กรณีศึกษา ทำไมสินค้าแบรนด์หรูมือสองในญี่ปุ่น ถึงขายดี ?
Business

กรณีศึกษา ทำไมสินค้าแบรนด์หรูมือสองในญี่ปุ่น ถึงขายดี ?

23 พ.ย. 2023
กรณีศึกษา ทำไมสินค้าแบรนด์หรูมือสองในญี่ปุ่น ถึงขายดี ? /โดย ลงทุนเกิร์ล
ปัจจุบัน ตลาดแบรนด์หรูมือสอง มีการเติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี และยังไม่มีทีท่าที่จะลดลง
โดย Statista มีการประเมินว่า ในปี 2022 ยอดขายสินค้าแบรนด์หรูมือสองทั่วโลก อยู่ที่ราว ๆ 2.5 ล้านล้านบาท
รู้หรือไม่ ? ญี่ปุ่น เป็นประเทศที่นิยมซื้อสินค้าแบรนด์หรูมือสอง เอามาก ๆ
โดยนิยมมาตั้งแต่ทศวรรษ 1980 และถือว่าเป็นประเทศบุกเบิกของดินแดนสินค้ามือสอง อีกด้วย
แล้วทำไมสินค้าแบรนด์หรูในญี่ปุ่นถึงขายดี ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
อย่างที่กล่าวไปตอนต้นว่าธุรกิจซื้อ-ขายสินค้าแบรนด์หรูมือสอง ในประเทศญี่ปุ่น มีมานานตั้งแต่ทศวรรษ 1980
หลังจาก “วิกฤติฟองสบู่แตก” ที่ทำให้คนญี่ปุ่นต้องประหยัดอดออม ไม่กล้าใช้จ่าย และเริ่มหันมาขายสินค้าแบรนด์หรูของตนเองเพื่อประทังชีวิต
อย่างไรก็ตาม แม้เหตุการณ์ในครั้งนี้ จะเป็นวิกฤติทำให้คนอดอยากปากแห้ง แต่มันก็ส่งผลดีให้ตลาดสินค้ามือสองในประเทศญี่ปุ่น ค่อย ๆ เติบโตขึ้นมาเรื่อย ๆ
แม้ว่าในช่วงแรก คนญี่ปุ่นบางกลุ่ม จะยังมีความคิดแง่ลบ กับธุรกิจซื้อ-ขายสินค้ามือสอง โดยมองว่าเหมือน
“โรงรับจำนำ” ที่เอาของมีค่าไปแลกกับเงินเพื่อเอาชีวิตรอด
แต่ทัศนคติของคนญี่ปุ่นก็เริ่มเปลี่ยนไป เมื่อธุรกิจสินค้ามือสอง เริ่มมีการจัดการที่เป็นระบบ และน่าเชื่อถือมากขึ้น จนกลายเป็นธุรกิจที่แพร่หลายในปัจจุบัน
อย่างในปี 2003-2017 ตลาดแบรนด์หรูมือสองของญี่ปุ่น มีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 7% และทำให้เกิดธุรกิจ
ซื้อ-ขายสินค้าแบรนด์หรูมือสองมากมาย รวมทั้งมีอีกหลาย ๆ องค์กรด้านความปลอดภัยที่ให้การสนับสนุน
จนในปี 2020 สัดส่วนการซื้อ-ขายสินค้าแบรนด์หรูมือสอง ในประเทศญี่ปุ่น ครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 28% จากตลาดสินค้าแบรนด์หรูมือสองทั่วโลก ซึ่งถือว่ามีสัดส่วนมากกว่าประเทศจีน ที่มีเพียง 5% เท่านั้น
นอกจากนั้น ย้อนกลับไปเมื่อ 2-3 ปีก่อน เราคงคุ้นเคยกับวลี “หากของสิ่งไหนไม่สปาร์กจอย ก็ทิ้งไป..” ของคุณมาริเอะ คนโด ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดระเบียบบ้าน
ซึ่งสารคดีที่เธอเป็นผู้ดำเนินเรื่อง ก็ทำให้ใครหลาย ๆ คน จุดประกายการจัดบ้าน และยอมตัดใจทิ้งสิ่งของเก่า ๆ ที่เคยเก็บไว้
ซึ่งวลีนี้ก็จุดประกายให้คนญี่ปุ่น ถูกใจไลฟ์สไตล์มินิมัล ส่งผลให้ตลาดซื้อ-ขายสินค้ามือสอง กลับมาเติบโตแบบพุ่งระเบิด
ที่น่าสนใจคือ ในด้านผู้บริโภค นอกจากสินค้าแบรนด์หรูมือสอง จะขายดีกับคนในประเทศแล้ว สำหรับนักท่องเที่ยว ก็ขายดีไม่แพ้กัน และผู้ที่เป็นกำลังสำคัญในธุรกิจนี้ ก็ยังคงเป็น “นักท่องเที่ยวชาวไทย” อีกด้วย
โดยจากข้อมูลของ Komehyo บริษัทซื้อ-ขายสินค้ามือสอง ระบุว่า ก่อนช่วงล็อกดาวน์ คนไทยซื้อสินค้าแบรนด์หรูมือสอง ในสาขาของบริษัทที่ประเทศญี่ปุ่น ตกปีละ 115-143 ล้านบาท เลยทีเดียว
แล้วทำไมสินค้าแบรนด์หรูมือสองในญี่ปุ่น ถึง “น่าดึงดูด” จนขายดิบขายดี และมีชาวต่างชาติแวะเวียนมาซื้อตลอด ?
อันดับแรก คือ “ราคา”
โดยสินค้ามือสอง จะมีราคาถูกกว่าสินค้ามือหนึ่ง 30-70% ดังนั้นเราจึงสามารถครอบครองสินค้าแบรนด์หรูได้ในราคาที่ย่อมเยากว่า
แต่ก็ไม่ใช่ว่าสินค้าทุกรุ่น จะได้มาในราคาที่ถูกกว่าเสมอไป เพราะถ้าเป็นสินค้ารุ่นที่หายาก ไม่มีการผลิตแล้ว
บางคนก็ยอมซื้อในราคาแพง เพื่อนำไปต่อยอดการเก็งกำไรในอนาคต
อันดับสอง คือ “สินค้าสภาพดีเหมือนใหม่”
อย่างที่รู้กันดีว่า คนญี่ปุ่นมีมารยาท นอบน้อม และที่สำคัญคือ รักความสะอาด ซึ่งพฤติกรรมนี้ก็ส่งผลให้คนญี่ปุ่นใช้ของอย่างทะนุถนอม รักษาของให้ดีเหมือนใหม่
และยิ่งสำหรับคนที่ขายสินค้ามือสอง หากสินค้าสภาพดีเท่าไร ก็ยิ่งขายได้ในราคาที่ดี
ดังนั้น คนญี่ปุ่นจึงมักใช้ของอย่างระมัดระวัง เผื่อหากต้องการขายสินค้าในอนาคต
ต่อมา “สินค้ามีมาตรฐาน”
ประเทศญี่ปุ่น มีบริการซื้อ-ขายสินค้ามือสองที่ได้มาตรฐานและน่าเชื่อถือ มากมายหลายแห่ง ซึ่งแต่ละบริษัทที่ดำเนินการ ก็มีอายุไม่ต่ำกว่า 30 ปี เช่น Sanoya, Brand Off, Roka Shira รวมถึง Komehyo ที่มีสาขาอยู่ที่ประเทศไทย
เรื่องนี้อาจจะเป็นเพราะประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศที่มีการแข่งขันทางธุรกิจที่สูง การรักษามาตรฐานจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก
ทำให้หลาย ๆ บริษัทพัฒนาระบบการตรวจสอบตลอดเวลา เพื่อป้องกันสินค้าปลอมแปลง รวมถึงการคัดเลือกสินค้าที่จะนำมาวางขายด้วยเช่นกัน
อย่างบริษัท Komehyo ก็มีช่างผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 300 คนในการตรวจเช็กสินค้าแต่ละประเภท ซึ่งพัฒนาควบคู่ไปกับฐานข้อมูลที่ใช้มากกว่า 1.4 ล้านรายการต่อปี
และอย่างสุดท้าย “มีบทลงโทษชัดเจน”
นอกจากระบบการจัดการที่เป็นเลิศแล้ว บทลงโทษของการซื้อ-ขายสินค้าปลอม ก็มีความเคร่งครัดไม่แพ้กัน โดยประเทศญี่ปุ่น มีหลายองค์กรที่เข้ามาควบคุมเรื่องสินค้าแบรนด์หรู
ทำให้ลูกค้ายิ่งมั่นใจได้ว่า การซื้อสินค้ามือสองในประเทศญี่ปุ่น จะได้รับแต่ของแท้ 100% หากซื้อกับบริษัทที่เชื่อถือได้
ดังนั้น จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลาย ๆ คน ถึงชอบการไปช็อปปิงสินค้าแบรนด์หรูมือสอง จากประเทศญี่ปุ่น
เพราะนอกจากจะมั่นใจได้ว่าสินค้าเหล่านั้น ราคาเป็นมิตร อยู่ในสภาพดี และเป็นของแท้ 100% แล้ว
ที่ประเทศญี่ปุ่น ยังเป็นแหล่งรวมสินค้าแบรนด์หรูมือสองหายาก ซึ่งอาจเป็นโอกาสในการต่อยอด เพื่อเก็งกำไรในอนาคตได้อีกด้วย..
----------------------------------------
Presented by กลุ่มบริษัทธนจิรากรุ๊ป (TANACHIRA) เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ แฟชั่นแบรนด์ชั้นนำจากต่างประเทศได้แก่ Pandora (แพนดอร่า), Marimekko (มารีเมกโกะ), Cath Kidston (แคท คิดสตัน) และเจ้าของผลิตภัณฑ์เพื่อดูแลผิวพรรณ สปาแบบองค์รวมรายแรกในไทยภายใต้แบรนด์ HARNN (หาญ), VUUDH (วุฒิ), HARNN Heritage Spa (หาญ เฮอริเทจสปา) และ SCape by HARNN (เอสเคป บาย หาญ) มีสาขาอยู่ทั่วประเทศและในภูมิภาคกว่า 165 สาขา ภายใต้แนวคิด “Bring the Best of the Brand to the Best of Thailand”
https://www.facebook.com/TANACHIRA-GROUP-174055739828807/
#TANACHIRA
----------------------------------------
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.