คุยกับเจ้าของ Midori Hayate ร้าน Matcha Specialty ชื่อดังจากขอนแก่น ที่ขายมัทฉะได้ 1,200 แก้ว ในวันเดียว /โดย ลงทุนเกิร์ล
ปฏิเสธไม่ได้ว่า “มัทฉะ” คือกระแสที่มาแรงสุด ๆ ในช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้ร้านมัทฉะผุดขึ้นมากมาย

แต่ท่ามกลางร้านมัทฉะมากมาย หนึ่งในร้านที่โดดเด่น จนสร้างปรากฏการณ์คนต่อคิวยาวเหยียดในงาน Taste of Tea เทศกาลชาที่ใหญ่ที่สุดของเซ็นทรัลฯ ในทุกครั้ง คือ “Midori Hayate”

ร้าน Matcha Specialty ชื่อดังจากขอนแก่น ที่เคยทำยอดขายในการออกบูทที่เซ็นทรัลลาดพร้าวสูงถึง 1,200 แก้ว ชนิดที่ต้องชงกันตั้งแต่ห้างเปิดยันห้างปิด

วันนี้ลงทุนเกิร์ล มีโอกาสได้พูดคุยกับคุณคริส-ศิร วงศ์วิเศษ เจ้าของร้าน Midori Hayate ถึงเบื้องหลังและแนวคิดที่ทำให้ร้านมัทฉะจากขอนแก่นดังไกลถึงกรุงเทพฯ จนแฟน ๆ ต้องตามไปกินถึงที่

เรื่องราวของร้าน Midori Hayate น่าสนใจอย่างไร ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง

จุดเริ่มต้นของ Midori Hayate ร้านมัทฉะที่เราเห็นกันในทุกวันนี้ เป็นการต่อยอดมาจากร้านชานมเล็ก ๆ ที่คุณคริสเคยเปิดหลังเรียนจบ

แต่ยอดขายกลับไม่เป็นไปตามที่หวัง เขาจึงไปปรึกษาเพื่อนที่ทำธุรกิจ และเพื่อนก็แนะนำให้สังเกตว่าเมนูไหนในร้านขายดีที่สุด

ซึ่งผลลัพธ์ก็ทำให้เขาประหลาดใจ เพราะมันไม่ใช่ชานม แต่เป็น “ชาเขียวนม” เมนูที่เขาเองไม่ชอบกินมาตลอด

หลังจากนั้น คุณคริสก็เริ่มหันมาสนใจเรื่องชา และลองชิมมัทฉะญี่ปุ่นแท้ ๆ ตามคำแนะนำของแฟน ก่อนจะพบว่ามัทฉะญี่ปุ่นแท้ ๆ มีเสน่ห์กว่าที่คิด

พอเปิดใจแล้ว เขาก็ตระเวนชิมมัทฉะตามร้านต่าง ๆ รวมถึงสั่งผงมัทฉะจากญี่ปุ่นมาทดลองด้วยตัวเอง จนรู้ว่ามัทฉะมีรสชาติแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์และแหล่งที่ปลูก

คุณคริสจึงคัดเลือกมัทฉะคุณภาพดีนำเข้ามาในขอนแก่น เปลี่ยนชื่อร้านเป็น Midori Hayate และปรับแบรนดิงร้านให้ดูโมเดิร์นสไตล์ญี่ปุ่น

แม้ตอนนี้ในสายตาแฟนมัทฉะ Midori Hayate จะเป็นหนึ่งในร้านที่เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่คุณคริสยอมรับว่าเส้นทางทำธุรกิจนี้ไม่ได้ง่ายเลย

เพราะร้านเปิดมาตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว ในยุคที่มัทฉะยังไม่ได้ฮิตในคนหมู่มาก จึงต้องทำทุกทางเพื่อให้ร้านเป็นที่รู้จัก

แล้วจากร้านมัทฉะเล็ก ๆ ในขอนแก่น ทำอย่างไรถึงมาไกลขนาดนี้ ?

คุณคริสเล่าว่าอย่างแรก คือการทำร้านมัทฉะสไตล์ดั้งเดิมที่เข้าใจง่าย และเลือกมัทฉะที่คุณภาพดีสมราคา

ซึ่งเขาก็ตั้งใจวางให้ Midori Hayate เป็นร้านที่มีกลิ่นอายแบบร้านญี่ปุ่นแท้ ๆ เพื่อทำให้ร้านดูเชี่ยวชาญ และดึงดูดให้ลูกค้าอยากเข้ามาใช้บริการ

แต่เมื่อเข้ามาใช้บริการแล้ว สิ่งที่จะตกลูกค้าระยะยาวได้ก็คือคุณภาพ คุณคริสจึงคัดเลือกมัทฉะจากญี่ปุ่นด้วยตัวเองเพื่อให้ลูกค้าได้ลองมากถึง 10 สายพันธุ์

สำหรับเมนู ก็มีให้เลือกทั้ง Clear (มัทฉะชงกับน้ำ) หรือ Latte (มัทฉะชงกับนม) ไม่ได้มีเมนูฟิวชันอื่น ๆ ที่แหวกแนวมาก เพราะอยากให้ลูกค้าได้สัมผัสกับรสชาติดั้งเดิมของใบชาที่ดีอยู่แล้ว

กลยุทธ์ถัดมา คือ การบุกเข้าหาลูกค้าก่อน

ย้อนกลับไปในปี 2021 สมัยที่กระแสมัทฉะยังไม่บูมเท่าปัจจุบัน คุณคริสก็เริ่มจากเข้าไปร้านคาเฟในขอนแก่นเพื่อเสนอขายผงมัทฉะ

รวมถึงโทรไปแนะนำตัวกับร้านคาเฟในกรุงเทพฯ ส่งตัวอย่างสินค้าให้ทดลอง จนหลายร้านกลับมาสั่งซื้อเรื่อย ๆ ก็ประคองให้ร้านพอมีรายได้เพิ่ม

หรือเวลามีงานในขอนแก่น ไม่ว่าจะงานสัตว์เลี้ยงหรืองานหนังสือ คุณคริสก็จะโทรไปขอออกบูท แม้แต่งานสัมมนาตามโรงพยาบาล เขาก็จะโทรไปเสนอขอจัดเบรก

ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้คนในขอนแก่นรู้ว่ามีร้านมัทฉะแบบนี้ในขอนแก่น จนกลุ่มลูกค้าช่วงแรก ๆ ก็เป็นคุณหมอ พยาบาล ข้าราชการระดับสูงที่เริ่มเปิดใจกับมัทฉะในเกรดที่สูงขึ้น

และเมื่อโอกาสมาถึง จากการจัดงานเทศกาลชาของเซ็นทรัลฯ ในกรุงเทพฯ ก็มีพี่ ๆ ผู้ใหญ่ในวงการชาที่เอ็นดูได้ชวนคุณคริสมาเข้าร่วมออกบูท ซึ่งเพียงแค่ครั้งแรกที่ออกบูท ก็มีลูกค้ามาต่อคิวยาวตั้งแต่ห้างเปิด

จนปีที่แล้ว Midori Hayate ก็ได้สร้างสถิติยอดขายสูงถึง 1,200 แก้วภายในวันเดียวจากบูทที่เซ็นทรัลลาดพร้าว ก็ยิ่งทำให้มี KOLs หลายคนมารีวิว และทำให้ร้านเป็นที่รู้จักในวงกว้างโดยไม่ต้องซื้อโฆษณาเลย

จากปัจจัยทั้งหมดนี้ ก็ทำให้ร้านเล็ก ๆ ที่เริ่มต้นด้วยตัวคุณคริสกับแฟนแค่ 2 คน กลายเป็นร้านมัทฉะยอดฮิต จนไม่ว่าใครไปเยือนขอนแก่น ก็อยากไปลิ้มลองนั่นเอง

สุดท้ายนี้ คุณคริสยังฝากเคล็ดลับให้กับคนรุ่นใหม่ที่อยากทำธุรกิจของตัวเองว่า อย่ากลัวที่จะขอคำแนะนำจากคนที่ทำธุรกิจเก่ง ๆ เพราะนั่นคือทางลัดที่ทำให้ธุรกิจโตได้เร็ว

และอยากให้ทุกคนลองเปิดใจกับสิ่งใหม่ ๆ แม้แต่สิ่งที่ไม่ชอบ เพราะอย่างตัวเขาเองก็เคยไม่ชอบมัทฉะ ถึงขนาดเบือนหน้าหนีไม่ชิม

โดยไม่รู้เลยว่าจากสิ่งที่เคยไม่ชอบในวันนั้นจะกลายมาเป็นสิ่งที่รัก และสร้างรายได้ให้เขาได้อย่างทุกวันนี้..

Reference :

สัมภาษณ์พิเศษกับคุณคริส-ศิร วงศ์วิเศษ เจ้าของร้าน Midori Hayate