สรุปไฮไลต์จากงาน Thailand Aesthetics Business Forum (TABF) 2025 “AI : Aesthetics Intelligence” ยิ่ง AI มา ยิ่งต้องเข้าใจลูกค้าให้มากขึ้น
Health & Beauty

สรุปไฮไลต์จากงาน Thailand Aesthetics Business Forum (TABF) 2025 “AI : Aesthetics Intelligence” ยิ่ง AI มา ยิ่งต้องเข้าใจลูกค้าให้มากขึ้น

26 ก.พ. 2025
ลงทุนเกิร์ล x Merz Aesthetics Thailand
นาทีนี้ AI ไม่เพียงกำลังก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของทุกคน แต่ยังเป็นหนึ่งในอาวุธสำคัญที่ทุกคนไม่อาจมองผ่าน
คำถามคือ ถ้าวันนี้ เราเป็นเจ้าของธุรกิจที่เกี่ยวกับความสวยความงาม เราจะนำ AI มาใช้อย่างไรให้ตอบโจทย์ธุรกิจมากที่สุด
ลงทุนเกิร์ลพาทุกคน ไปหาคำตอบแบบเจาะลึกในงาน Thailand Aesthetics Business Forum (TABF) 2025 “AI : Aesthetics Intelligence” ฟอรัมแห่งปีที่ บริษัท เมิร์ซ เอสเธติกส์ (ประเทศไทย) จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 
เพื่ออัปเดตความรู้ให้กับ Business Partner ที่เป็นแพทย์และนักการตลาดในคลินิกชั้นนำ ในการนำความรู้ ความเชี่ยวชาญในเรื่อง Aesthetics มาผสมผสานกับการนำ Generative AI มาใช้ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
สำหรับ กิจกรรมหลัก ๆ ในงาน จะแบ่งเป็น 3 ช่วง
ช่วงที่ 1 คุณแบงค์-สิทธินันท์ พลวิสุทธิ์ศักดิ์ เจ้าของเพจ “Content Shifu” จะพาทุกคนไปอัปเดต Trends & Insights ของผู้บริโภค ในปี 2025 ว่าควรปรับตัวอย่างไร เพื่อให้เข้าถึงใจลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ผ่าน 8 เทรนด์ที่น่าสนใจดังนี้
1. อินไซต์ของลูกค้า 
จะเห็นว่าปัจจุบันคนแต่ละ Gen มีการใช้โซเชียลมีเดียในแพลตฟอร์มที่แตกต่างกัน โดย Gen Z ใช้งานโซเชียลมีเดียมากกว่า Gen อื่น 
ขณะที่คนแต่ละ Gen มีการใช้ช่องทางในการหาข้อมูลต่างกัน เช่น Gen X และ Gen Y เน้นหาข้อมูลต่าง ๆ จากเซิร์ชเอนจิน แต่ Gen Z จะหาข้อมูลผ่านโซเชียลมีเดียมากกว่า
ดังนั้น การจะทำการตลาดให้ได้ผล ต้องรู้ว่าลูกค้าคือใคร จะเข้าถึงอย่างไร  เช่น จะเจาะกลุ่ม Gen X แต่ใช้ช่องทาง Lemon 8 ซึ่งเติบโตถึง 500% ในปีที่แล้วก็จริง แต่อาจจะไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
2. เทรนด์กลยุทธ์ดิจิทัล
“กลยุทธ์ คือ การเลือกว่าจะทำหรือไม่ทำอะไร ดังนั้น แทนที่จะเป็นคลินิกความงามที่มีบริการทุกอย่าง เพื่อลูกค้าทุกคน ไม่สู้มีบริการหลายอย่าง เพื่อเสิร์ฟลูกค้าหลายกลุ่ม แต่มีบริการบางอย่างที่เด่นมากเพื่อตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะ 
หรือ เวลาที่จะเลือกใช้เครื่องมือการตลาด ซึ่งมีอยู่มากมาย อาจจะศึกษาและเลือกเพียง 2-3 เครื่องมือมาทำให้ดีไปเลย”
3. เทรนด์เทคโนโลยีทางการตลาด หรือ MarTech 
เกิดจากการนำคำว่า Marketing และ Technology มารวมกัน กลายเป็นนวัตกรรมการตลาดที่ทำให้เข้าใจลูกค้าดีขึ้น ยังคงมาแรง
โดย 3 MarTech ที่ได้รับความนิยม คือ การซื้อแอดผ่าน Facebook การดูข้อมูลหลังบ้านผ่าน Google Analytics และการ ใช้ Social Listening ในการเก็บฟีดแบ็กลูกค้า​
4.เทรนด์ AI 
บิลล์ เกตส์ เคยกล่าวไว้ว่า “AI จะปฏิวัติอุตสาหกรรมเหมือนกับการมาของสมาร์ตโฟนและอินเทอร์เน็ต”
ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมในปี 2024 ที่ผ่านมา สถิติในการใช้ AI พุ่งทะยานขึ้น
เพราะนอกจากจะมีการนำ AI มาใช้อย่างหลากหลาย ทั้งการค้นหาข้อมูล ทำคอนเทนต์ รูปภาพ โฆษณา ยังมีการนำ Agentic AI หรือ ผู้ช่วย AI อัจฉริยะ มาใช้ด้วย
5. การโฆษณาและการประชาสัมพันธ์ 
ในปี 2024 งบโฆษณาดิจิทัลของประเทศไทยมีการคาดการณ์ไว้ที่ 34,000 ล้านบาท 
โดยเม็ดเงินจะกระจายไปในช่องทางต่าง ๆ ที่มาแรงคือ TikTok
โดยอุตสาหกรรมความงาม ถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีการใช้เม็ดเงินในการโฆษณาและการประชาสัมพันธ์ ซึ่งสะท้อนถึงการเติบโต แต่ก็สร้างความท้าทาย เพราะมีการแข่งขันที่สูง
6. เทรนด์ของการเก็บข้อมูล
“ยุคนี้ดาต้าสำคัญมากขึ้น ลำพังแค่การเก็บ Third Party Data อาจไม่เพียงพอ แนะนำให้เก็บ First Party Data เช่น ชื่อ อีเมล เบอร์โทร ของทั้งคนที่เป็นลูกค้าและไม่ใช่ลูกค้า เพื่อนำไปขยายผลต่อไป รวมถึง Zero Party Data เช่น ความชอบของลูกค้า เพื่อจะได้สื่อสารได้ตรงใจลูกค้ามากขึ้น
หนึ่งในเครื่องมือที่น่าจับตามองคือ E-Commerce Listening จากแต่ก่อนเราทำ Social Listening ดูว่าคนพูดถึงแบรนด์อย่างไร ตอนนี้ เรามี E-Commerce Listening ที่ช่วยวิเคราะห์ว่าสินค้าตัวไหนขายดี ทำให้ได้อินไซต์ว่าลูกค้ากำลังมองหาอะไร ซึ่งนำมาปรับใช้ได้ทั้งคนที่ทำโปรดักต์หรือกลุ่มธุรกิจบริการ”
7. Content Marketing Trend
ในปี 2024 คนไทยจะมีอัตราการใช้อินเทอร์เน็ตลดลงอยู่ที่วันละ 7 ชั่วโมง 50 นาที  แต่คนที่กระโจนเข้ามาทำธุรกิจออนไลน์กลับเติบโตสวนทาง ดังนั้น ถ้าไม่อยากโดนคลื่นคอนเทนต์กลบ แทนที่แบรนด์จะเน้นแต่อยากพูด ต้องนำเสนอคอนเทนต์ที่แตกต่าง ​
“ถ้าไม่รู้จะสร้างจุดต่างอย่างไร ให้โฟกัสเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เพื่อให้คนจดจำ
แทนที่จะบอกว่า เราเป็นคลินิกเสริมความงาม ให้เจาะหัตถการที่เด่น ๆ
โดยประเภทคอนเทนต์ที่โน้มน้าวใจคนไทยได้ดี ยังเป็นคอนเทนต์ที่แนะนำโดยครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์ 
รูปแบบที่ยังได้รับความนิยม คือ วิดีโอสั้น
8. การตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย
​3 แพลตฟอร์มที่คนไทยใช้เยอะคือ Facebook รองลงมาคือ TikTok และ YouTube 
แต่แพลตฟอร์มที่คนไทยเปิดถี่สุด คือ LINE 
คลิปวิดีโอสั้น ที่มี Performance ที่ดีที่สุด คือ คลิปตลก 37% คลิปสัตว์ 10% คลิปเต้น 7% 
โดยคลิปที่ได้รับความนิยมสูง เป็นคลิปที่มีความยาวมากกว่า 1 นาที ​
อย่างไรก็ตาม จากเทรนด์ทั้งหมด คุณแบงค์สรุปอย่างน่าสนใจว่า เทรนด์เป็นสิ่งที่ฟังให้รู้ แต่เรื่องพื้นฐานก็ยังเป็นเรื่องสำคัญ เช่น การเข้าใจลูกค้าและ Core Business ว่าธุรกิจของเรากำลังส่งมอบคุณค่าอะไรให้ลูกค้า คือสิ่งสำคัญที่ต้องโฟกัส เพื่อที่เราจะได้ปรับตัวไปตามเทรนด์ได้อย่างมั่นคง
“ผมมองว่า สิ่งสำคัญสุดในธุรกิจความสวยความงาม ยังหนีไม่พ้นเรื่องของ Human Touch
หลัก ๆ ผมมองว่าให้นำ AI มาช่วยเรื่องการทำโปรดักชันส์ แต่เรื่องของการให้ข้อมูล 
หรือการให้บริการ ยังต้องอาศัยมนุษย์ที่มีความเข้าใจลูกค้า มาให้บริการและดูแลด้วยตัวเอง”
ช่วงที่ 2 คุณเพิท-พงษ์ปิติ ผาสุขยืด ผู้ก่อตั้งเพจ “Ad Addict” อัปเดตเทรนด์สุดฮิต ที่ทุกคนต้องรู้ ! “ใช้ ChatGPT อย่างไรให้เป็นประโยชน์ในการทำการตลาด และการทำ Content” 
คุณเพิท ฉายภาพให้เห็นที่มาของ AI หรือ โปรแกรมคอมที่มีฟังก์ชันสามารถเลียนแบบการทำกิจกรรมของมนุษย์ว่า มีมาตั้งแต่ปี 1642 แต่เริ่มมีการพูดถึงตอนปี 2016 ที่มีข่าวว่าแชมป์โลกโกะ 18 สมัย พ่ายแพ้ให้กับอัลฟาโกะ (AlphaGo) ปัญญาประดิษฐ์ที่พัฒนาโดยกูเกิล
มาถึง Generative AI คือ AI ที่ถูกออกแบบให้สามารถสร้างอะไรใหม่ ๆ จากสิ่งที่มันได้เรียนรู้มา 
ในอดีตคนที่จะใช้งานได้ต้องเป็นโปรแกรมเมอร์ จน ChatGPT ถือกำเนิด ทำให้ AI กลายเป็นเรื่องใกล้ตัว
แล้วถ้าถามว่า เราจะเข้าสู่จักรวาลของ Generative AI ได้อย่างไร ?
คุณเพิท บอกว่า แลนด์สเคปของ Generative AI ใหญ่มากก็จริง แต่เราสามารถสรุปการใช้งานได้ผ่าน IDEA
I - Ideate ใช้ Generative AI ตั้งต้น เวลาคิดอะไรไม่ออก 
D - Develop เอาไอเดียหรือสิ่งที่เรามี มาให้ Generative AI ช่วยพัฒนาให้ดีขึ้น
E - Execute ให้ Generative AI ช่วยสร้างสรรค์ผลงานต่าง ๆ ออกมาให้
A - Analysis ให้ Generative AI ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ
แล้วสำหรับธุรกิจความงาม จะนำ AI มาใช้อย่างไร ? 
คุณเพิทบอกว่า “เราต้องมองว่า AI มาอย่างเป็นมิตร มาช่วยเรา 
เหมือนเรากำลังได้ห้องคลังอาวุธ ที่มีอาวุธมหาศาล
สิ่งสำคัญคือ เราต้องก้าวเข้าไปห้องนี้และเรียนรู้ว่า ถ้าจะสู้คนแบบนี้ คู่แข่งแบบนี้ จะเลือกอาวุธหรือเครื่องมือไหน
เราต้องเรียนรู้ที่จะใช้งาน นอกจากนี้เราต้องไม่ใช่แค่ถืออาวุธ แต่ทำให้อาวุธเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายให้ได้ เพราะ AI ไม่ได้มาแย่งกับเรา แต่คนที่ใช้ AI ต่างหากจะมาแย่งงานเรา”
ทั้งนี้ คุณเพิท มี 5 ขั้นตอนเริ่มใช้ GEN AI อย่างมีประสิทธิภาพมาแนะนำ
1. โจทย์ของเราคืออะไร เช่น คิดไอเดียไม่ออก มีไอเดียไม่รู้วิธีทำ ต้องการเนื้อหา เสียงประกอบ
ให้ AI ช่วย
2. เลือกเครื่องมือ AI ที่มีอยู่มากมาย สำหรับสายคอนเทนต์ แนะนำ ChatGPT, Claude
คนที่อยากทำภาพ แนะนำ Midjourney, Adobe Firefly เสียงแนะนำ Suno 
แต่ถ้าต้องการทำพรีเซนต์ แนะนำ Gamma AI
3. สั่งการให้ถูก Prompt = Brief (ประโยคคำสั่ง) ถ้าบรีฟไม่ดี ได้คำตอบกลับมาไม่ดี 
ดังนั้น เวลาจะ Prompt ต้องมีให้ครบ 4 องค์ประกอบ ได้แก่ คำสั่งหลัก สิ่งที่อยากให้ทำ รายละเอียดเพิ่มเติม รูปแบบผลลัพธ์
เช่น เขียน Content Headline สำหรับโปรโมตคลินิกความงามที่เด่นเรื่อง Botox ให้กลุ่มพนักงานประจำที่อาศัยอยู่ในนนทบุรี (ยิ่งละเอียดยิ่งดี) List มา 10 เฮดไลน์ภาษาไทย
4. ลองใช้หลาย ๆ ตัว เพราะ​ ไม่มี AI ตัวไหนที่ดีที่สุด มีแต่ AI ที่เหมาะกับเราที่สุด
5. หมั่นอัปเดตข่าวสารอยู่เสมอ เพราะโลกการตลาดที่เปลี่ยนแปลงเร็ว ยังไม่เท่าโลกของ AI​
ช่วงที่ 3 คุณหมอจูน-พญ.นันทนัช เดี่ยวสมบูรณ์ จาก “Classy Clinic” จะมาแชร์เบื้องหลังความสำเร็จของ “Classy Clinic” หลังจากที่ได้เข้าโปรแกรม CDP ช่วยพัฒนาธุรกิจให้คลินิก 
คุณหมอจูน บอกว่า “เทรนด์ความสวยยุคนี้ คือ ต้องสวยแบบสุขภาพดี และดูเป็นธรรมชาติ ทำให้คำว่า Healthy มาพร้อม Wellness ด้วยนวัตกรรมที่ถูกพัฒนา การดูแลตัวเองไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป 
ในอดีตถ้าอยากดูแลตัวเอง หลายคนจะนึกถึงการศัลยกรรม ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเยอะ และต้องใช้เวลาพักฟื้น ตอนนี้มีเทคโนโลยีที่แทบไม่ต้องพักฟื้น เช่น ยกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด
สำหรับธุรกิจความงาม ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจบริการ คุณหมอจูนมองว่า “ฮิวแมนทัชยังเป็นหัวใจสำคัญ แต่เทคโนโลยีต่าง ๆ อย่าง AI จะเข้ามาเป็นตัวเสริมในการสร้างความไว้วางใจและคอนเน็กต์กับลูกค้าดีขึ้น ทำให้เราสามารถเข้าใจความต้องการของลูกค้าดียิ่งขึ้น แล้วสามารถออกแบบการดูแลแบบเฉพาะบุคคล ที่ตรงตามความต้องการของลูกค้า”
ในฐานะที่ “Classy Clinic” ได้ร่วมโปรแกรมพัฒนาธุรกิจ Customer Development Plan หรือ CDP มาหลายปี รู้สึกดีใจ เพราะเข้ามาช่วยให้พัฒนาองค์กรได้รอบด้าน
“เมิร์ซ เอสเธติกส์ ไม่เพียงเป็นบริษัทที่ได้มาตรฐานระดับโลก แต่ยังมีการจัดเวิร์กช็อปเพื่อเพิ่มทักษะให้กับบุคลากร ยกระดับการให้บริการ มีการทำแคมเปญการตลาดเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคอยู่เสมอ
ที่สำคัญเมิร์ซ เอสเธติกส์ ไม่ได้โฟกัสแค่การพัฒนาในองค์กร แต่ยังสนับสนุนพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ ตั้งแต่การโปรโมตคลินิกให้เป็นที่รู้จัก มีทีมงานเฉพาะมาดูเรื่องซอฟต์สกิล มาพัฒนาบุคลากรคลินิก เช่น การพัฒนาบุคลิก การเป็นผู้นำ มีเวิร์กช็อปด้านการตลาดดี ๆ เพื่อให้นำไปปรับใช้ เพื่อให้ธุรกิจพาร์ตเนอร์โต คลินิกดูแลลูกค้าดีขึ้นอีกด้วย”
มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไม  เมิร์ซ เอสเธติกส์ ต้องจัดงานนี้ 
เภสัชกรหญิงกิตติวรรณ รัตนจันทร์ แม่ทัพใหญ่ของเมิร์ซ เอสเธติกส์ ประเทศไทยและสิงคโปร์
ได้ให้เหตุผลสำคัญ ก็เพราะเมิร์ซ เอสเธติกส์ มุ่งเป็นส่วนหนึ่งในการเติบโตไปกับทุกคน
ด้วยความเชื่อที่ว่า  Your Success is Our Success.  
สำหรับมุมมองของการนำ AI มาปรับใช้กับธุรกิจนั้น เมิร์ซ เอสเธติกส์ มองว่า AI จะเข้ามาช่วยทำให้การทำงานเร็วขึ้น ดีขึ้น มีประสิทธิภาพขึ้น แต่สุดท้ายแล้ว Key Success ของธุรกิจความงามที่ยั่งยืน ยังต้องมาจากการ “เข้าใจลูกค้าให้มากขึ้น” เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุด เพื่อสร้างความประทับใจให้ลูกค้า  
© 2025 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.