
Business
Mastrena เครื่องชงกาแฟในร้าน Starbucks ที่มีราคาสูงเกือบ 6 แสนบาท
30 พ.ค. 2025
Mastrena เครื่องชงกาแฟในร้าน Starbucks ที่มีราคาสูงเกือบ 6 แสนบาท /โดย ลงทุนเกิร์ล
เคยสงสัยกันหรือไม่คะว่าร้าน Starbucks ใช้เครื่องชงกาแฟจากแบรนด์ไหนเป็นหลัก ?
สำหรับใครที่เข้าไปดื่มกาแฟร้านนี้บ่อย ๆ
ก็คงจะคุ้นตากับเครื่องชงกาแฟสีทองแดง ที่มีโลโก Mastrena เคียงคู่กับโลโกของ Starbucks
ก็คงจะคุ้นตากับเครื่องชงกาแฟสีทองแดง ที่มีโลโก Mastrena เคียงคู่กับโลโกของ Starbucks
ซึ่งคำตอบของคำถามด้านบน ก็คือ Mastrena นั่นเอง
โดยเป็นเครื่องที่สั่งทำขึ้นมาเป็นพิเศษ และมีราคาสูงถึงเครื่องละ 593,000 บาทเลยทีเดียว
โดยเป็นเครื่องที่สั่งทำขึ้นมาเป็นพิเศษ และมีราคาสูงถึงเครื่องละ 593,000 บาทเลยทีเดียว
ที่น่าสนใจคือ เครื่องชงกาแฟ Mastrena นี้ ถูกผลิตโดยบริษัทที่มีพนักงานราว 500 คน
แต่สามารถส่งออกเครื่องชงกาแฟไปกว่า 80 ประเทศทั่วโลก และยังทำรายได้สูงถึง 7,600 ล้านบาทต่อปี
แต่สามารถส่งออกเครื่องชงกาแฟไปกว่า 80 ประเทศทั่วโลก และยังทำรายได้สูงถึง 7,600 ล้านบาทต่อปี
แล้วเครื่อง Mastrena พิเศษกว่าเครื่องชงกาแฟอื่น ๆ อย่างไร ? ทำไม Starbucks ถึงเลือกใช้ ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
เครื่องชงกาแฟ Mastrena ผลิตโดยบริษัท Thermoplan
ที่ก่อตั้งโดยสองพี่น้อง Steiner คุณ Esther และคุณ Domenic ในปี ค.ศ. 1974
ที่ก่อตั้งโดยสองพี่น้อง Steiner คุณ Esther และคุณ Domenic ในปี ค.ศ. 1974
โดยเป็นบริษัทจากเมืองเล็ก ๆ อย่าง เวกกีส์ ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่ง ณ เวลานั้นบริษัทผลิตและส่งออกเครื่องจักรต่าง ๆ ที่ใช้ภายในร้านอาหารเป็นหลัก
ต่อมาในปี ค.ศ. 1995 บริษัทก็เริ่มผลิตเครื่องชงกาแฟอย่างจริงจัง โดยเน้นไปที่เครื่องชงกาแฟประเภท Super-Automatic หรือเครื่องชงแบบอัตโนมัติสุดอัจฉริยะ
ซึ่งการทำงานของมันก็ง่ายมาก ๆ เพียงแค่ใส่เมล็ดกาแฟลงไปและกดปุ่ม
ส่วนที่เหลือเครื่องชงกาแฟจะคำนวณต่อเองทั้งหมด
ตั้งแต่การบดเมล็ดกาแฟ การกดกาแฟ และจบลงที่การสกัดออกมาเป็นช็อตเอสเปรสโซ
ตั้งแต่การบดเมล็ดกาแฟ การกดกาแฟ และจบลงที่การสกัดออกมาเป็นช็อตเอสเปรสโซ
ถือว่าเป็นเครื่องชงกาแฟที่ฉลาดมาก ๆ
แม้ผู้ใช้งานจะไม่มีความเชี่ยวชาญในการชงกาแฟ ก็สามารถใช้ได้ไม่ยาก รวมทั้งยังเป็นเครื่องชงกาแฟแบบอัตโนมัติเจ้าแรก ๆ ของโลก ที่สามารถสร้างระบบทำฟองนมได้อีกด้วย
แม้ผู้ใช้งานจะไม่มีความเชี่ยวชาญในการชงกาแฟ ก็สามารถใช้ได้ไม่ยาก รวมทั้งยังเป็นเครื่องชงกาแฟแบบอัตโนมัติเจ้าแรก ๆ ของโลก ที่สามารถสร้างระบบทำฟองนมได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม หากเราเดินเข้าไปใน Starbucks สมัยที่เพิ่งเริ่มเปิดร้านใหม่ ๆ เราก็คงยังไม่เห็นเครื่องชงกาแฟ Mastrena ตั้งอยู่อย่างปัจจุบัน
เพราะ Starbucks ยังใช้เครื่องชงกาแฟมาตรฐานเหมือน ๆ กับร้านทั่วไป อย่างแบรนด์ La Marzocco ระดับไฮเอนด์จากประเทศอิตาลี ที่จำเป็นต้องใช้บาริสตา ที่มีความชำนาญในการใช้เครื่องชงกาแฟ
แต่เมื่อ Starbucks เริ่มมีชื่อเสียง และขยายสาขาสู่หลายประเทศ การชงกาแฟแต่ละแก้วให้มีมาตรฐานเดียวกันในระยะเวลาที่น้อยที่สุดจึงกลายเป็นเรื่องสำคัญ
ซึ่งรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการบดเมล็ดกาแฟและการอัดผงกาแฟ ถือเป็นตัวแปรสำคัญ ที่สามารถทำให้กาแฟเสียรสชาติได้เลย
Starbucks จึงเปลี่ยนมาใช้เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติสุดอัจฉริยะ ที่กดเพียงแค่ปุ่มเดียวก็สามารถเสกช็อตเอสเปรสโซได้เหมือนเดิมทุกครั้ง
ทำให้เครื่องชงกาแฟของบริษัท Thermoplan
กลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกชั้นเลิศของร้าน Starbucks
กลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกชั้นเลิศของร้าน Starbucks
แต่ระดับ Starbucks แล้ว จะสั่งเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติธรรมดา ๆ ทั่วไปก็คงไม่ได้
ดังนั้นในปี ค.ศ. 2008 Starbucks จึงสั่งผลิตเครื่องชงกาแฟรุ่นพิเศษอย่าง Mastrena มาใช้ที่ร้าน
ดังนั้นในปี ค.ศ. 2008 Starbucks จึงสั่งผลิตเครื่องชงกาแฟรุ่นพิเศษอย่าง Mastrena มาใช้ที่ร้าน
อย่างไรก็ตาม บริษัท Thermoplan ก็ไม่ได้ผลิตแค่เครื่องชงกาแฟให้ Starbucks เพียงเจ้าเดียวเท่านั้น โดยยังส่งเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ ให้กับอีกหลายบริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น McDonald's และ IKEA
แล้วเครื่องชงกาแฟ Mastrena มีความพิเศษอย่างไร ?
อันดับแรก ระบบการทำงานที่ชาญฉลาด
แน่นอนว่าวันวันหนึ่ง Starbucks ต้องต้อนรับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และต้องชงกาแฟอย่างไม่หยุดพัก ทำให้ต้องการเครื่องชงกาแฟที่ทำงานได้อย่างรวดเร็ว
ซึ่ง Mastrena สามารถบดเมล็ดกาแฟจำนวนมากในระยะเวลาอันสั้น แต่ยังคงคุณภาพของเมล็ดกาแฟไว้ได้ดี และทำทุกอย่างเสร็จสรรพเพียงแค่ปุ่มเดียว ทำให้บาริสตามีเวลาเหลือที่จะแบ่งไปให้กับการบริการลูกค้า
เรื่องที่สอง Mastrena ไม่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป
แม้บริษัท Thermoplan จะผลิตเครื่องชงกาแฟให้ร้านอื่น ๆ อีกหลายร้าน แต่ความพิเศษของ Starbucks ก็คือ เป็นเจ้าเดียวในโลกที่ได้ใช้เครื่องชงกาแฟรุ่น Mastrena
โดยมีการพัฒนามาเป็นรุ่น Mastrena CS2 แทน ซึ่งมีระบบปฏิบัติการทำงานที่รวดเร็วกว่า
และสุดท้าย Mastrena มีตราสัญลักษณ์ “Swiss Made”
อย่างที่รู้กันว่าสวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศผู้นำด้านเครื่องจักรกลไกที่ซับซ้อน เช่น นาฬิกา และจะมีเครื่องหมาย Swiss Made สำหรับการการันตีคุณภาพ ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก
ซึ่งนอกจากเครื่องชงกาแฟรุ่น Mastrena แล้ว
เครื่องชงกาแฟอื่น ๆ ในบริษัท Thermoplan ก็ถูกผลิตและประกอบที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
รวมถึงส่วนประกอบ 80% ของเครื่องชงกาแฟเหล่านี้
ก็ต้องมีตราสัญลักษณ์ Swiss Made เช่นเดียวกัน
เครื่องชงกาแฟอื่น ๆ ในบริษัท Thermoplan ก็ถูกผลิตและประกอบที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
รวมถึงส่วนประกอบ 80% ของเครื่องชงกาแฟเหล่านี้
ก็ต้องมีตราสัญลักษณ์ Swiss Made เช่นเดียวกัน
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ใครอยากซื้อเครื่องชงกาแฟ Mastrena เพื่อมาตั้งบนบาร์กาแฟในบ้าน เท่ ๆ แบบ Starbucks ก็อย่าเพิ่งเสียใจไป
เพราะแม้เราจะซื้อรุ่น Mastrena ไม่ได้ แต่บริษัท Thermoplan ก็ยังมีเครื่องชงกาแฟอีกหลายรุ่น ที่รับรองว่าคุณภาพไม่แพ้กันแน่นอน เพราะการันตีด้วยสัญลักษณ์ “Swiss Made” อยู่แล้วทุกเครื่อง..
References :
-https://www.businessinsider.com/the-company-behind-starbucks-espresso-2014-8
-https://www.beanpoet.com/mastrena-espresso-machine/
-https://www.thermoplan.ch/en/thermoplan
-https://www.thecoffeebrewers.com/wewastesma.html
-https://www.tastingtable.com/1622276/espresso-machine-starbucks-stores/
-https://www.businessinsider.com/the-company-behind-starbucks-espresso-2014-8
-https://www.beanpoet.com/mastrena-espresso-machine/
-https://www.thermoplan.ch/en/thermoplan
-https://www.thecoffeebrewers.com/wewastesma.html
-https://www.tastingtable.com/1622276/espresso-machine-starbucks-stores/