คุยกับ แม่ทัพหญิงแห่ง KTC ผู้สานต่อวัฒนธรรมองค์กร ที่พนักงานทุกคนไม่หยุดพัฒนาตัวเอง
Business

คุยกับ แม่ทัพหญิงแห่ง KTC ผู้สานต่อวัฒนธรรมองค์กร ที่พนักงานทุกคนไม่หยุดพัฒนาตัวเอง

25 มิ.ย. 2025
คุยกับ แม่ทัพหญิงแห่ง KTC ผู้สานต่อวัฒนธรรมองค์กร ที่พนักงานทุกคนไม่หยุดพัฒนาตัวเอง /โดย ลงทุนเกิร์ล
KTC หรือ บมจ.บัตรกรุงไทย หนึ่งในผู้นำธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลของไทย ที่มีผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความท้าทายที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
ปัจจุบัน KTC มีหัวเรือใหญ่คือ คุณพิทยา วรปัญญาสกุล ผู้เห็นการเปลี่ยนแปลงของ KTC มาเกือบ 3 ทศวรรษ จากการร่วมเดินทางกับ KTC มาตั้งแต่ปี 2540 ก่อนจะขึ้นสู่เก้าอี้ CEO ในปีที่ผ่านมา
ซึ่งนอกจากคุณพิทยาจะรักษาผลงานการเติบโตอย่างโดดเด่นแล้ว
เธอยังได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยติดอันดับ 1 ใน 100 สตรีผู้ทรงอิทธิพลแห่งเอเชีย ประจำปี 2567 จากการจัดอันดับโดยนิตยสาร Fortune ในฐานะผู้นำหญิงผู้ขับเคลื่อนการเติบโตและนวัตกรรมในธุรกิจ
วันนี้ลงทุนเกิร์ล มีโอกาสได้คุยกับคุณพิทยาในแง่มุมของผู้นำที่ให้ความสำคัญกับ “คน” ในฐานะแรงขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญ และอาจเป็นบทเรียนการบริหารที่จะเป็นประโยชน์กับหลายองค์กร
เรื่องราวเบื้องหลังการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งของ KTC
จะมีรายละเอียดที่น่าสนใจอย่างไร ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
ก่อนอื่นต้องขอเท้าความก่อนว่า KTC เป็นอีกหนึ่งองค์กรในไทยที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของพนักงาน เพื่อสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ที่พนักงานทุกคนไม่หยุดพัฒนาตัวเอง
ซึ่งการสร้าง Learning Culture ของ KTC ไม่ได้เป็นสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น หรือเป็นเรื่องใหม่สำหรับคนในองค์กร แต่เริ่มปลูกฝังกันมาตั้งแต่ช่วงที่คุณระเฑียร ศรีมงคล ยังดำรงตำแหน่ง CEO
จนกลายมาเป็นปัจจัยขับเคลื่อนองค์กรที่ KTC ให้ความสำคัญมาโดยตลอด ซึ่งประกอบไปด้วย
คนกระบวนการทำงานเทคโนโลยี
โดย “คน” นับเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยทำให้เกิดกระบวนการทำงานที่เป็นระบบ รวมถึงขับเคลื่อนการใช้เทคโนโลยีในองค์กร
ประกอบกับ KTC เห็นว่าพนักงานทุกคนสามารถพัฒนาตัวเองได้อยู่เสมอ ขอแค่บริษัทช่วยสนับสนุนและสร้างบรรยากาศที่ทำให้คนอยากเรียนรู้
ทีนี้เลยกลายเป็นว่า การพัฒนาศักยภาพของพนักงาน เป็นอีกเรื่องที่ KTC ให้ความสำคัญ จนเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแรงมาถึงทุกวันนี้
สำหรับวัฒนธรรมการเรียนรู้ของ KTC จะให้ความสำคัญกับ 2 ปัจจัยหลัก ๆ ด้วยกัน
Provide EnvironmentKnowledge Sharing
ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งปันความรู้กันเองภายในองค์กร หรือการแบ่งปันสิ่งที่ถนัดให้กับคนภายนอก สถาบันการศึกษาหรือองค์กรต่าง ๆ เพื่อให้ตระหนักถึงเรื่องวินัยการเงิน จากข้อมูลของ KTC
ขณะที่ทาง HR ก็คอยหาคอนเทนต์มาแบ่งปันคนในองค์กรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องเป็นเรื่องงานเท่านั้น แต่สามารถครอบคลุมเนื้อหาอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์กับชีวิตพนักงาน
รวมถึงการใช้เทคโนโลยีมาช่วยร่นระยะเวลาการทำงาน ลดความผิดพลาด และช่วยให้พนักงานมีเวลาไปเรียนรู้เรื่องอื่น ซึ่งเป็นอีกวิธีที่ทาง KTC มองว่าเป็นการพัฒนาคนเช่นกัน
คุณพิทยายังบอกอีกด้วยว่า Core Value ของ KTC จะเน้นเรื่องของความกล้าแสดงออก ทำทุกอย่างให้ง่ายแต่ชาญฉลาด และที่สำคัญต้องเป็นสิ่งที่มีความหมายกับองค์กร
เพราะ KTC เชื่อว่าการเรียนรู้สามารถเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ จากการพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ดังนั้นพนักงานต้องกล้าออกความเห็น หรือไม่กลัวที่จะพูดในสิ่งที่ตัวเองรู้
จนกลายเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่กล้าสื่อสาร ซึ่งช่วยให้พนักงานเก่งขึ้นได้ผ่านการเรียนรู้จากความกล้านี้เอง
นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่โดดเด่นมากของคุณพิทยาในฐานะผู้บริหาร คือการนำ Coaching Culture มาใช้ในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ การันตีด้วยรางวัลระดับโลกจากการนำการบริหารแบบโคชพี่เลี้ยง มาเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กร
แล้ว Coaching Culture สำคัญอย่างไร ในมุมของผู้บริหารหญิงท่านนี้ ?
ในข้อนี้คุณพิทยาบอกกับลงทุนเกิร์ลว่า โดยทั่วไปแล้วอาจเข้าใจกันว่า “โคช” คือการนำคนเก่งมาสอน แต่หลักการโคชที่แท้จริงแล้วไม่ใช่การบอกหรือสอนอย่างเดียว เพราะบริบทของปัญหาของแต่ละคนนั้นต่างกัน
การโคช มีเป้าหมายคือเพื่อช่วยดึงศักยภาพของคนออกมา หรือช่วยให้พนักงานผ่านปัญหาที่ไม่สามารถข้ามผ่านได้ด้วยตัวเอง ด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น การตั้งคำถามที่ถูกต้อง
ข้อดีของการโคชที่คุณพิทยามองเห็นคือ การช่วยหาเบื้องลึกเบื้องหลังว่า อะไรคือ “ต้นเหตุ” ของปัญหาที่กำลังเผชิญ เพื่อให้สามารถพบทางออก และกลับมาทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยให้ทั้งคนและองค์กรเกิดความก้าวหน้า
คุณพิทยาเอง ก็เคยได้รับการโคช และเห็นแล้วว่าเป็นเทคนิคที่ได้ประโยชน์จริง เพราะสามารถทำให้ได้พูดออกมา จนได้ยินเสียงตัวเอง และหาทางออกเจอในที่สุด
ต่อมาคือประเด็นที่หลายองค์กรน่าจะกำลังสนใจ นั่นก็คือเรื่องของการสร้าง DNA องค์กร เพราะเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาและความร่วมมือ ซึ่งแน่นอนว่าองค์กรที่จะอยู่ได้อย่างมั่นคงควรมีวัฒนธรรมองค์กรที่ช่วยดึงดูดคนเก่ง และรักษาคนเก่าไว้ด้วยเช่นกัน
แล้ววัฒนธรรมองค์กรของ KTC มีหน้าตาเป็นอย่างไร ?
เมื่อพูดถึงเรื่องการสร้าง Culture องค์กร คุณพิทยามองว่าคือการ “พิสูจน์ให้เห็นคุณค่าของการเป็นคนที่เก่งขึ้น”
โดยต้องทำให้พนักงานเห็นว่า การตั้งใจเรียนรู้และมีศักยภาพเพิ่มขึ้น จะเป็นที่สะดุดตา และทำให้มีโอกาสเติบโตได้จริง
ซึ่งคนที่จะเติบโตได้ก็เพราะมี DNA ของ KTC คือ เป็นคนรักเรียน และต้องลงทุนกับเวลาในการเรียนรู้เพิ่มเติม ขณะเดียวกัน บริษัทก็จะลงทุนกับทรัพยากรเพื่อให้พนักงานได้อะไรกลับไปมากที่สุด
และอีกข้อคือการ “เซตตัวอย่างที่ดีให้คนอยากมาเรียน”
คุณพิทยาบอกกับเราว่าที่ KTC ต่อให้คุณจะอายุมากแค่ไหน หรือตำแหน่งซีเนียร์มากเท่าไร ทุกคนต้องไม่หยุดเรียนรู้
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นภาพพี่ ๆ ในองค์กรยังคงเรียนอยู่ตลอด และนำความรู้ที่ได้มาแบ่งปัน เป็นการสร้างอิมแพกต์ และเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับน้อง ๆ
หรือแม้แต่ในระหว่างการประชุม ก็ยังสามารถเรียนรู้เทคนิค วิธีการสื่อสารของเพื่อนร่วมงานได้ เพราะทุกอย่างที่ KTC สามารถเรียนรู้ได้หมด
“เรื่องการเรียน การสอบ การเข้าใจ มันเกิดขึ้นตลอดเวลาในชีวิตของคน KTC” การเรียนรู้จึงเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นทุกวันจนกลายเป็นเรื่องปกติ
ซึ่งคุณพิทยาได้ให้ข้อสรุปว่า สุดท้ายแล้วการสร้างองค์กรที่ทุกคนรักในการเรียนรู้นั้น ต้องมาจากผู้บริหารที่ต้องเชื่อในเรื่องนี้ก่อน
และต้องทำให้วัฒนธรรมนั้นเกิดขึ้นผ่านการกระตุ้นให้คนแบ่งปันความรู้ ซึ่งเป็นวิธีที่ทำได้เร็ว และได้ผลจริง
ซึ่งองค์กรเองก็ต้องมีเครื่องมือ มีการสนับสนุน และให้เวลาในการบ่มเพาะวัฒนธรรมการเรียนรู้ให้แทรกซึม จนกลายมาเป็นแกนหลักขององค์กร และการเรียนรู้นี่เอง ที่จะเป็นปัจจัยที่ทำให้บริษัทโตได้อย่างยั่งยืน..
References :
สัมภาษณ์พิเศษคุณพิทยา วรปัญญาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KTC, เว็บไซต์ของบริษัท
© 2025 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.