องตลาดของไทยที่ผลิตในประเทศ โดยปลากระป๋องอะยัม มีราคาเริ่มต้นที่ 36 บาท ในขณะที่แบรนด์ที่ผลิตในประเทศ มีราคาเฉลี่ยไม่ถึง 20 บาท เมื่อเทียบในปริมาณที่เท่ากัน
สิ่งที่น่าสนใจคือ อะยัม ทำอย่างไรให้คนอยากซื้อ แม้มีแบรนด์ปลากระป๋องที่ราคาต่ำกว่า รายล้อม ?
เรื่องแรกคือ แบรนด์ที่แข็งแกร่ง
แบรนด์ที่สามารถยืนระยะมาได้ถึง 131 ปี แถมยังเห็นได้แทบทุกเชลฟ์อาหารกระป๋องที่มีในแทบทุกซูเปอร์มาร์เก็ตในหลายประเทศ สะท้อนว่าอะยัม ได้รับความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคอย่างไม่ขาดสาย
ยิ่งไปกว่านั้นคือ หน้าตาดิไซน์สุดคลาสสิก ที่แทบไม่ได้เปลี่ยนแปลงมาตลอดระยะเวลาร้อยกว่าปี ทำให้เกิดภาพจำ แม้ไม่เคยซื้อสักครั้ง แต่ก็ต้องเคยเห็นปลากระป๋องรูปไก่แจ้นี้ผ่านตากันมาบ้าง
เรื่องที่สองคือ นวัตกรรม
อะยัมนับเป็นแบรนด์แรก ๆ ที่มีการวิจัยและพัฒนาในกลุ่มสินค้ากระป๋องในประเทศมาเลเซีย ซึ่งสิ่งนี้เองช่วยให้เป็นผู้นำในตลาด เช่น ใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย เป็นไปตามมาตรฐานสากล และการรับรองที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก (HACCP, ISO 9001) รวมไปถึงมาตรฐานอาหาร “ฮาลาล”
ทำให้ผู้บริโภครู้สึกมั่นใจในคุณภาพ ความสะอาด และความปลอดภัยในสินค้าของแบรนด์
นอกจากนี้ปลากระป๋อง ตราอะยัม เคลมว่าไม่ใส่วัตถุกันเสีย ปราศจากไขมันทรานส์ ไม่ใช้ผงชูรส ปราศจากสารก่อภูมิแพ้ และสีสังเคราะห์ ซึ่งทำให้ผู้บริโภคที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพยอมจ่ายเงินเพิ่มขึ้นได้ไม่ยาก
เรื่องสุดท้ายคือ รสชาติ
แม้จะเป็นปลากระป๋องในซอสมะเขือเทศเหมือนกัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าแต่ละแบรนด์ต่างก็มีวัตถุดิบ สูตรในการปรุง ขนาดของปลา และกรรมวิธีต่าง ๆ ที่ทำให้รสชาติและหน้าตาออกมาไม่เหมือนกัน
ซึ่งอะยัมเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่มักถูกพูดถึงในเรื่องของรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้คนที่ชื่นชอบในรสชาติของอะยัมอยู่แล้วไม่อยากเปลี่ยนใจไปซื้อแบรนด์อื่น แม้จะราคาสูงกว่า
สรุปแล้ว อะยัม เป็นแบรนด์ปลากระป๋อง ที่มีเส้นทางและประวัติอันยาวนานถึง 131 ปี
แต่ตลอดร้อยปีที่ผ่านมา อะยัม ก็สามารถเติบโตและยืนหยัดในตลาดได้ ด้วยจุดแข็งเรื่องของแบรนดิง, นวัตกรรม, คุณภาพ และรสชาติ ที่เป็นเอกลักษณ์
แต่ตลอดร้อยปีที่ผ่านมา อะยัม ก็สามารถเติบโตและยืนหยัดในตลาดได้ ด้วยจุดแข็งเรื่องของแบรนดิง, นวัตกรรม, คุณภาพ และรสชาติ ที่เป็นเอกลักษณ์
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ถือว่ามีคุณค่าในสายตาของลูกค้า ที่ทำให้ลูกค้ายอมจ่าย แม้ราคาจะสูงกว่าปลากระป๋องทั่วไป นั่นเอง..
-----------------------------------------------------------------------
Presented by กลุ่มบริษัทธนจิรากรุ๊ป พุ่งเป้าพัฒนาธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage) เพื่อเข้ามาเติมเต็มและต่อจิกซอว์เทรนด์ไลฟ์สไตล์ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น หลังจากประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าชาวไทยและต่างชาติที่มาใช้บริการร้าน Marimekko Pop-Up Café คาเฟแห่งแรกในโลก พร้อมเดินหน้าปูทางธุรกิจ F&B ภายใต้แบรนด์อื่นในเครือ หวังเจาะตลาดกลุ่มลูกค้า Gen Y - Gen Z มากขึ้น
https://www.facebook.com/TANACHIRA-GROUP-174055739828807/
#TANACHIRA #MarimekkoCafeThailand
https://www.facebook.com/TANACHIRA-GROUP-174055739828807/
#TANACHIRA #MarimekkoCafeThailand
-----------------------------------------------------------------------
References:
-https://www.sac.or.th/databases/southeastasia/subject.php?c_id=8&sj_id=69
-https://ayambrand.com/th/index.php/%E0%B8%A2%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%AD-ayam
-https://www.denisgroup.net/brands.html
-https://mothership.sg/2017/07/canned-food-brand-ayam-has-french-roots-made-food-for-the-rich-in-the-region/
-https://scholarsarchive.jwu.edu/cgi/viewcontent.cgi?referer=&httpsredir=1&article=1006&context=ac_symposium
-https://www.history.com/news/what-it-says-on-the-tin-a-brief-history-of-canned-food
-https://amusine.typepad.com/journeys/journeys-in-canned-fish-history-.html
-http://www.mfca.org.my/index.php?page=canHistoryTimeline
-https://www.the101.world/canned-fish-and-colony/
-https://www.sac.or.th/databases/southeastasia/subject.php?c_id=8&sj_id=69
-https://ayambrand.com/th/index.php/%E0%B8%A2%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%AD-ayam
-https://www.denisgroup.net/brands.html
-https://mothership.sg/2017/07/canned-food-brand-ayam-has-french-roots-made-food-for-the-rich-in-the-region/
-https://scholarsarchive.jwu.edu/cgi/viewcontent.cgi?referer=&httpsredir=1&article=1006&context=ac_symposium
-https://www.history.com/news/what-it-says-on-the-tin-a-brief-history-of-canned-food
-https://amusine.typepad.com/journeys/journeys-in-canned-fish-history-.html
-http://www.mfca.org.my/index.php?page=canHistoryTimeline
-https://www.the101.world/canned-fish-and-colony/