H Mart ซูเปอร์มาร์เก็ต ขวัญใจชาวเอเชีย ในสหรัฐฯ ที่ก่อตั้งโดยคนเกาหลี
Business

H Mart ซูเปอร์มาร์เก็ต ขวัญใจชาวเอเชีย ในสหรัฐฯ ที่ก่อตั้งโดยคนเกาหลี

21 เม.ย. 2023
H Mart ซูเปอร์มาร์เก็ต ขวัญใจชาวเอเชีย ในสหรัฐฯ ที่ก่อตั้งโดยคนเกาหลี /โดย ลงทุนเกิร์ล
ในยุคโลกาภิวัตน์ ที่ทำให้การย้ายประเทศ ไม่ใช่เรื่องยากเกินไป สหรัฐอเมริกา ดินแดนแห่งเสรีภาพ ก็เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทาง ที่ผู้คนจากหลายเชื้อชาติ อยากย้ายเข้าไปอาศัย เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ หางานทำ หรือเรียนต่อ
รู้หรือไม่ว่า หนึ่งในกลุ่มคนต่างถิ่น ที่นิยมย้ายเข้าไปอยู่ในสหรัฐฯ ก็คือ “ชาวเอเชีย”
ซึ่งกำลังเป็นกลุ่มสำคัญ ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
โดยตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา คนเอเชียในสหรัฐฯ มีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 102% จาก 11.9 ล้านคน เป็น 24 ล้านคน หรือเท่ากับ 7.2% ของประชากรชาวอเมริกันทั้งหมด แถมยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย
และสิ่งที่ติดมาพร้อมกับการอพยพย้ายถิ่น นอกจากลูกหลานชาวเอเชียที่เกิดขึ้นบนแผ่นดินสหรัฐฯ แล้ว
ก็คือวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยเฉพาะเรื่อง “อาหารการกิน”
ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำให้ H Mart เชนซูเปอร์มาร์เก็ต ที่เน้นขายของกินของใช้จากเอเชีย
เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่ได้รับอานิสงส์ จากเรื่องนี้ตามไปด้วย
ปัจจุบัน H Mart ถือเป็นเชนซูเปอร์มาร์เก็ตเอเชีย ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ โดยมีทั้งหมด 83 สาขาทั่วสหรัฐฯ และมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาทต่อปี
แล้ว H Mart น่าสนใจอย่างไร
ทำไมถึงครองใจชาวเอเชียในสหรัฐฯ ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
แรกเริ่มเดิมที H Mart เป็นเพียงร้านขายของชำเล็ก ๆ ที่ขายของกินของใช้จากประเทศเกาหลีใต้ เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 1982 หรือเมื่อ 41 ปีที่แล้ว
โดยชาวเกาหลีใต้ นามว่า คุณอิล ยอน ควอน และภรรยาของเขา ที่อพยพหนีความยากจน มาตามหาอเมริกันดรีม (American Dream) ที่สหรัฐฯ
ต้องบอกว่า ณ ตอนนั้น คนเอเชียในสหรัฐฯ ยังเป็นคนอพยพกลุ่มน้อย จึงไม่ค่อยมีสินค้าและบริการที่ทำออกมาเพื่อคนกลุ่มนี้สักเท่าไร ทำให้ชาวเอเชียมักหาของกินที่ถูกปากได้ยากมาก
อีกทั้งถ้าเป็นร้านที่ขายของชำเพื่อชาวเอเชีย ก็มีแต่ของชาวจีนเสียส่วนใหญ่ ส่วนของประเทศอื่น ๆ จึงแทบไม่พบเห็น
คุณอิล ยอน ควอน เลยเห็นเป็นโอกาสทางธุรกิจ ของช่องว่างในตลาด ที่กำลังรอให้คนเข้ามาเติมเต็ม
เขาจึงตัดสินใจเปิดร้านขายของชำ ที่เน้นขายของเกาหลี โดยเฉพาะ
เขาตั้งชื่อร้านว่า “ฮัน อา รึม” (Han Ah Reum) เป็นภาษาเกาหลี แปลว่า การถือข้าวปลาอาหารเต็มไม้เต็มมือ เพื่อสื่อว่า ที่ร้านมีสินค้าให้เลือกซื้อมากมาย
แต่ต่อมาก็เปลี่ยนชื่อเป็น “H Mart” เพื่อให้กระชับ และจำง่าย สำหรับคนประเทศอื่น ๆ ด้วย
ช่วงแรก ๆ ร้าน H Mart เน้นขยายสาขาในแถบตะวันออกของสหรัฐฯ อย่างรัฐนิวยอร์ก และนิวเจอร์ซีย์ เพราะเป็นแถบที่ครอบครัวควอนอาศัยอยู่ อีกทั้งพื้นที่นี้ยังมีลูกค้าชาวเอเชียอาศัยอยู่พอสมควร
ต่อมาปี 2007 H Mart เริ่มขยายสาขามายังรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นรัฐที่มีชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย อาศัยอยู่มาก
และหลังจากนั้น H Mart ก็ขยายสาขาไปยังรัฐต่าง ๆ จนมีทั้งหมด 83 สาขาทั่วสหรัฐฯ
รวมถึงขยายสาขาไปนอกประเทศด้วย โดยมี 7 สาขาในแคนาดา และอีก 1 สาขาในอังกฤษ
ส่วนผลิตภัณฑ์ที่วางขายใน H Mart มีทั้งสินค้าอุปโภค บริโภค เครื่องสำอาง และเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยจะเน้นแบรนด์เกาหลีเป็นส่วนใหญ่ รองลงมาก็เป็นแบรนด์ญี่ปุ่น และแบรนด์เอเชียอื่น ๆ เช่น จีน เวียดนาม หรือไทย
แล้วอะไรคือปัจจัยความสำเร็จของ H Mart ?
นอกจากปัจจัยภายนอก อย่างเรื่องที่ชาวเอเชียในสหรัฐฯ มีจำนวนมากขึ้น และอิทธิพลของ Soft Power จากเกาหลีใต้ ที่ช่วยเผยแพร่วัฒนธรรมการกิน มายังชาติตะวันตกแล้ว
ยังมีส่วนผสมของปัจจัยภายใน ที่คุณอิล ยอน ควอน และครอบครัว ได้วางรากฐานและปลุกปั้นขึ้นมา จน H Mart สามารถครองใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และประสบความสำเร็จได้อย่างทุกวันนี้
เรื่องแรก ก็คือ ครอบครัวควอน เลือกทำให้สิ่งที่ถนัด และรู้ข้อมูลเชิงลึก
เพราะเริ่มแรก H Mart มีกลุ่มลูกค้าเป็นชาวเกาหลีอพยพ ที่พวกเขาเข้าอกเข้าใจเป็นอย่างดี แถมรู้ข้อมูลเชิงลึกของกลุ่มลูกค้าว่า ชอบกินแบบไหน แบรนด์อะไรกำลังเป็นที่นิยม ร้านค้าแบบเอเชียต้องหน้าตาแบบไหน ราคาที่พอดีต้องเท่าไร และโปรโมชันแบบไหน ถึงจะโดนใจ
นั่นทำให้ H Mart สามารถเลือกนำเข้าสินค้ามาขาย และจัดบรรยากาศร้าน ได้ถูกใจลูกค้าคนพลัดถิ่น
จน H Mart เป็นมากกว่า ซูเปอร์มาร์เก็ตธรรมดา ๆ เพราะสามารถสร้างความพึงพอใจ ความผูกพัน และสร้างคุณค่าทางจิตใจให้กับลูกค้าได้
เรื่องที่ 2 คือ H Mart เป็นร้านเอเชียร้านแรก ที่ทำเชนซูเปอร์มาร์เก็ต แบบธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่
ในตอนนั้น ร้านขายของเอเชียส่วนใหญ่ เป็นธุรกิจครอบครัวเล็ก ๆ ในรูปแบบร้านขายของชำ การบริหาร รวมถึงการจัดร้าน ก็จัดง่าย ๆ รู้กันเองภายในครอบครัว
ขณะที่ H Mart ของครอบครัวควอน เป็นร้านเอเชียร้านแรก ที่แปลงโฉมร้านเอเชียบ้าน ๆ ให้เป็นร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ที่ตอบโจทย์ลูกค้าและยุคสมัยมากขึ้น
โดยนอกจากมีของครบครันแล้ว ยังเน้นการออกแบบร้าน และจัดวางสินค้าเป็นหมวดหมู่ เพื่อความสะดวกสบายในการค้นหา และสร้างบรรยากาศการช็อปปิงที่ดีให้กับลูกค้าอีกด้วย
และเรื่องที่ 3 คือ การสร้างแบรนด์
เพราะคุณอิล ยอน ควอน มองไปไกลกว่าแค่การเป็นเพียงร้านขายของชำเล็ก ๆ เพราะเขาต้องการขยายกิจการ โดยการเพิ่มจำนวนสาขาไปยังรัฐต่าง ๆ ทั่วประเทศสหรัฐฯ
เขาจึงทุ่มทุนกับการสร้างแบรนด์ให้กับ H Mart เพื่อที่แบรนด์จะสามารถเป็นที่จดจำได้ และดูน่าเชื่อถือ เมื่อขยายสาขาไปตามทำเลที่มีคนเอเชียอาศัยอยู่
เพราะการสร้างแบรนด์ H Mart ขึ้นมา จะช่วยให้เกิดภาพจำในแบรนด์ของลูกค้า เมื่อขยายสาขาไปที่ไหน กลุ่มลูกค้าก็จะรู้และจำได้ว่า ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตแบรนด์นี้ มีของเอเชียครบครัน
และกลับกัน หากพวกเขาเกิดอยากซื้อสินค้าจากเอเชีย ก็จะนึกถึงซูเปอร์มาร์เก็ต H Mart ขึ้นมาเป็นแบรนด์แรก ๆ นั่นเอง
สุดท้าย คือ H Mart ใช้วิธีขยายสาขา โดยการเข้าซื้อกิจการซูเปอร์มาร์เก็ตอื่น ๆ ที่ไปไม่รอด แล้วเอามาปรับปรุงหรือพัฒนาใหม่
ทำให้ช่วยลดค่าใช้จ่าย และระยะเวลาในการก่อสร้าง หากเทียบกับการต้องมาเริ่มสร้างสาขาใหม่เองตั้งแต่ต้น
นอกจากนี้ H Mart ยังขยายสาขาผ่านระบบแฟรนไชส์ ทำให้ไม่ต้องลงทุนไปกับการก่อสร้างเอง ในทำเลที่มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอยู่ อีกด้วย
อ่านมาถึงตรงนี้ จะเห็นได้ว่าคุณอิล ยอน ควอน และครอบครัว ช่วยกันสร้าง H Mart ขึ้นมาจนแข็งแกร่งอย่างทุกวันนี้ได้ ไม่ใช่แค่เพราะเขามองเห็นโอกาสเพียงอย่างเดียว
แต่การตั้งเป้าหมายที่ใหญ่ และกล้าลงมือทำ โดยเฉพาะการทำในสิ่งที่ตัวเองรู้จริง และเข้าใจความต้องการของลูกค้า
ก็เป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้ H Mart ประสบความสำเร็จได้นั่นเอง..
--------------------------------------------------------------
Presented by กลุ่มบริษัทธนจิรากรุ๊ป พุ่งเป้าพัฒนาธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage) เพื่อเข้ามาเติมเต็มและต่อจิกซอว์เทรนด์ไลฟ์สไตล์ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น หลังจากประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าชาวไทยและต่างชาติที่มาใช้บริการร้าน Marimekko Pop-Up Café คาเฟแห่งแรกในโลก พร้อมเดินหน้าปูทางธุรกิจ F&B ภายใต้แบรนด์อื่นในเครือ หวังเจาะตลาดกลุ่มลูกค้า Gen Y - Gen Z มากขึ้น
https://www.facebook.com/TANACHIRA-GROUP-174055739828807/
#TANACHIRA #MarimekkoCafeThailand
--------------------------------------------------------------
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.