วิธีบริหารธุรกิจของ “Fuku Matcha” แบรนด์ชาสัญชาติไทย รายได้หลักร้อยล้าน
Business

วิธีบริหารธุรกิจของ “Fuku Matcha” แบรนด์ชาสัญชาติไทย รายได้หลักร้อยล้าน

25 มี.ค. 2024
Fuku Matcha x ลงทุนเกิร์ล
Fuku Matcha คือแบรนด์เครื่องดื่มที่โดดเด่นเรื่อง “ชา”
ซึ่งหลายคนมักจะเห็นร้านนี้กันอยู่บ่อย ๆ ตามห้างสรรพสินค้า
แล้วรู้หรือไม่ว่า แม้ชื่อแบรนด์ Fuku Matcha จะเป็นชื่อญี่ปุ่น
แต่จริง ๆ แล้ว Fuku Matcha เป็นแบรนด์สัญชาติไทย ที่ก่อตั้งมานานถึง 12 ปี
แถมยังเป็นแบรนด์ชาของคนไทยที่โดดเด่นและเติบโต
จนสามารถทำรายได้หลักร้อยล้านบาท ท่ามกลางตลาดเครื่องดื่มชาในไทย ที่มีการแข่งขันสูง
Fuku Matcha น่าสนใจอย่างไร ?
แล้ว Fuku Matcha บริหารธุรกิจอย่างไร ให้โดดเด่นท่ามกลางทะเลเลือดแห่งนี้ ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
เริ่มจากจุดเริ่มต้นของแบรนด์ Fuku Matcha ก่อตั้งโดยคุณปุ๋ย-ฐาน์ศศิริ์ ธรรมานุสาร
ที่มีโอกาสได้ไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น และเห็นว่าคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ชอบดื่มมัทฉะ
โดยหลังจากคุณปุ๋ยได้ลองชิม ก็รู้สึกว่ามัทฉะมีรสชาติดี อีกทั้งยังมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร
จุดนี้เองที่จุดประกายให้คุณปุ๋ยเริ่มสนใจในธุรกิจชา
ประกอบกับในช่วงเวลานั้น ชามัทฉะที่วางขายในไทยก็มีราคาสูงมาก ทำให้คนไทยหลายกลุ่มเข้าไม่ถึง
คุณปุ๋ยจึงเริ่มศึกษาเรื่องชาอย่างจริงจัง และพยายามหาซัปพลายเออร์ที่ตอบโจทย์
ทั้งในเรื่องของต้นทุนวัตถุดิบ คุณภาพ และใช้เวลากับการพัฒนาสูตรจนได้สูตรที่ลงตัว
จนในปี 2555 ก็กลายมาเป็น “Fuku Matcha”
แบรนด์เครื่องดื่ม และซอฟต์ไอศกรีม รายแรก ๆ ของไทย
โดย Fuku Matcha จะเน้นขายกลุ่มชาเขียวเป็นหลัก เช่น มัทฉะ ซอฟต์ไอศกรีมมัทฉะ รวมถึงผงมัทฉะ
ซึ่งเมนูที่ขายดีและเป็นที่พูดถึงมากที่สุด คือ มัทฉะนมสด ท็อปปิงด้วยซอฟต์ไอศกรีมมัทฉะและถั่วแดง ตามมาด้วยเมนูชานมไข่มุก และเมนูชาไทยสูตรเข้มข้น
ปัจจุบัน Fuku Matcha เดินทางเข้าสู่ปีที่ 12
มีจำนวนสาขา 113 แห่ง ทั่วทั้งกรุงเทพฯ​ และต่างจังหวัด
แล้วแบรนด์มีกลยุทธ์ในการขยายสาขาอย่างไร
ถึงได้เป็นหนึ่งในแบรนด์ของคนไทยที่เรียกได้ว่า มีการขยายสาขาได้มากกว่า 100 สาขาในเวลาอันรวดเร็ว
อย่างแรกที่ทำให้ Fuku matcha เป็นแบรนด์ที่เติบโตได้อย่างรวดเร็ว
คือ การที่ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ในการมองหา และชอบทดลองอะไรใหม่ ๆ ตลอดเวลา
ไม่ใช่เพียงแค่การรอคอยโอกาส
เช่น ในช่วงที่แอปดิลิเวอรียังไม่ได้เป็นที่นิยมมากนัก
แต่ทางแบรนด์มองว่าสิ่งนี้ เป็นโอกาสที่จะได้เพิ่มช่องทางการขายใหม่ ๆ
ทำให้ Fuku matcha ได้ GP ในเรตที่ดี เนื่องจากเป็นร้านแรก ๆ ที่ได้เปิดขายในช่องทางดิลิเวอรี
และในช่วงที่ธุรกิจประสบปัญหาวิกฤติโรคระบาด
แม้ศูนย์การค้าต่าง ๆ ต้องปิดตัวลง แต่ Fuku matcha ก็ยังสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้
รวมถึงการที่รักษามาตรฐานคุณภาพของสินค้ามาได้อย่างดี ตลอด 12 ปีที่ผ่านมา
อีกทั้งความคุ้มค่าของราคาเมื่อเทียบกับคุณภาพของสินค้า
ทำให้ Fuku matcha ยังคงรักษาฐานลูกค้าเก่า และยังมีลูกค้าใหม่เข้ามาโดยตลอด
แล้วที่ผ่านมา แบรนด์ Fuku Matcha ขายดีแค่ไหน ?
บริษัท มาย ฟุกุ มัทชะ จำกัด
ปี 2564 มีรายได้ 149 ล้านบาท
ปี 2565 มีรายได้ 194 ล้านบาท
โดยล่าสุดปี 2566 Fuku Matcha เปิดเผยว่า มีรายได้ 319 ล้านบาท
ซึ่งทาง Fuku Matcha เปิดเผยว่า ยอดขายของแบรนด์ เติบโตอย่างต่อเนื่องถึง 67%
ที่น่าสนใจก็คือ นอกจากคุณปุ๋ยจะดูแลบริษัท มาย ฟุกุ มัทชะ ที่ถือแบรนด์เครื่องดื่ม Fuku matcha แล้ว
คุณปุ๋ยยังมีบริษัท บีพีเอ็ม 59 จำกัด
ที่จำหน่ายผงชามัทฉะ และ Mini's Soft Cream & Bingsu
แบรนด์ขนมหวาน ซอฟต์ไอศกรีม และเครื่องดื่มคุณภาพดี ในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย
โดยราคาของซอฟต์ไอศกรีมที่เริ่มต้นเพียง 19 บาท
และเครื่องดื่มในราคาเริ่มต้น 30 บาท เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มนักเรียน นักศึกษาโดยเฉพาะ
ซึ่ง Fuku Matcha เปิดเผยว่า ในปี 2566 หากรวมรายได้ของบีพีเอ็ม 59 และมาย ฟุกุ มัทฉะ เข้าด้วยกัน
จะทำให้รายได้รวมอยู่ที่ราว ๆ 350 ล้านบาท เลยทีเดียว
แล้วกลยุทธ์อะไร ที่ทำให้ Fuku Matcha เป็นแบรนด์เครื่องดื่มที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางทะเลเดือด ?
อย่างแรก คือ การใช้วัตถุดิบคุณภาพดีเยี่ยม รสชาติอร่อย
“ถ้าเราใช้ของดี ถึงแม้จะอยู่เฉย ๆ ลูกค้าก็ยังรัก“
ต้องบอกว่า วัตถุดิบหลักของ Fuku Matcha
อย่างใบชาและผงมัทฉะ เป็นวัตถุดิบเกรดพรีเมียม ที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น
ทำให้ทุก ๆ เมนูของ Fuku Matcha มีรสชาติคล้ายต้นตำรับ มีความกลมกล่อม และมีกลิ่นมัทฉะที่เป็นเอกลักษณ์
ซึ่งผู้บริโภคต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า มัทฉะของ Fuku Matcha มีรสชาติเข้มข้น ไม่เหมือนใคร
รวมถึงเครื่องดื่มทุก ๆ เมนู ก็มีสูตรเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ด้วยความที่รสชาติแบบ Fuku Matcha หาไม่ได้จากที่ไหน
อีกทั้งราคาที่สมเหตุสมผล คุ้มค่า รวมถึงการบริการที่เป็นมาตรฐาน
ทำให้ลูกค้ากลายเป็น Brand Loyalty และทำให้ Fuku Matcha เติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีลูกค้าใหม่ ๆ เข้ามาตลอด
อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญ คือ สินค้าต้องอินเทรนด์ และมีความหลากหลาย
Fuku Matcha มีทั้งเมนูเครื่องดื่ม และซอฟต์ไอศกรีม ครบจบในที่เดียว
เรียกได้ว่า เมื่อลูกค้าเข้ามาที่ร้าน จะมีตัวเลือกให้เลือกที่หลากหลายทั้งเครื่องดื่ม ซอฟต์ไอศกรีม ครอฟเฟิล ที่สามารถเลือกไ้ด้ว่าจะเป็นแบบเครื่องดื่ม หรือท็อปปิงไอศกรีม
อีกทั้งทุกสินค้าที่ได้ออกมา จะต้องตรงกับกระแสความนิยมของลูกค้าในช่วงนั้น ๆ
เพื่อเพิ่มความพิเศษ ให้แบรนด์เป็นที่จดจำ และเป็นที่พูดถึงตลอดเวลา
ซึ่งล่าสุด Fuku Matcha ก็ออกเมนูชาครีมชีสผลไม้รสชาติต่าง ๆ
เช่น ชาครีมชีสมะม่วงพีช, ชาครีมชีสสตรอว์เบอร์รี, ชาครีมชีสส้มสับปะรด
เพื่อเจาะตลาดเด็ก Gen Z ที่กำลังนิยมดื่มเมนูประเภทนี้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า Fuku Matcha จะคัดสรรแต่วัตถุดิบที่มีคุณภาพ
มาสร้างสรรค์เป็นเมนูใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม
แต่ทุกเมนูในร้าน ก็มีราคาที่สมเหตุสมผล และคุ้มค่ามากกว่าเจ้าอื่น ๆ ในตลาด
จนเมื่อไรก็ตามที่ลูกค้าได้ลิ้มลองเมนูของ Fuku Matcha และได้สัมผัสถึงคุณภาพ
ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “จะกลับมาซื้อใหม่” จนเกิดเป็นการตลาดแบบปากต่อปาก
ทั้งหมดนี้ ทำให้ Fuku Matcha เป็นแบรนด์ที่โดดเด่น ท่ามกลางตลาดเครื่องดื่มชาในไทย และสามารถเข้าถึงได้ในคนหลายกลุ่ม
เพราะแม้ปัจจุบัน จะมีคู่แข่งเกิดขึ้นใหม่มากมายในท้องตลาด
แต่ Fuku Matcha ก็ยังมียอดขายที่เติบโตขึ้น มีรายได้ต่อสาขาเพิ่มขึ้น
มีกลุ่มลูกค้าที่มี Loyalty หรือความภักดีต่อแบรนด์ เพิ่มขึ้น
รวมถึงการพัฒนาสินค้า ที่ยังคงแก้ไข และปรับปรุงอย่างไม่หยุดยั้ง
ทำให้ Fuku Matcha สามารถคงมาตรฐานสินค้า และรักษาฐานลูกค้าทั้งเก่าและใหม่มาได้อย่างยาวนาน
ส่วนในอนาคตข้างหน้า Fuku Matcha ก็มองว่าแบรนด์จะสามารถเติบโตไปยังตลาดต่างประเทศได้
ซึ่งภายใน 3 ปีนี้ เริ่มจะโฟกัสไปยังตลาดในเอเชียก่อนเป็นอันดับแรก โดยเริ่มจาก Southeast Asia
และในระยะยาวอาจจะ 5 ปี หรือ 10 ปี Fuku Matcha ก็จะพัฒนาแบรนด์ไทย ให้ไปไกลระดับโลกให้ได้..
Reference
-ข้อมูลเปิดเผยจาก Fuku Matcha
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.