ละครสั้นแนวตั้ง คอนเทนต์เบาสมอง ที่ทำรายได้ 3.6 แสนล้านบาท
Business

ละครสั้นแนวตั้ง คอนเทนต์เบาสมอง ที่ทำรายได้ 3.6 แสนล้านบาท

2 ธ.ค. 2025
ละครสั้นแนวตั้ง คอนเทนต์เบาสมอง ที่ทำรายได้ 3.6 แสนล้านบาท /โดย ลงทุนเกิร์ล
ละครสั้นแนวตั้ง ตอนละไม่กี่นาที พล็อตเรื่องไม่ซับซ้อน ไม่มีนักแสดงชื่อดังดึงดูดให้คนมุง
แต่คอนเทนต์แนวนี้กลับมีผู้ชมนับล้านคนต่อเรื่อง และเป็นหนึ่งในรูปแบบความบันเทิงที่กำลังเติบโตเร็วที่สุด
ที่น่าสนใจคือมีการคาดการณ์ว่า ในปีนี้อุตสาหกรรมละครสั้นแนวตั้งทั่วโลก จะสร้างรายได้สูงถึง 3.6 แสนล้านบาท เลยทีเดียว
แล้วอะไรที่ทำให้คอนเทนต์ที่ดูเหมือนจะธรรมดา ทำเงินได้มากขนาดนี้ ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
ละครสั้นแนวตั้ง หรือที่ทั่วโลกรู้จักในชื่อ Microdrama ออกแบบมาให้เหมาะสำหรับดูผ่านโทรศัพท์มือถือโดยเฉพาะ
แต่ละตอนมีความยาวเพียง 1-3 นาที พล็อตเข้มข้น เดินเรื่องเร็ว ตัดจบตอนด้วยจังหวะค้างคา ดึงให้ดูต่อ
ไอเดียของคอนเทนต์ประเภทนี้ มีจุดเริ่มต้นมาจากจีน และได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงโควิด ที่ผู้คนไม่สามารถเข้าโรงภาพยนตร์ได้ ละครสั้นบนโทรศัพท์มือถือจึงกลายมาเป็นตัวเลือกความบันเทิงที่ตรงใจผู้ชม 
และด้วยรูปแบบการเล่าเรื่องที่สั้น กระชับทำให้ดูต่อเนื่องได้เพลินในช่วงล็อกดาวน์ ทำให้ละครแนวตั้ง โตแบบก้าวกระโดด จนทำรายได้ไปกว่า 1.6 หมื่นล้านบาทในปี 2021 
และยังคงเป็นคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะในปีที่แล้ว ที่ละครสั้นในจีนทำเงินได้มากขนาดที่ว่าแซงรายได้จากการขายตั๋วหนังทั้งประเทศ ได้เป็นครั้งแรก
นอกจากนี้ความนิยมของละครแนวตั้งยังขยายไปสู่กลุ่มผู้ชมในต่างประเทศ กระตุ้นให้สตูดิโอจากฝั่งอเมริกาและยุโรปมาลงสนามผลิตละครสั้นรับกระแสคนดูที่เพิ่มขึ้น
ทำให้เราได้เห็นคอนเทนต์ที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งด้านโปรดักชัน นักแสดง ไปจนถึงเนื้อเรื่องที่ไม่ใช่แค่ละครจีนอีกต่อไป
ซึ่งสูตรสำเร็จที่ทำให้ละครแนวตั้งเป็นที่นิยมไปทั่วโลก ก็มาจากเนื้อหาหักมุม และเหตุการณ์เข้มข้นในทุกตอน เข้ากับกระแสปัจจุบันที่คนเน้นเสพคอนเทนต์เร็ว กระชับ
โดยส่วนใหญ่จะเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับความรักแนวโรแมนติกเข้มข้น ดรามาแก้แค้น ไปจนถึงบทแฟนตาซีย้อนเวลา สลับร่าง แวมไพร์
ตัวอย่างเช่น เรื่องราวของหญิงสาวบ้านรวยระดับมหาเศรษฐีที่ปกปิดฐานะตอนย้ายไปโรงเรียนใหม่ แต่ดันถูกลูกสาวคนใช้ในบ้านสวมรอย และยังพาเพื่อนมาดูถูก จุดพีกของเรื่องจึงอยู่ที่การเปิดโปงความจริงทั้งหมด
ยิ่งบทดูเวอร์แต่สะใจ คนยิ่งอยากตามดูว่าตอนต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น
นอกจากนี้ รูปแบบการเล่าเรื่องของละครแนวตั้งยังเป็นการตอบสนองพฤติกรรมที่เรียกว่า “Instant Gratification” หรือความพึงพอใจแบบเร่งด่วน 
ด้วยการฮุกคนดูตั้งแต่วินาทีแรก ไม่ใช้เวลาปูฉากหรือแนะนำตัวละครจนยืดเยื้อ คนดูได้อารมณ์ร่วมทันที แม้ส่วนใหญ่บทจะดูเล่นใหญ่เกินจริง แต่กลับชวนให้ดูต่อได้
และหมัดเด็ดต่อไปของแพลตฟอร์มละครสั้น คือการตัดเนื้อเรื่องในช่วงที่กำลังเข้มข้นน่าติดตาม หรือที่เรียกว่า Cliffhanger ซึ่งเป็นเทคนิคการเล่าเรื่องที่ตั้งใจจบเรื่องแบบค้างคาใจคนดู 
ทำให้หลายคนที่หลวมตัวเข้ามาดูละครสั้นเฉพาะตอนที่เอามาโฆษณาตามโซเชียลมีเดีย ถึงตอนนี้ยอมจ่ายเงิน ตามเข้าไปดูต่อในแพลตฟอร์ม เพราะอยากรู้ว่าเรื่องราวจะจบอย่างไร 
สำหรับโมเดลรายได้หลักจะมีทั้งแบบ Subscription และใช้ Coins หรือเหรียญเพื่อปลดล็อกดูเป็นตอน ๆ 
ซึ่งแต่ละตอนก็จะใช้จำนวนเหรียญแตกต่างกันออกไป 
ตัวอย่างแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง ReelShort ก็ใช้ระบบ Coins โดยจะให้ผู้ชมดูได้ฟรีช่วง 6-10 ตอนแรก แต่ถ้าอยากดูต่อจะต้องใช้เหรียญเพื่อปลดล็อกตอนถัดไป
ส่วนราคาก็จะเริ่มต้นที่ประมาณ 162 บาทสำหรับการซื้อแพ็ก 500 เหรียญ 
สมมติว่า 1 ตอนต้องใช้ 18 เหรียญ ก็จะตกประมาณตอนละ 5.8 บาท 
และถ้าเรื่องนั้นมีความยาว 40 ตอน เท่ากับว่าต้องจ่ายทั้งหมดรวมแล้ว 233 บาท สำหรับละคร 1 เรื่อง
จะเห็นได้เลยว่าแม้จะเป็นยอดใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ ในแพลตฟอร์ม แต่เมื่อรวมกันแล้วกลับทำเงินให้แพลตฟอร์มได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
และในจำนวนผู้ชมจากจีนเพียงอย่างเดียวก็มีมากกว่า 830 ล้านคนแล้ว ซึ่งในจำนวนดังกล่าวมีกว่า 60% ที่ยอมควักเงินจ่ายให้กับแพลตฟอร์ม
สุดท้าย สิ่งที่ผลักให้ตลาดนี้โตแบบก้าวกระโดด ก็คือ ต้นทุนการผลิตที่ไม่สูง แต่กลับทำเงินได้มหาศาล
ยกตัวอย่าง The Crown ซีรีส์ของ Netflix ที่ใช้งบการผลิต 1 ตอน ประมาณ 450 ล้านบาท 
ตัดมาที่ละครแนวตั้งที่ไม่จำเป็นต้องใช้นักแสดงดัง โปรดักชันขนาดเล็ก ต้นทุนการผลิตทั้งเรื่องเพียง 3-9 ล้านบาท 
และถ้าเรื่องไหนเป็นกระแสก็สามารถมีคนดูทะลุ 10 ล้านได้ไม่ยาก แถมแพลตฟอร์มยังสามารถทำเงินจากค่าโฆษณาบนแอปฯ ได้อีกทาง
ด้วยโมเดลแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ผู้ผลิตละครแนวตั้ง ทำคอนเทนต์มาป้อนคนดูได้เรื่อย ๆ จนสร้างฐานคนดูแบบทวีคูณ
ถ้าพูดถึงแพลตฟอร์มที่คนส่วนใหญ่ใช้ดูละครแนวตั้ง ก็มีหลายเจ้าที่โดดเด่น เช่น
- ReelShort แพลตฟอร์มสัญชาติอเมริกัน สนับสนุนโดยบริษัทแม่ในจีน ผลงานที่ได้รับความนิยมมากที่สุดมียอดรับชมเกือบ 500 ล้านครั้ง
- DramaBox แพลตฟอร์มจากสิงคโปร์ ในปีที่ผ่านมามียอดผู้ใช้งาน (MAU) กว่า 30 ล้านคน
- GoodShort แพลตฟอร์มจากสิงคโปร์ ทุกวันนี้มียอดดาวน์โหลดบน Google Play มากกว่า 10 ล้านครั้ง
และยังมีข้อมูลจาก Sensor Tower ที่ประมาณการรายได้จากการใช้จ่ายในแอปฯ จนถึงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยคาดว่า DramaBox จะทำรายได้ราว 1.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ ReelShort จะทำเงินได้กว่า 1.6 หมื่นล้านบาท
แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับเลยคือ ความนิยมของละครแนวตั้งที่เพิ่มขึ้นได้กลายเป็นแหล่งรายได้ให้กับอุตสาหกรรมบันเทิง ซึ่งรวมถึงคนทำงานเบื้องหลังที่กำลังเติบโตไปพร้อมกับกระแสนี้.. 
References :
- China Daily, The Verge, Variety, NBC, Business Insider
© 2025 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.