กรณีศึกษา A24 ค่ายหนังเล็ก ๆ ที่กวาดรางวัลออสการ์ ไปได้มากที่สุด แซงโค้งค่ายใหญ่ ๆ
Business

กรณีศึกษา A24 ค่ายหนังเล็ก ๆ ที่กวาดรางวัลออสการ์ ไปได้มากที่สุด แซงโค้งค่ายใหญ่ ๆ

17 ก.ค. 2023
กรณีศึกษา A24 ค่ายหนังเล็ก ๆ ที่กวาดรางวัลออสการ์ ไปได้มากที่สุด แซงโค้งค่ายใหญ่ ๆ /โดย ลงทุนเกิร์ล
สำหรับคนทั่วไป อาจไม่คุ้นชื่อ A24 สักเท่าไร แต่สำหรับคอหนังแล้ว
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ชื่อนี้กำลังได้รับความสนใจ และถูกจับตามองเป็นอย่างมาก
โดย A24 คือค่ายหนังสุดอินดี้ สัญชาติอเมริกัน ที่โด่งดังจากการผลิตและจัดจำหน่าย “หนังนอกกระแส” แต่น้ำดีและคุณภาพคับจอ
ซึ่งในงานประกาศผลรางวัลออสการ์ครั้งที่ 95 ประจำปี 2023 ที่เพิ่งผ่านมา
A24 ยังได้สร้างแรงกระเพื่อมลูกใหญ่ ฝากไว้ในวงการภาพยนตร์ฮอลลีวูด..
ด้วยการเป็นค่ายหนังที่กวาดรางวัลออสการ์ ไปได้มากที่สุดถึง 9 รางวัล กลายเป็นปรากฏการณ์แห่งปี ที่ค่ายหนังสายอินดี้ เอาชนะคู่แข่งค่ายหนังบิ๊กเนม ไปอย่างขาดลอย ทั้ง Universal Pictures, Paramount Pictures, Warner Bros. Pictures, Walt Disney Pictures และ Columbia Pictures
ทั้งที่ A24 เริ่มต้นจากการเป็นเพียงแค่ค่ายหนังโนเนมเล็ก ๆ ที่มีแหล่งเงินทุนสำหรับใช้สร้างและโปรโมตหนัง อย่างจำกัด..
แต่ทำไมปัจจุบัน A24 กลับกลายเป็นค่ายหนังม้ามืด ที่ได้รับการยอมรับ และเริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ทั้งจากผู้ชมและนักวิจารณ์หนัง จนค่ายหนังยักษ์ใหญ่ ยังต้องเหลียวหลังมามอง
แล้วสงสัยกันไหมว่า A24 ทำได้อย่างไร ?
อะไรทำให้ A24 กลายเป็นอีกหนึ่งในค่ายหนัง ที่วงการภาพยนตร์ต้องจับตามอง ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง..
A24 ก่อตั้งขึ้นมาในปี 2012 โดยกลุ่มเพื่อน 3 คือคุณ Daniel Katz, คุณ David Fenkel และคุณ John Hodges ที่ต่างชื่นชอบในการดูหนัง และหลงใหลหนังแนวอินดี้ยุค 90 เหมือนกัน
จากความหลงใหล ก็ได้นำพาให้ทั้ง 3 คนตัดสินใจลาออกจากงานประจำมาไล่ตามความฝัน กับการเปิดค่ายหนังแนวอินดี้ร่วมกัน ซึ่งในช่วงแรก A24 ก่อตั้งขึ้นในฐานะผู้จัดจำหน่ายหนังเท่านั้น
โดยบริษัทจะมีหน้าที่ไปเสาะหาหนังที่มีแววว่าจะรุ่ง พร้อมกับซื้อลิขสิทธิ์หนังเรื่องนั้นมาฉาย
และหนังในสไตล์ของ A24 ส่วนใหญ่ จะเป็นหนังนอกกระแสหลากหลายแนว ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีความแปลกใหม่ และแตกต่างจากหนังค่ายใหญ่ ๆ
ซึ่งแน่นอนว่า ด้วยสไตล์ที่แหวกแนว ทำให้ในช่วงแรก ธุรกิจของ A24 ต้องล้มลุกคลุกคลานอยู่บ้าง..
จนกระทั่งในปี 2013 ทาง A24 เริ่มหันมาใช้การตลาดแบบกองโจร ที่อาศัยการใช้สื่อโซเชียลมีเดีย มาช่วยโปรโมตหนัง เพื่อใช้สร้างกระแสการรับรู้ และเข้าถึงกลุ่มคนได้เยอะ ๆ ตามสไตล์คนที่มีงบจำกัด
โดยกลยุทธ์นี้ถูกนำมาใช้กับการโปรโมตหนังเรื่อง Spring Breakers เป็นเรื่องแรก ซึ่งทาง A24 ได้นำภาพถ่ายของเหล่านักแสดงในเรื่อง มาจัดองค์ประกอบล้อเลียนกับภาพวาด “The Last Supper” หรืออาหารค่ำมื้อสุดท้ายของพระเยซู จนเกิดเป็นไวรัลบนโลกออนไลน์
จากกระแสไวรัล บวกกับตัวหนังที่มีเอกลักษณ์ ทั้งแสงสี มุมกล้อง และเรื่องราวที่สะท้อนชีวิต รวมถึงค่านิยมในการใช้ชีวิตของวัยรุ่น จึงทำให้ Spring Breakers กลายเป็นหนังที่ผู้ชมชื่นชอบ และชื่อของ A24 ก็เริ่มเป็นที่รับรู้มากขึ้น
มาถึงปี 2015 ในที่สุดหนังที่จัดจำหน่ายโดย A24 ก็ถูกเสนอชื่อเข้าชิง และคว้ารางวัลจากเวทีออสการ์ มาได้ถึง 3 เรื่อง ได้แก่ Room (รางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม), Ex Machina (รางวัลสเปเชียลเอฟเฟกต์ยอดเยี่ยม) และ Amy (รางวัลสารคดียอดเยี่ยม)
โดยผลจากความสำเร็จในเวทีนี้ ทำให้ A24 กลายเป็นที่จับตาในวงกว้างมากขึ้น
จนต่อมา A24 ได้ตัดสินใจขยายขอบเขตธุรกิจของตนเอง เข้าสู่การเป็นบริษัทผู้ผลิตภาพยนตร์อย่างเต็มตัว ในปี 2016
โดยหนังเรื่อง Moonlight ไม่เพียงแต่จะเป็นผลงานชิ้นแรกที่ A24 ลงทุนผลิตเองเท่านั้น แต่ยังเป็นผลงานชิ้นเอกที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ ให้กับบริษัทด้วย
ไม่เพียงเท่านี้ Moonlight ยังเซอร์ไพรส์ผู้ชมทั้งโลก ด้วยการหักปากกาเซียนแทบทุกสำนัก คว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2016 จากเวทีออสการ์มาครอง ปาดหน้าตัวเต็งอย่าง La La Land
และความสำเร็จของ A24 ก็ยังไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น..
เพราะปี 2023 นี้ A24 ได้สร้างปรากฏการณ์อีกครั้ง ด้วยการกวาดรางวัลออสการ์ กลับบ้านไปถึง 9 รางวัล จากหนัง 2 เรื่อง คือ Everything Everywhere All At Once และ The Whale
ซึ่งเราอาจมองความสำเร็จเหล่านี้ได้ว่า หนังของ A24 ไม่ได้มีดีแค่ความอินดี้เท่านั้น แต่ยังเปี่ยมไปด้วยคุณภาพคับจอ
ที่สำคัญต้องบอกว่า A24 ไม่ได้เป็นแค่บริษัทที่สร้างและจัดจำหน่ายหนังเท่านั้น
แต่ A24 ยังเป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาส และมอบอิสระทางความคิดให้กับผู้กำกับทั้งตัวเล็กและตัวใหญ่ ให้ได้มาปล่อยของ และฝากผลงานตามสไตล์ของตัวเอง เอาไว้มากมาย เช่น
-คุณ Greta Gerwig ผู้กำกับหญิงมากฝีมือ กับผลงานแจ้งเกิดหนังอินดี้ฟอร์มเล็กเรื่อง Lady Bird
-คุณ Ari Aster ผู้กำกับหนังสายจิตวิทยา สยองขวัญ หลอนสั่นประสาท กับผลงานเรื่อง Hereditary, เรื่อง Midsommar และเรื่อง The Lighthouse
-คุณ Daniel Scheinert และคุณ Daniel Kwan ผู้กำกับคู่ซี้ แนวอินดี้หลายมิติหลุดโลก กับผลงานขึ้นหิ้ง อย่างเรื่อง Everything Everywhere All at Once ที่ตอกย้ำความสำเร็จของ A24 ได้เป็นอย่างดี จากการกวาดรางวัลจากหลากหลายเวที
ซึ่งการให้อิสระทางความคิดสร้างสรรค์กับผู้กำกับนี่แหละ อาจเป็นหนึ่งเหตุผลที่ว่า ทำไมหนังภายใต้ชื่อของ A24 จึงมีความหลากหลายเป็นเอกลักษณ์ และมีวิธีการเล่าเรื่องที่น่าสนใจ ไม่จำเจ
ปัจจุบัน A24 ยังได้ขยายตลาดไปสู่การเป็นผู้ผลิตซีรีส์ให้กับ HBO โดยประเดิมซีรีส์ดรามาวัยรุ่น เรื่องแรกอย่าง Euphoria
รวมถึงยังได้เซ็นสัญญากับทาง Apple เพื่อผลิตออริจินัลคอนเทนต์ ผ่านทางสตรีมมิงของ Apple TV+ อีกด้วย
และอีกสิ่งที่หลายคนอาจไม่รู้ว่า A24 ยังมีธุรกิจขายสินค้าด้วย โดยบริษัทจะขายสินค้าและของที่ระลึก จากหนังในนามของ A24 ซึ่งมีตั้งแต่เสื้อผ้า สมุด กระเป๋า ไปจนถึง Pet Rock หรือก้อนหินสัตว์เลี้ยง จากเรื่อง Everything Everywhere All at Once
อ่านมาถึงตรงนี้ เราอาจสรุปเรื่องราวได้ว่า A24 ก็เหมือนกับแบรนด์ที่มีความชัดเจนในตนเอง ไม่หยุดอยู่กับที่ และรู้จักสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ให้ผู้ชม
จึงไม่แปลกใจเลยว่า ทุกครั้งที่ได้ยินชื่อ A24 ปล่อยผลงานใหม่ ๆ ออกมา เหล่าแฟนหนัง จึงตื่นเต้นและตั้งตารอติดตามอยู่เสมอ..
----------------------------------
Presented by กลุ่มบริษัทธนจิรากรุ๊ป (TANACHIRA) เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ แฟชั่นแบรนด์ชั้นนำจากต่างประเทศได้แก่ Pandora (แพนดอร่า), Marimekko (มารีเมกโกะ), Cath Kidston (แคท คิดสตัน) และเจ้าของผลิตภัณฑ์เพื่อดูแลผิวพรรณ สปาแบบองค์รวมรายแรกในไทยภายใต้แบรนด์ HARNN (หาญ), VUUDH (วุฒิ), HARNN Heritage Spa (หาญ เฮอริเทจสปา) และ SCape by HARNN (เอสเคป บาย หาญ) มีสาขาอยู่ทั่วประเทศและในภูมิภาคกว่า 165 สาขา ภายใต้แนวคิด “Bring the Best of the Brand to the Best of Thailand”
https://www.facebook.com/TANACHIRA-GROUP-174055739828807/
#TANACHIRA
----------------------------------
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.