
Business
เจาะกลยุทธ์ SKIN เจ้าของสกินแคร์แบรนด์ดัง Skinsista และ Dermie ที่กำลังจะ IPO
5 มิ.ย. 2025
SKIN x ลงทุนเกิร์ล
ใครที่เคยมีปัญหาสิว หรือกำลังมองหาแบรนด์สกินแคร์ที่ใส่ใจในเรื่องความอ่อนโยน เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย ในราคาย่อมเยา
แบรนด์ Skinsista คงเป็นตัวเลือกที่ใครหลาย ๆ คนนึกถึง เพราะมีสินค้าขายดีอย่าง ครีมซองหลากหลายสูตรที่ช่วยดูแลปัญหาสิวอย่างครอบคลุม แถมยังหาซื้อง่ายตามร้านสะดวกซื้อ
แต่รู้ไหมว่า เบื้องหลังแบรนด์สกินแคร์ที่หลายคนไว้ใจนี้
กำลังจะเติบโตอีกขั้น ด้วยการ IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์ mai เร็ว ๆ นี้
กำลังจะเติบโตอีกขั้น ด้วยการ IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์ mai เร็ว ๆ นี้
แล้วอะไรที่ทำให้ SKIN เติบโตได้ ท่ามกลางตลาดความงามอันดุเดือด ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
จุดเริ่มต้นของ SKIN เริ่มจากคุณณัฐพร พงษ์ชาญชวลิต ที่ตั้งใจจะปั้นแบรนด์ความงามที่มีคุณภาพเทียบเคียงเคาน์เตอร์แบรนด์ แต่มีราคาที่คนไทยทั่วไปสามารถเข้าถึงได้
ซึ่งในขณะนั้นคู่สมรสอย่างคุณชาญวิทย์ เขียวนาวาวงศ์ษา ก็ให้การสนับสนุน และชักชวนคุณธนชัย ถนอมทรัพย์ เพื่อนที่มีประสบการณ์ทำธุรกิจ มาร่วมจัดตั้งบริษัท สกิน ลาบอราทอรี่ จำกัด (มหาชน) หรือ “SKIN”
โดยบริษัทเป็นผู้คิดค้น พัฒนาสูตรสินค้าร่วมกับโรงงานผู้ผลิตที่ได้รับมาตรฐานการรับรองคุณภาพ,
ผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผิวหนัง และไม่ทดลองในสัตว์
ผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผิวหนัง และไม่ทดลองในสัตว์
เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคว่าเป็น สกินแคร์ที่มีความอ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
ปัจจุบันบริษัท มีแบรนด์ในเครือ 2 แบรนด์ คือ Skinsista และ Dermie
แบ่งกลุ่มสินค้าได้เป็น 5 หมวดหมู่ ได้แก่ เซรั่มบำรุงผิวหน้า, ครีมกันแดด, คลีนเซอร์, ครีมบำรุงผิวหน้า และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ
หากดูผลประกอบการที่ผ่านมาของบริษัท
ปี 2565 รายได้ 282 ล้านบาท กำไร 11 ล้านบาท
ปี 2566 รายได้ 272 ล้านบาท กำไร 17 ล้านบาท
ปี 2567 รายได้ 229 ล้านบาท กำไร 11 ล้านบาท
ปี 2566 รายได้ 272 ล้านบาท กำไร 17 ล้านบาท
ปี 2567 รายได้ 229 ล้านบาท กำไร 11 ล้านบาท
ทั้งนี้รายได้ในงบที่ลดลงส่วนหนึ่งมาจากมาตรฐานบัญชีในการรับรู้รายได้ของช่องทางขายขาดและขายฝากที่ต่างกัน ซึ่งในปี 2567 สัดส่วนรูปแบบฝากขายลดลงจากปีก่อนหน้า
ในส่วนของกำไรที่ดูเหมือนตกลงไปในปี 2567 ส่วนใหญ่มาจากค่าใช้จ่ายในการเตรียมการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai
อย่างไรก็ตาม SKIN ยังคงศักยภาพในการทำรายได้ และกำไร แม้เป็นกลุ่มธุรกิจ Red Ocean ที่มีแบรนด์น้อย-ใหญ่ มากมายเข้ามาเจาะตลาด
แล้ว SKIN ทำได้อย่างไร ?
ลงทุนเกิร์ลสรุปกลยุทธ์หลัก ออกมาได้ 3 ประเด็น ดังนี้
แล้ว SKIN ทำได้อย่างไร ?
ลงทุนเกิร์ลสรุปกลยุทธ์หลัก ออกมาได้ 3 ประเด็น ดังนี้
ข้อแรกคือ “สินค้าคุณภาพสูง ในราคาที่เข้าถึงได้”
SKIN พัฒนาสินค้าภายใต้คอนเซปต์ “ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าคุณภาพสูง เข้าถึงได้ ไม่ต้องจ่ายแพง”
โดยบริษัทเลือกใช้วัตถุดิบจาก supplier ระดับโลกที่ปลอดภัย พร้อมผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผิวหนัง
โดยบริษัทเลือกใช้วัตถุดิบจาก supplier ระดับโลกที่ปลอดภัย พร้อมผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผิวหนัง
ถัดมาคือ “เกาะเทรนด์ความงาม พร้อมแตกแบรนด์ใหม่”
ในอดีตกลุ่มลูกค้าหลักของแบรนด์ Skinsista คือกลุ่มผู้หญิงในช่วงอายุ 18-30 ปี ที่มีปัญหาสิวและริ้วรอย
แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ผู้คนเริ่มให้ความสนใจกับส่วนผสม และวัตถุดิบที่บริษัทเลือกใช้มากขึ้น ทำให้บริษัทคำนึงถึงการให้ความรู้ในการดูแลผิวที่ถูกต้องกับลูกค้าผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของแบรนด์
อีกทั้งยังผลิตครีมแบบซองในราคาหลักสิบบาท เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ต้องการสินค้าคุณภาพดี ในราคาสบายกระเป๋า และยังสะดวกสบายหาซื้อง่ายตามร้านสะดวกซื้อ
โดยล่าสุดยังเปิดตัวแบรนด์ใหม่ Dermie เวชสำอางที่มีคุณภาพเทียบเคียง Global Brand จับกลุ่มคนที่มีผิวแพ้ง่ายอายุ 20-45 ปี
เรียกได้ว่าสินค้าภายใต้ SKIN ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุกเพศทุกช่วงวัย รวมไปถึงกลุ่มคนที่ให้ความสนใจในการดูแลตัวเอง และเป็นผู้ติดตามข่าวสารด้านความงามอยู่เสมอ
สุดท้ายคือ “ขยายช่องทางจัดจำหน่าย อย่างครอบคลุม”
บริษัทมุ่งขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าให้มีความหลากหลาย เพื่อให้ลูกค้าหาซื้อสินค้าได้ง่ายมากขึ้น
มีการขยายผ่านหน้าร้าน เช่น ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ Watsons, ผลิตภัณฑ์ครีมซองผ่านร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven และ CJ Express รวมไปถึงช่องทางออนไลน์ เช่น ร้านค้าใน Shopee Lazada และ TikTok Shop
ทั้งนี้ จากข้อมูล Euromonitor พบว่าแนวโน้มอุตสาหกรรมความงามในไทยมีมูลค่าตลาดประมาณ 150,000 ล้านบาท
โดยแบ่งเป็นสกินแคร์ 120,000 ล้านบาท และเครื่องสำอาง 30,000 ล้านบาท พร้อมคาดการณ์การเติบโตเฉลี่ย 12% ต่อปี เนื่องจากผู้บริโภคสมัยใหม่ นิยมสินค้าความงามแบรนด์ไทย ที่มีคุณภาพเทียบเท่าแบรนด์ต่างประเทศมากขึ้น
ดังนั้นสินค้าภายใต้ SKIN ที่ตอบโจทย์เทรนด์ความงามทั้งเรื่องราคา และคุณภาพ
จึงมีโอกาสขยายฐานลูกค้าในไทยได้อีกมากในอนาคต
จึงมีโอกาสขยายฐานลูกค้าในไทยได้อีกมากในอนาคต
สำหรับเป้าหมายต่อไป SKIN เตรียม IPO เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ mai
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เงินทุนในการขยายกิจการและฐานลูกค้า พัฒนา R&D รวมทั้งเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ให้ตอบสนองตลาดที่เติบโตต่อเนื่อง
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เงินทุนในการขยายกิจการและฐานลูกค้า พัฒนา R&D รวมทั้งเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ให้ตอบสนองตลาดที่เติบโตต่อเนื่อง
อ่านมาถึงตรงนี้ จะเห็นได้ว่าจากแบรนด์ครีมซองที่เริ่มต้นจากความตั้งใจของคนไม่กี่คน
วันนี้กำลังจะกลายเป็นบริษัทมหาชนในตลาดหุ้นไทย
วันนี้กำลังจะกลายเป็นบริษัทมหาชนในตลาดหุ้นไทย
ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ และรองรับการเติบโตในระยะยาวแล้ว ยังเป็นอีกก้าวสำคัญของแบรนด์ไทยที่มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพอย่างแท้จริง
และนี่อาจเป็นแค่จุดเริ่มต้นของบทใหม่ที่น่าจับตา สำหรับ “SKIN”
Reference :
- เอกสารงบการเงินบริษัท สกิน ลาบอราทอรี่ จำกัด (มหาชน)
- เอกสารงบการเงินบริษัท สกิน ลาบอราทอรี่ จำกัด (มหาชน)
Tag:SKIN