นาฬิกา Cartier คือ “Rolex ของ Gen Z” จริงไหม ? /โดย ลงทุนเกิร์ล
ในโลกที่เทรนด์แฟชั่นหมุนเร็วแทบทุกวินาที แต่มีของบางอย่างที่ยังอยู่ใน Wishlist ของผู้คนเสมอ นั่นคือ กล่องสีแดง ที่มาพร้อมเครื่องประดับ Cartier

ที่น่าสนใจคือ ตอนนี้ นาฬิกา Cartier ได้ก้าวมาเป็นไอเทมที่คนรุ่นใหม่อยากมี จนถูกเรียกว่า “Rolex ของ Gen Z”

แล้วทำไม Cartier ถึงชิงพื้นที่บนข้อมือของ Gen Z ได้ ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง

ต้องบอกว่าเรื่องนี้มีตัวเลขที่ไม่โกหกว่า Cartier คือแบรนด์ของคนรุ่นใหม่จริง ๆ

โดยแพลตฟอร์มซื้อขายนาฬิกาหรู Chrono24 เผยว่า สัดส่วนการใช้จ่ายของลูกค้า Gen Z กับแบรนด์ Cartier พุ่งขึ้นเป็น 6.8% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 จากเดิมที่มีเพียง 1.7% ในปี 2018

และถ้าถามว่า Gen Z ชอบ Cartier รุ่นไหนเป็นพิเศษ ?
คำตอบคือ รุ่นเริ่มต้นอย่าง Tank, รุ่นที่เน้นความสปอร์ตอย่าง Santos และรุ่นที่เน้นความหรูหราอย่าง Panthère

ด้านราคารีเซลของนาฬิกา Cartier บนแพลตฟอร์มซื้อขายนาฬิกาหรู Subdial ขยับขึ้น 10% ระหว่างเดือนมีนาคมถึงตุลาคมในปีนี้ แถมแพลตฟอร์มยังได้รับคำขอให้จัดหานาฬิการุ่น Panthère เป็นประจำ

ยิ่งไปกว่านั้น ฝั่งนักวิเคราะห์ Vontobel Equity Research ยังประเมินว่ายอดขายนาฬิกาของ Cartier เติบโตขึ้นถึง 15% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2025 ซึ่งสูงกว่า Rolex ที่คาดว่าเติบโตในระดับเลขหลักเดียว และสูงกว่าอุตสาหกรรมนาฬิกาสวิสโดยรวม

เบื้องหลังความสำเร็จนี้ มาจากวิสัยทัศน์ของคุณ Cyrille Vigneron อดีต CEO ของ Cartier ที่เข้ามารับตำแหน่งในปี 2016 และอยู่จนถึงปี 2024

เขาได้ปรับทิศทางของแบรนด์ หันมาโฟกัสที่มรดกของแบรนด์ ด้านการออกแบบนาฬิกาที่มีรูปทรงแปลกตาแต่ประณีตบรรจง แทนที่จะไปแข่งเรื่องกลไกซับซ้อน

ซึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปี 2017 เมื่อเขานำนาฬิการุ่น Panthère กลับมาวางจำหน่ายอีกครั้ง พร้อมแคมเปญโฆษณา ที่เข้าถึง Gen Z ได้อย่างจัง

แต่สิ่งที่เป็นไม้ตาย คือการเชิญชวนลูกค้าเก่าที่มีนาฬิกา Panthère อยู่แล้ว ให้นำกลับมาซ่อมฟรีพร้อมรับประกัน 2 ปี ซึ่งผลลัพธ์คือนาฬิกาที่เคยถูกเก็บในลิ้นชักถูกนำกลับมาซ่อมและส่งต่อให้ลูกหลาน สร้างฐานแฟนคลับรุ่นใหม่ขึ้นมาทันที

จากนั้น 1 ปีต่อมา คุณ Vigneron ก็นำนาฬิการุ่น Santos กลับมาอีกครั้งผ่านแคมเปญโฆษณา พร้อมปรับโฉมไลน์นาฬิการุ่นไอคอนิก เช่น Tank และ Baignoire

นอกจากกลยุทธ์แบรนด์แล้ว ยังมีเหตุผลอื่น ๆ ที่ซัปพอร์ตปรากฏการณ์นี้ ได้แก่

“ดิไซน์ที่ Unisex”

จุดแข็งของ Cartier คือดิไซน์ที่ไม่จำกัดเพศ ซึ่งตรงกับค่านิยมของ Gen Z ที่ไม่ยึดติดกับกรอบเดิม ๆ ยกตัวอย่าง Timothée Chalamet แอมบาสเดอร์ของแบรนด์ ก็สวมใส่นาฬิกาเรือนเล็กทรงที่ผู้หญิงนิยมได้อย่างเป็นธรรมชาติ

และถ้าดูจากภาพรวมยอดขายนาฬิกา Cartier ที่ LuxeConsult ประมาณการว่า 55% มาจากผู้ชาย และ 45% มาจากผู้หญิง ก็สะท้อนว่า Cartier ตอบโจทย์ทุกเพศ

“Social Media และ Pop Culture”

การที่เห็นคนดัง เช่น Jacob Elordi, Zendaya, Dua Lipa และ Tyler, The Creator สวมใส่ Cartier ทำให้แบรนด์ดูคูล และเป็นกระแสในโลกแฟชั่น

อีกทั้ง พลังของ Pop Culture ในยุคนี้แรงมาก เพราะหลังภาพข่าวการหมั้นของ Taylor Swift ที่เธอสวมนาฬิการุ่น Santos Demoiselle รุ่นหายากที่เลิกผลิตไปแล้ว

ยอดเซิร์ชเกี่ยวกับ Cartier Santos Demoiselle ก็เพิ่มขึ้นถึง 2,000% ใน 2 วันหลังจากนั้น เป็นอีกโมเมนต์ที่จุดกระแสให้ Cartier กลายเป็นนาฬิกาที่คนรุ่นใหม่อยากครอบครองมากที่สุด

“ราคาที่จับต้องได้ เมื่อเทียบกับกระเป๋าหรู”

ในยุคที่กระเป๋าหรูหลายแบรนด์ขึ้นราคาแรงจนเกินเอื้อม คนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยจึงลดการซื้อกระเป๋า แล้วหันมาซื้อเครื่องประดับและนาฬิกาหรูมากขึ้น เพราะมองว่าได้ภาพลักษณ์หรูหราเหมือนกัน และคุ้มค่าที่จะลงทุนกว่า

ปัจจุบัน แม้ว่า Rolex จะยังคงครองแชมป์ในแง่ของจำนวนการผลิตที่ 1.2 ล้านเรือนต่อปี เทียบกับ Cartier ที่ 715,000 เรือนต่อปี

แต่ความสำเร็จของ Cartier ทำให้ Rolex ไม่สามารถนิ่งเฉยได้ โดย Rolex ได้เริ่มทดลองตลาด Dress Watch ด้วยการเปิดตัวรุ่น 1908 และใช้หน้าปัดสีสันสดใส เช่น สีเขียวพิสตาชิโอและสีลาเวนเดอร์ ในขนาดที่เล็กลงด้วย

ขณะเดียวกัน นาฬิกา Rolex รุ่น Lady Datejust ขนาด 26 มม. ที่เลิกผลิตไปแล้ว ก็เริ่มกลับมาฮิต รีเซลกันแพงขึ้น เนื่องจากมีกลิ่นอาย Old Money คล้ายกับ Cartier Panthère จึงเป็นไปได้ว่า Rolex อาจพิจารณานำกลับมาผลิตอีกครั้ง

สำหรับก้าวต่อไปของ Cartier หลายฝ่ายจับตามองว่าแบรนด์อาจจะนำรุ่น Santos Demoiselle หรือที่เรียกกันว่านาฬิกา Taylor Swift กลับมาผลิตใหม่ เพื่อรักษาโมเมนตัมและยืนระยะในใจ Gen Z ต่อไป..

References :

Bloomberg, Business Insider